ตอนที่ 2 : เรากำลังเฝ้าดูคุณอยู่
“มันเป็น... ผีเหรอ?”
สายฝนสาดกระหน่ำกระทบหน้าต่างอันเย็นยะเยือก หัวใจของพวกเขาก็สั่นไหวราวกับเปลวไฟในตะเกียง
“ฉัน... ฉันไม่รู้” หลี่ซิ่วชุนกลืนน้ำลาย “เราควรแจ้งผู้คุมกฎมั้ย?”
“คุณจะบ้าเหรอ!”
หลังจากได้ยินคำว่าผู้คุมกฎ ในที่สุดเฉินถานผู้หวาดกลัวก็ฟื้นคืนสติขึ้น
"ถ้ามีผู้คุมกฎเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เราทำลงไปจะต้องถูกเปิดเผยแน่นอน...ไม่ได้เด็ดขาด!"
"แล้ว... จะทำยังไงกับเขา?"
นางหลี่นิ่งไปครู่หนึ่ง "คุณบอกว่า...ในตัวอาหลิงอาจจะมี 'ภัยพิบัติ' อยู่ใช่มั้ย?”
ทั้งสองมองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดอยู่พร้อมกัน ต่างคนต่างเงียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฝ่ายสามีตัดสินใจหยิบเสื้อกันฝนสีดำที่แขวนอยู่ที่ประตู จากนั้นผลักประตูออกไป
“คุณจะไปไหน?”
“ไปยังที่ที่เราฝังศพ!”
“ตอนนี้? คุณจะไปทำอะไร”
“ตรวจสอบ” ฝนตกลงบนใบหน้าซีดเซียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ไม่ว่าอะไรที่อยู่ในห้องตอนนี้... มันไม่ใช่เป็นอาหลิง! ฉันอยากเห็นร่างของเขาด้วยตาของฉันเอง!"
"ฉันจะไปกับคุณ!"
ไม่มีใครอยากออกไปข้างนอกท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง แต่เธอไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่ในห้องนอนเป็นตัวอะไร เมื่อเทียบกับการอยู่คนเดียว เธอขอเลือกแบบแรกดีกว่า
ท่ามกลางฝนตกหนัก ร่างสองร่างในเสื้อกันฝนรีบออกไป
……
.
.
ห้องนอน
เฉินหลิงซึ่งกำลังหลับลึก จู่ๆ ขนตาของเขาสั่นเล็กน้อยราวกับว่ากำลังฝันร้าย
ในขณะนอนหลับ สติของเขาค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ถ้ำไร้ก้นบึ้ง ตัวเขาลอยเหนือพื้นไม่นาน ผ่านไประยะหนึ่งเท้าก็สัมผัสกับพื้นแข็งๆ ทำให้เขายืนได้อย่างมั่นคง
.
ตูม - ตูม - ตูม - ตูม -
.
เสียงเครื่องจักรทื่อๆ ดังขึ้น จากนั้นลำแสงเจาะทะลุความมืดลงมาราวกับดาบ และรวมตัวกันบนร่างสีแดง
เฉินหลิงใช้มือปิดตาโดยไม่รู้ตัว
“ที่นี่ที่ไหน...?”
จิตสำนึกอันวุ่นวายของเฉินหลิงค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา หลังจากปรับตัวเข้ากับแสงสว่างจ้าได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ อย่างว่างเปล่า
ภายใต้ขอบเขตของลำแสง เขามองเห็นได้เพียงเสื้อคลุมงิ้วสีแดงบนตัว พื้นไม้เก่าๆ ใต้เท้าของเขา และม่านสีดำด้านหลังเขาซึ่งส่องสว่างเพราะลำแสงนั้นเช่นกัน...
เหนือลำแสงมีเพียงความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหลิงก็ตกตะลึงทันที
ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหรี่ตามองเหนือศีรษะ ลำแสงที่ส่องสว่างมาจากสปอตไลท์ที่ยึดกับโครงเหล็ก
“เวที?”
ในฐานะผู้เคยกำกับการแสดงในโรงละคร เฉินหลิงคุ้นเคยกับเวทีมาก ในชีวิตที่แล้ว ก่อนที่เขาจะถูกสปอตไลท์หล่นทับ เขากำลังยืนพิจารณาถึงตำแหน่งการแสดงบนเวทีด้วยซ้ำ ความรู้และความเข้าใจจึงมากกว่าคนทั่วไปมาก
ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของเขาในตอนนี้ก็คือ คิดว่าเขากลับไปที่นั่นอีกครั้ง
ไม่ถูก...
เอฟเฟกต์แสงบนเวทีของโรงละคร ที่เขาเคยใช้ในชาติที่แล้วดีกว่านี้ ผ้าม่านไม่ใช่สีดำ และพื้นก็ไม่ใช่พื้นไม้เก่าโทรมแบบนี้
ฉันกำลังฝันงั้นเหรอ?
เฉินหลิงก้าวเดินด้วยความลังเล และพื้นเก่าๆ ก็ส่งเสียงเอี๊ยดดังลั่น ขณะที่ร่างของเขากำลังจะก้าวออกจากวงกลมแห่งแสง ลำแสงอีกอันก็ไล่ตามรอยเท้าเขา และไล่ตามเข้าไปในความมืด
“แสงไล่ตาม?” หัวใจของเฉินหลิงเต้นรัว เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป
“นั่นใครน่ะ!”
แสงเหล่านี้สามารถไล่ตามเขาได้ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะต้องถูกควบคุมโดยมนุษย์ เว้นแต่ว่าจะใช้ระบบอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสภาพเก่าโทรมของที่นี่ ความเป็นไปได้นี้แทบจะเป็นศูนย์
"นั่นใคร..."
"นั่นใคร..."
"นั่น..."
เสียงของเฉินหลิงดังก้องในความมืด เริ่มน่าขนลุกมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก็สว่างขึ้นที่ขอบของเวที
ในการออกแบบเวที ตำแหน่งนี้มักจะถูกกำหนดด้วยเครื่องส่งสัญญาณทางไกล เพื่อป้องกันไม่ให้นักแสดงหรือพิธีกรลืมคำพูดกลางคัน แต่ในขณะนี้ มีตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
.
.
[ค่าความคาดหวังของผู้ชม: 29%]
.
.
ที่ด้านล่าง มุมซ้ายของหน้าจอยังมีคำพูดเล็กๆ
“โปรดอย่าปล่อยให้ความคาดหวังของผู้ชมต่ำกว่า 20% ไม่เช่นนั้นโรงละครจะไม่รับประกันความปลอดภัยส่วนบุคคลของนักแสดง”
เมื่อเห็นหน้าจอนี้ เฉินหลิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย...
ผู้ชม?
ผู้ชมมาจากไหน?
.
ตูม - ตูม - ตูม -
.
เสียงเปิดไฟที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง!
ความมืดที่หน้าเวทีลดน้อยลงราวกับกระแสน้ำ เก้าอี้ไม้หลายร้อยตัวกระจายออกไปเป็นรูปทรงบันได บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยผู้ชมอย่างหนาแน่น
หอประชุม
สามคำนี้ปรากฏในใจของเฉินหลิง
มันดูสมเหตุสมผล ในเมื่อมีเวทีภายในหอประชุมมันจะต้องมีที่นั่งของผู้ชม
ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินหลิงมึนหัวจริงๆ ไม่ใช่สิ่งนี้ แต่เมื่อไหร่กันที่...
หอประชุมนี้เต็มไปด้วย "ผู้ชม"
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ปกคลุมไปด้วยเงา แม้ว่าจะมีแสงสว่าง แต่เฉินหลิงก็ยังมองเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกมันได้ไม่ชัดเจน ราวกับว่าพวกมันเป็นอวตารจากขุมนรก
ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือดวงตาของพวกมัน
ม่านตาสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วน เปิดขึ้นในความมืด พวกมันนั่งบนเก้าอี้ไม้ของตนและจ้องมองไปที่เฉินหลิงบนเวที เหมือนกับกลุ่มแมวที่กำลังบังคับหนูให้อยู่ที่มุมหนึ่ง ด้วยสายตาที่ขี้เล่นและละโมบ
เฉินหลิงที่ถูกพวกมันจ้องมอง ท้ายทอยรู้สึกเย็นวาบ
เขาไม่รู้ว่า "ผู้ชม" เหล่านี้คืออะไร พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ!
เฉินหลิงควบคุมตัวเองไม่ให้มองดวงตาที่น่ากลัวเหล่านั้น แล้วหันกลับไปและวิ่งไปอีกด้านของเวที
พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ทางออกของเวทีอยู่ทั้งสองด้าน ตราบใดที่เขาหนีออกจากเวที เขาน่าจะหลบผีเหล่านั้นได้ชั่วคราว!
สปอตไลต์จับไปที่ร่างสวมชุดคลุมงิ้วสีแดง ซึ่งกำลังวิ่งพุ่งตรงไปที่ขอบเวที แต่สิ่งที่รอต้อนรับเขากลับกลายเป็นกำแพงเปลือยเปล่า
เฉินหลิงตกตะลึง
เขาวิ่งไปอีกฟากหนึ่งของเวที เขาไม่เชื่อว่าตนจะโชคร้ายขนาดนั้น ทว่ามันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
เวทีนี้...ไม่มีทางออก
ในหอประชุมที่มืดสลัว ดวงตาสีแดงเข้มจ้องมองเขาขณะหลบหนี เหมือนกับกลุ่ม "ผู้ชม" ที่จมอยู่กับการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดง
ตัวเอกของการแสดงนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเฉินหลิงในชุดคลุมสีแดงบนเวที
ในขณะเดียวกัน ตัวอักษรบนหน้าจอตรงกลางเวทีก็เด้งขึ้น...ความคาดหวังของผู้ชมก็เพิ่มขึ้นจากเดิม 29% เป็น 30%
ให้ตายเถอะ นี่มันฝันร้ายบ้าบออะไรเนี่ย!
เฉินหลิงหยิกตัวเองแรงๆ พยายามจะตื่นจากความฝัน แต่นอกจากจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คุ้นเคยแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเลย
.
.
[สิ้นสุดช่วงพักชั่วคราว โปรดแสดงต่อ]
.
.
ตัวอักษรอีกบรรทัดเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเข้าที่คมชัดดังขึ้นเหนือเวที!
.
ติง หลิง หลิง -
.
ก่อนที่เฉินหลิงจะทันได้โต้ตอบ ภาพตรงหน้าเขาก็ทรุดลงทีละนิ้ว จิตสำนึกของเขาพร่ามัวอย่างรวดเร็ว...ก่อนที่เขาจะหมดสติก็มองเห็นม่านสีดำขนาดใหญ่ลึกลับซึ่งอยู่ข้างหลังค่อยๆ เปิดออกอย่างคลุมเครือ !
......
ตึ้ง!
.
จู่ๆ เฉินหลิงก็ลุกขึ้นจากเตียง!
ผ้าปูที่นอนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น หน้าอกของเขาสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว
เขากลืนน้ำลาย ก่อนมองสำรวจไปรอบๆ อย่างช้าๆ จนกระทั่งมั่นใจจึงผ่อนคลาย หลังจากได้ยืนยันว่าเขาอยู่ในห้องของเขาเอง ไม่ใช่เวทีนั่น!
“นี่คือความฝันเหรอ…ความฝันนี้แปลกเกินไป”
เขาสงบลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องนั่งเล่น
ในเวลานี้ ฝนข้างนอกหยุดแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ เฉินหลิงเรียกพ่อแม่เขาอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครขานรับเลยสักคน ทั้งห้องเงียบสงัด
“ออกไปทำงานเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฉินหลิงพึมพำกับตัวเอง
เฉินหลิงสัมผัสท้องที่ว่างเปล่าของตนเอง เมื่อคืนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังงานมากเกินไป เวลาเดินเลยสั่นไปทั้งตัว
ด้วยความสิ้นหวัง เขาทำได้เพียงเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาของกิน
ทันทีที่เดินผ่านประตู เขาก็สะดุดอะไรบางอย่าง เมื่อมองลงไปก็พบว่า มันเป็นซากถังน้ำที่ดูเหมือนถูกสัตว์ป่ากัดแทะ
เกิดอะไรขึ้นกับถังนี่?
โดนความเย็นกัดจนผิวกรอบแตกเหรอ?
เฉินหลิงจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ เขาพึมพำบางสิ่งบางอย่างในใจ จากนั้นหยิบถังน้ำขึ้นมาแล้วโยนมันไปที่มุมห้อง นำผ้าขี้ริ้วมาเช็ดคราบน้ำบนพื้น
ทันทีที่เขานั่งยองๆ ตัวก็แข็งทื่อทันที
คราบน้ำบนพื้นมันเริ่มขยับเองโดยอัตโนมัติ ราวกับว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังนั่งยองๆ ฝั่งตรงข้ามเขา ใช้ปลายนิ้วจุ่มลงในน้ำ เขียนบางอย่างลงบนพื้น
เวลาต่อมา คราบน้ำโปร่งใสกลายเป็นสีแดงเลือดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีข้อความบิดเบี้ยวและแปลกประหลาดปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉินหลิง
.
.
[เรากำลังจับตาดูคุณอยู่]
.
.