ตอนที่แล้วตอนที่ 5 : โลกสีเทา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 : ปิดทั้งสามเขต

ตอนที่ 6 : กฎการกำกับของเฉินหลิง


ในการสร้างและพัฒนาโครงเรื่อง หลักสำคัญคือการสร้างความขัดแย้ง หากเรื่องราวไม่ขัดแย้งหรือน่าติดตามเพียงพอ ให้สร้าง 'ความเข้าใจผิด' เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงเรื่อง

มีกฎหลายข้อที่เขาสรุปได้ จากการเป็นผู้กำกับการแสดงในชีวิตก่อนเมื่อนึกถึงภาพอดีตก็แวบเข้ามาในหัวของเฉินหลิง รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นในดวงตาเขา

.

.

[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +3]

.

.

  [ค่าความคาดหวังปัจจุบัน: 32%]

.

ทันทีที่เขาเห็นคำสองบรรทัดนี้ลอยอยู่บนนมถั่วเหลือง เฉินหลิงก็รู้ว่าเขาเดาถูก

ลุงจ้าวตัวแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด

เขามองไปที่เฉินหลิงด้วยความประหลาดใจ ในตอนแรกเขาสับสน จากนั้นตกใจ และในที่สุดก็ตกอยู่ในความเงียบงัน...

"ลุงจ้าวครับ ผมรับปากเสี่ยวอี่ว่าจะช่วยเขาเก็บเป็นความลับ...แต่ลุงจ้าว ยังไงเสี่ยวอี่ก็เป็นลูกชายของคุณ ผมคิดว่าเขากตัญญูต่อคุณแน่นอน...แม้ว่าเขามักจะออกไปเที่ยวกับผู้ชายอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเลยส่งผลเสียต่อการเรียน”

เฉินหลิงถอนหายใจ "วันนี้ผมยังเห็นเขานั่งยิ้มที่เบาะหลังรถสามล้อของเด็กชายคนหนึ่ง เขาหัวเราะเสียงดัง ดูท่าจะมีความสุขมากๆ เลยครับ…”

ตัวลุงจ้าวสั่นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น ลมหายใจหนักหน่วงขึ้น

“โอเค... ลุงเข้าใจแล้ว” ลุงจ้าวพยายามอย่างมากที่จะฝืนยิ้ม และมันดูน่ากลัวเล็กน้อย “ขอบคุณนะอาหลิง”

“ยังไงก็เถอะ ผมรับปากเสี่ยวอี่จะเก็บเป็นความลับ ดังนั้นคุณห้ามบอกเขาเด็ดขาด ว่าผมเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคุณลุง...”

"วางใจเถอะ ลุงรู้แล้ว"

หลังจากที่เฉินหลิงดื่มนมถั่วเหลืองคำสุดท้าย เขาก็บอกลาลุงจ้าวและจากไป

แต่ดูเหมือนว่าลุงจ้าวจะไม่ได้ยิน เขาเอาแต่ก้มลง สายตามองหาบางอย่างในร้าน หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็หยิบท่อนไม้หนาเท่ากำปั้นออกมาจากมุมห้อง แล้วค่อยๆ นั่งบนม้านั่งหน้าร้าน

สายลมหนาวเย็นพัดผ่านถนน เส้นผมสองสามเส้นของลุงจ้าวและผ้าซับเหงื่อบนหน้าผากปลิวตามแรงลม

เขานั่งอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ ใช้มือข้างเดียวถือท่อนไม้ตีลงบนพื้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมองสุดปลายถนน เหมือนกับนักรบที่พร้อมสังหารศัตรู!

แม้ดูเหมือนว่าเฉินหลิงจะจากไปแล้ว แต่ความจริงนั้นเขาแอบเดินกลับเข้าไปในตรอกซอกซอย ยืนหลบอยู่ใต้เงาต้นไม้ตรงหัวมุม เขาสามารถมองเห็นร้านลุงจ้าวได้ทั้งร้าน

.

ไม่กี่นาทีต่อมา รถสามล้อคันหนึ่งแล่นมาจากท้ายถนน

จ้าวอี่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างรถ ถังเกลือสองใบด้านหลังเขาถูกโปรยจนหมดแล้ว ตอนนี้เขากำลังเล่นกับเหรียญทองแดงสองสามเหรียญที่เพิ่งได้รับมา เขายิ้มกว้างจนปากเกือบจะฉีกถึงรูหู

“เฮ้อ การหาเงินก็ไม่ได้ยากอะไรนี่”

“พี่อี่ แน่นอนว่ามันไม่ยากสำหรับพี่ เพราะทั้งวันเป็นผมที่ปั่นจักรยาน!” เด็กชายที่อยู่ด้านหน้ายืนขึ้นและถีบรถสามล้ออย่างแรง

“พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือนาย มันต่างกันตรงไหนล่ะ”

จ้าวอี่หยิบเหรียญทองแดงสองเหรียญออกมาจากฝ่ามือ แล้วยัดมันเข้าไปในกระเป๋าของชายหนุ่ม “นี่ให้นาย”

ไม่ไกลนัก เปลือกตาลุงจ้าวกระตุกถี่ๆ  เมื่อเห็นจ้าวอี่เอามือจับเอวชายหนุ่มคนนั้น

“พี่อี่ พี่ให้ผมปั่นทั้งวัน แต่ให้แค่สองเหรียญเหรอ” เด็กชายเบิกตากว้าง “พี่ได้เงินตั้งยี่สิบเหรียญจากสำนักงานจัดการถนนไม่ใช่เหรอ?

“งานสาดเกลือเป็นงานด้านเทคนิค แน่นอนว่าฉันจะได้คะแนนมากกว่านี้”

จ้าวอี่ตอบอย่างเกียจคร้าน จากนั้นกระโดดลงจากรถสามล้อ เขายิ้มและโบกมือให้อีกฝ่าย

“ฉันจะรอนายที่เดิมพรุ่งนี้..ถ้านายกล้ามาช้า ฉันจะทุบตีนายทุกครั้งที่เจอนาย เข้าใจมั้ย?”

พูดจบเขาก็ถือเหรียญทองแดงที่เหลือทั้งหมดสิบแปดเหรียญไว้ในกำมือ แล้วเดินไปที่ร้านอย่างเชิดหน้าเชิดตา

ชายหนุ่มบนจักรยานมองเขาด้วยความโกรธ แต่เมื่อจ้าวอี่มองกลับด้วยท่าทางที่ดุร้าย เขาก็รู้สึกหวาดกลัวทันที

จ้าวอี่เป็นวัยรุ่นอันธพาลบนถนนหานซวง แทบไม่มีใครในรุ่นเดียวกันกล้ายุ่งด้วย เด็กชายบนจักรยานถูกข่มขู่ตลอดทั้งวัน และเขาทำได้เพียงกัดฟันกลืนมันลงท้องไป

“พ่อ ผมกลับมาแล้ว!!”

จ้าวอี่ก้าวยาวๆ ถือเหรียญทองแดงจำนวน 18 เหรียญไว้ในมือ เขาไม่เคยมั่นใจขนาดนี้มาก่อนเมื่อกลับบ้าน

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทันทีที่เขาเดินไปที่ประตูร้าน เขาก็รู้สึกหนาวสั่นแปลกๆ

ร่างที่ถือท่อนไม้ค่อยๆ ลุกขึ้น บรรยากาศลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง ดวงตาอันโกรธเกรี้ยวของลุงจ้าวจับจ้องไปยังจ้าวอี่ ไม่ต่างจากนักรบที่ถือหอก และกำลังเดินไปหาเขาด้วยเจตนาฆ่า

“พะ...พ่อ?” จ้าวอี่เห็นท่อนไม้นั้นจึงก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

“เป็นเขาใช่มั้ย” ลุงจ้าวชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มที่กำลังขี่รถออกไป มือเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ

“ไอ้สารเลว! แกเรียนไม่ได้เรื่อง แล้วทำไมแกถึงทำแบบนี้อีก แกแอบทำลับๆ ล่อๆ ลับหลังฉัน!”

"แกเคยบอกว่า แกอยากมีความรักและคบกับผู้หญิงอย่างจริงจัง แล้วทำไมถึงไปคบกับผู้ชายล่ะ!"

"ผู้ชายจะให้กำเนิดลูกได้มั้ย ช่วยตระกูลจ้าวสืบทอดเชื้อสายได้มั้ย!"

“แกจะทำให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเหรอ!!”

ลุงจ้าวตะโกนและไล่ตามจ้าวอี่อย่างดุเดือด  คนหลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เมื่อได้ยินคำดุด่าของลุงจ้าว เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ เกือบครึ่งถนนพากันเดินออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

พวกเขารวมตัวกันด้วยความสงสัย เริ่มชี้ไม้ชี้มือไปที่จ้าวอี่ที่ถูกตามล่า แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้พูดอะไรกัน แต่พวกเขาล้วนมีสีหน้าตกใจ

.

.

[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +1...+1...+1...]

.

ขณะที่จ้าวอี่กรีดร้องหลังจากถูกทุบตี ตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าเฉินหลิงก็เริ่มเด้งขึ้นรัวๆ

หากเขาสามารถเข้าไปในโรงละครได้อีกครั้ง เขาจะสามารถเห็น "ผู้ชม" เงาดำที่หนาแน่นกำลังดูฉากนี้ด้วยความสนใจ พร้อมรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก

“ความขัดแย้งนั้นถูกต้อง...แต่ตัวละครยังไม่เพียงพอ” เฉินหลิงจ้องมองไปที่รถสามล้อซึ่งอยู่ไม่ไกล

“เสี่ยวลิ่ว”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเฉินหลิง เด็กชายปั่นจักรยานกำลังกินแตงโม ก็หันมาด้วยความงุนงง

“พี่อาหลิง พี่อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”

“วันนี้พวกนายไปละลายน้ำแข็ง เสี่ยวอี่ให้เงินนายเท่าไหร่?”

“...สองเหรียญ” เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ ความไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“เขากลับคำพูด เดิมทีเขาบอกว่าจะให้ผมปั่นจักรยานและให้เงินส่วนใหญ่ที่เขาได้มาให้ผม แต่สุดท้ายเขาก็ให้เงินผมนิดหน่อยเท่านั้น แถมยังขู่ให้ผมทำงานกับเขาอีกพรุ่งนี้...”

"นายต้องการแก้แค้นเขามั้ย?" เฉินหลิงมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย "หรืออีกนัยหนึ่ง เขาจะไม่สามารถรังแกนายได้อีก แม้ว่าพวกนายบังเอิญพบกันก็ตาม"

"อยาก!"

"ถ้างั้น ฉันจะสอนนาย..."

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังกระซิบกัน ด้านจ้าวอี่ก็หมดแรงวิ่งหนีจากการไล่ตีของลุงจ้าวแล้ว

“พ่อครับ พ่อหยุดเถอะ! ผมไม่ใช่เกย์จริงๆ!” ในที่สุดจ้าวอี่ก็รู้สึกตัว และพยายามอธิบาย “ผมสาบานได้ ผมจ้าวอี่ชอบผู้หญิงมาตลอด! โดยเฉพาะผู้หญิงที่อวบอิ่มและมีเสน่ห์...”

ผู้ชมที่มุงดูอยู่รอบๆ อ้าปากค้างเล็กน้อยพลางครุ่นคิด

ลุงจ้าวตกตะลึง ก้าวเท้าช้าลง

"แล้วแกมีความสัมพันธ์อะไรกับเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ปั่นจักรยาน?"

"เราเป็นแค่เพื่อนธรรมดา!"

"แกพูดจริงเหรอ?"

"แน่นอนว่าจริง!"

"พี่เสี่ยวอี่!"

ขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มร่างเล็กวิ่งเข้ามาผลักฝูงชนออก ก่อนจะวิ่งไปอยู่ข้างๆ จ้าวอี่อย่างบ้าคลั่ง เขาอ้าแขนแล้วกอดจ้าวอี่แน่น และใช้แผ่นหลังของเขาบังไม้ให้จ้าวอี่

จ้าวอี่ตกตะลึง

ลุงจ้าวเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

“นี่นาย...” จ้าวอี่รู้สึกว่าจิตใจของเขาว่างเปล่า

ก่อนที่จ้าวอี่จะได้พูดอะไร เด็กหนุ่มก็พูดเสียงดังกับลุงจ้าวด้วยตาแดงก่ำ

"ถ้าจะตีก็ตีผม อย่าตีพี่เสี่ยวอี่ของผมนะ!!!"

จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบกริบ!

.

 [ค่าความคาดหวังของผู้ชม +2...+2...+2...+2...]

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด