ตอนที่ 22: ไปถึงระดับสูงสุด
ตอนที่ 22: ไปถึงระดับสูงสุด
“บัดซบบัดซบ บัดซบแล้วไง…”
ทันทีที่รุ่งสาง เฝิงต้าฟู่จึงได้รับข่าวว่าเซียนหนิงซวงทำร้ายจ้าวเจ๋อหลินเป็นเพราะศิษย์รับใช้คนหนึ่ง ซึ่งศิษย์รับใช้ที่ว่าก็คือหวังฝู
กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
เขาเพิ่งส่งหวังฝูไปผาไม้ดำอันรกร้างเพื่อตัดไม้ดำเมื่อไม่กี่เดือนก่อน มาวันนี้กลับบอกว่าเซียนหนิงซวงมีความสัมพันธ์กับเด็กคนนั้นหรือ? นี่มันร้ายแรงยิ่งกว่าจ้าวเจ๋อหลินเสียอีก ไม่เห็นหรือว่าปรมาจารย์ซุนเฉียนโดนเล่นงานเพราะเรื่องนี้? หากเซียนหนิงซวงทราบเรื่องนี้เข้า นางไม่ถลกหนังเขาทั้งเป็นหรอกหรือ? เขาจะยังได้ทำงานนี้ต่อไปหรือเปล่า?
“ให้ตายเถอะ หวังฝูผู้นี้มีความสามารถขนาดไหนกัน เหตุใดเขาถึงไปพัวพันกับสองอัจฉริยะหลังจากเข้าสำนักได้ แต่ละคนต่างร้ายกาจไม่แพ้กัน ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาเหลือเกิน! สงสารข้าบ้างเถอะ ชีวิตจะบรรลัยหมดแล้ว…”
ผาไม้ดำไม่ใช่สถานที่เดินเหินสะดวกเหมือนหุบเขาร้อยหญ้า แถมเฝิงต้าฟู่ยังวิตกกังวลยิ่ง แม้ว่าจะใช้วิชาควบคุมวายุก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ดี แต่โชคยังดีที่สุดท้ายเขามาถึงในที่สุด
“หวังฝู หวังฝูอยู่ไหน?”
เฝิงต้าฟู่ตะโกนเสียงดัง แต่ผ่านไปพักใหญ่กลับไม่มีใครอยู่รอบข้าง จนกระทั่งพบเหล่าหลิน “เหล่าหลิน หวังฝูอยู่ไหน?”
“ไง เหล่าเฝิงไม่ใช่หรือ? ยังไม่ใช่วันแรกของเดือนเลย เหตุใดจึงมีเวลาออกมาเที่ยวเล่นแล้วเล่า?” เหล่าหลินลูบเครารุงรังขณะเอ่ยคำติดตลก
“พูดเรื่องบ้าอะไร? รีบบอกมา หวังฝูอยู่ไหน?” เฝิงต้าฟู่ไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำกับเหล่าหลิน เขาเพียงอยากแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยการพาหวังฝูออกไปโดยเร็วที่สุด
หวังฝูจะอยู่บนผาไม้ดำอันรกร้างแห่งนี้อีกต่อไปไม่ได้
“หวังฝู? ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ผาไม้ดำแห่งนี้ให้อิสระเต็มที่ ขอเพียงไม่ลงผาก็สามารถไปได้ทุกหนแห่ง บางทีเด็กคนนี้อาจจะไปฝึกฝนในผาไม้ดำเมื่อช่วงเช้าตรู่นี้ก็ได้” นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าหลินเห็นเฝิงต้าฟู่วิตกกังวลขนาดนี้ มันช่างน่าขบขันไม่น้อย
“ฝึกฝน? ปราณวิญญาณบนผาไม้ดำเบาบาง จะไปฝึกฝนที่ไหนได้?” เฝิงต้าฟู่ประหลาดใจ
“เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว หวังฝูมีความเพียรพยายามมาก เขาทะลวงถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสามเมื่อไม่นานหลังจากมาอยู่ผาแห่งนี้ แถมยังเรียนรู้วิชาของข้าไปแล้วด้วย ตอนนี้น่าจะเก่งกว่าข้าเสียอีก” พอเหล่าหลินคิดถึงหวังฝูก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม “สีน้ำเงินต้นคราม แต่เข้มกว่าต้นคราม”
“สีน้ำเงินออกมาจากต้นคราม แต่สีเข้มกว่าต้นคราม [1]”
แม้เฝิงต้าฟู่จะสาปส่ง แต่ในใจกลับตกตะลึงเช่นกัน หวังฝูไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสามแล้วหรือ? ทั้งที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี
อื้ม สมแล้วที่มีความข้องเกี่ยวกับเซียนหนิงซวง
“ข้าไม่เสียเวลาคุยกับเจ้าที่นี่แล้ว อย่ามาขวางทาง”
เฝิงต้าฟู่ผลักเหล่าหลินออกไป หนังศีรษะของเขารู้สึกชาขึ้นมาเมื่อคิดถึงเซียนหนิงซวง ตอนนี้ขอเพียงพาหวังฝูออกจากผาโดยไวที่สุดพร้อมกับให้การดูแลเป็นอย่างดีก็พอแล้ว
แต่หลังจากหวังฝูกลับมาจากหุบเขาร้อยหญ้าก็ไม่ได้กลับเข้าบ้านพักผ่อนแต่อย่างใด แต่ฉวยโอกาสตอนกลางคืนเพื่อใช้หม้อขนาดเล็กสั่งสมของเหลววิญญาณไม้ดำบนผาไม้ดำอย่างคลุ้มคลั่ง
เขากำลังจะกลายเป็นศิษย์ทางการแล้ว ก่อนจะถึงตอนนั้นต้องสั่งสมของเหลววิญญาณให้มากขึ้น เพราะการจะมาผาไม้ดำในอนาคตย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม้ดำถูกสลับเปลี่ยนต้นแล้วต้นเล่า เมื่อใดที่ผ่านต้นไม้เหล่านี้ไปก็จะพบไม้ดำเหี่ยวแห้งจำนวนมาก มันดำเนินเช่นนี้ไปจนกระทั่งถึงเช้าตรู่ ประกอบกับการสั่งสมในช่วงสามถึงสี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีของเหลววิญญาณอยู่ในหม้อขนาดเล็กสองถึงสามร้อยหยด เมื่อนั้นหวังฝูจึงหยุดมือ
ระหว่างทางกลับก็บังเอิญพบกับเฝิงต้าฟู่ที่กำลังตามหาเขาบนผาไม้ดำ
“หวังฝู ศิษย์น้องหวัง ศิษย์น้องหวัง…” เฝิงต้าฟู่เห็นหวังฝูอยู่ไกลลิบ
“ศิษย์พี่เฝิง ท่านมาทำอะไรที่นี่?” หวังฝูเงยหน้ามองเฝิงต้าฟู่ผู้กำลังหอบหายใจ
“ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้า มา… รีบลงผาไปกับข้าได้แล้ว” เฝิงต้าฟู่หอบหายใจเล็กน้อย หลังจากวิ่งมาตลอดทาง เขาจึงตระหนักได้ว่าโรคอ้วนต้องใช้พลังวิญญาณค่อนข้างมาก
“ลงผา? ศิษย์พี่เฝิงรู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังจะลงผา? ข้ากำลังจะไปหาท่านอยู่พอดี” หวังฝูสับสนเล็กน้อย แต่เพื่อกลายเป็นศิษย์ทางการจึงต้องผ่านเฝิงต้าฟู่ไปให้ได้เสียก่อน
เฝิงต้าฟู่เป็นผู้ดูแลยอดเขาเหมันต์น้อย ก่อนที่ศิษย์รับใช้คนใดบนยอดเขาเหมันต์น้อยจะสามารถทะลวงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่เพื่อกลายเป็นศิษย์ทางการ จำเป็นต้องไปหาเฝิงต้าฟู่เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเข้าอย่างเป็นทางการเสียก่อน
“หาข้า? เจ้าจะมาหาข้าทำไม?” หัวใจของเฝิงต้าฟู่บีบรัด เด็กคนนี้คงไม่ได้พยายามจะแก้แค้นหรอกใช่ไหม
ใจแคบเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
หวังฝูสัมผัสได้ว่าเฝิงต้าฟู่ในวันนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด ท่าทีคล้ายกับกำลังหวาดกลัวเขา มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“ข้าตามหาท่านเพื่อทำตามขั้นตอน ข้าทะลวงถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่และกำลังจะออกจากยอดเขาเหมันต์น้อยแล้ว”
“เจ้าต้องการทำตามขั้นตอนอะไร? เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร? เจ้าทะลวงถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่…” เฝิงต้าฟู่ตกตะลึงขณะมองอย่างใกล้ชิด ดังที่หวังฝูว่า ความผันผวนพลังวิญญาณรอบตัวเด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าคราวที่แล้ว เป็นขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่จริง
“เจ้ากินสมบัติฟ้าดินอะไรเข้าไป… หรือ?”
ดวงตาของเฝิงต้าฟู่ทอประกายเจิดจ้า จากนั้นวางมือบนบ่าของหวังฝู
“สมบัติฟ้าดิน? ข้าจะไปโชคดีขนาดนั้นได้อย่างไร” หวังฝูส่ายหน้าขณะหลบมือของเฝิงต้าฟู่โดยไม่ทิ้งร่องรอยแล้วรีบเอ่ยคำ “ทั้งหมดต้องขอบคุณวิชาเฉพาะตัวที่เหล่าหลินสอนสั่งกับหินวิญญาณที่ศิษย์พี่เฝิงให้มา ข้าขัดเกลาพวกมันทั้งหมดจนมีโอกาสทำการทะลวงได้”
นี่คือข้ออ้างที่หวังฝูคิดเอาไว้นานแล้ว
ทว่าวิชาที่สอนโดยเหล่าหลินนับว่าเฉพาะตัวจริง การทุ่นแรงเวลาตัดไม้นับเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกควบคุมพลังวิญญาณซึ่งช่วยในการฝึกฝนได้มาก
“พูดถึงเหล่าหลิน ข้ายังต้องไปขอบคุณเขา หากไม่ใช่เพราะวิชาเฉพาะตัวของเขาในการคลายรังไหม เกรงว่าข้าคงไม่สามารถทะลวงได้ในเวลาอันสั้น”
หวังฝูเดินไปทางที่พักของเหล่าหลิน ขณะเฝิงต้าฟู่เดินตามหลังพลางบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยเกี่ยวกับชีวิต
“วิชาของเหล่าหลินน่าทึ่งขนาดนั้นเชียวหรือ? ถ้างั้น เราควรไปลองเรียนรู้ดีหรือไม่?”
การกล่าวลาเหล่าหลินไม่ใช่เรื่องซับซ้อน มันไม่ต่างอะไรกับการอวยพรสองประโยคและอำลาสองประโยค ทว่าในที่สุดหวังฝูจึงได้รู้ชื่อของเหล่าหลิน
หลินอิงเหอ
ระหว่างออกจากผาไม้ดำ เฝิงต้าฟู่ยังคงไม่อยากเชื่อว่าหวังฝูพึ่งวิชาของเหล่าหลินในการทะลวง เขาทราบเกี่ยวกับวิชาของเหล่าหลินเช่นกัน ซึ่งมันช่วยเพียงประหยัดพลังวิญญาณยามตัดไม้ดำเท่านั้น ส่วนมันจะช่วยในการทะลวงหรือไม่ เขายังคงมีท่าทีสงสัยเป็นอย่างมาก
“ศิษย์น้องหวัง แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้กินสมบัติฟ้าดินเข้าไป?”
“ศิษย์พี่เฝิง ท่านถามไปหลายครั้งแล้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสมบัติฟ้าดินหรอก ผาไม้ดำไม่ได้ใหญ่โต มีผู้คนมาและไปอยู่ตลอด หากมีสมบัติฟ้าดินอยู่จริงคงถูกค้นพบไปนานแล้ว สมบัติเหล่านั้นจะมาตกอยู่ในมือของข้าได้อย่างไร”
หวังฝูอับจนหนทาง แม้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่าทีของเฝิงต้าฟู่ที่มีต่อตัวเองถึงได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่นั่นคือความลับยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา จะให้เปิดเผยออกมาได้อย่างไร ทว่าเพื่อคลายความสงสัยของเฝิงต้าฟู่ให้หมดสิ้น หวังฝูจึงตัดสินใจจะแสดงให้ดู
“ศิษย์พี่เฝิง หากท่านไม่เชื่อ ข้าจะแสดงให้ดูเองว่าวิชาเฉพาะตัวของเหล่าหลินทรงพลังมากแค่ไหน แต่ท่านต้องเก็บเป็นความลับเพื่อข้า”
“เก็บเป็นความลับหรือ? ได้” เฝิงต้าฟู่ตกปากรับคำ เขาอยากเห็นนักว่ามันคือวิชาอะไร
“เช่นนั้นท่านดูให้ดี” หวังฝูยิ้มกว้าง “วิชาหนามปฐพี…”
พลังวิญญาณพลุ่งพล่านขณะหนามปฐพีทั้งสี่ทะลวงผ่านพื้นขึ้นมา พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ข้างหวังฝูซึ่งมีความสูงเกือบสิบจั้ง
“วิชาหนามปฐพีหรือ?” เฝิงต้าฟู่ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงประหลาดใจเล็กน้อย “หนามปฐพีสี่อัน เจ้าใช้วิชาหนามปฐพีได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วงั้นหรือ?”
“สมบูรณ์แบบหรือ? ไม่...” หวังฝูส่ายหน้า “ศิษย์พี่เฝิงดูหนามปฐพีทั้งสี่ดูว่ามีอะไรต่างออกไป?”
“ต่างออกไป…”
เฝิงต้าฟู่มองอย่างละเอียดก่อนจะพบว่าหยามปฐพีทั้งสี่ซึ่งสูงสิบจั้งมีรูปทรงกับความหนาต่างออกไป อันที่หนาที่สุดมีขนาดใหญ่ราวกับโล่ ส่วนอันที่บางที่สุดหนาเพียงหนึ่งฉื่อเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเฝิงต้าฟู่ค้นพบแล้ว หวังฝูจึงรวบรวมพลังวิญญาณไว้ในฝ่ามือก่อนจะสับเข้าใส่หนามปฐพีที่บางที่สุด สิ้นเสียงเพี้ยะ หนามปฐพีจึงแตกหัก จากนั้นหวังฝูหยิบหนามปฐพีที่หักแล้วขวางออกไปประหนึ่งหอก มันกระแทกเข้าใส่เนินเขาจนเกิดเสียงดังปังก่อนจะทะลวงเข้าไปในพื้นถึงสามฉื่อ
“ทำได้ตามต้องการ ไปถึงระดับสูงสุด เจ้า… เจ้าถึงกับฝึกฝนวิชานี้ถึงระดับสูงสุดแล้ว” เฝิงต้าฟู่ตกตะลึง
วิชาแบ่งออกเป็นห้าระดับ ประกอบด้วยระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับใหญ่ ระดับสมบูรณ์แบบและระดับสูงสุด มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ผู้ฝึกตนจำนวนมากจะฝึกฝนวิชาจนไปถึงระดับใหญ่ แต่หวังฝูถึงกับไปถึงระดับสูงสุด แถมยังเป็นขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่
เฝิงต้าฟู่พูดไม่ออก เขาถึงขั้นรู้สึกว่าหากหวังฝูไม่ได้มีรากฐานวิญญาณผสมห้าธาตุ ต่อให้มีรากฐานวิญญาณสามธาตุกับพรสวรรค์ด้านวิชาอันล้ำเลิศ ปรมาจารย์ขอบเขตปราณทองเหล่านั้นจะต้องรีบเข้ามารับเป็นศิษย์อย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่า... ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณวิชาที่เหล่าหลินสอน” หวังฝูหัวเราะ เขาไม่ได้โกหก เพราะหลังจากเหล่าหลินสอนวิชาดังกล่าวแล้ว เขาจึงเชี่ยวชาญวิชาหนามปฐพีจนถึงระดับสมบูรณ์แบบ
ส่วนการไปถึงระดับสูงสุดเกิดขึ้นตอนที่เขาเชี่ยวชาญวิชาปฐพีหลบลี้
“เฮ้อ…” เฝิงต้าฟู่ถอนหายใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียดายต่อหวังฝู มันยิ่งทำให้เขาอยากสนิทกับหวังฝูมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เพราะเซียนหนิงซวง
เขาวางแผนที่จะคุ้มกันหวังฝูไปที่สำนักสายนอกด้วยตัวเอง
[1]: ศิษย์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากอาจารย์แต่เก่งกว่าอาจารย์