OS ตอนที่ 17 ความลับของเผ่าเดมอส
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อัสคาลอร์ ผมมีชื่อว่า อีควิน็อกซ์ ผมมาขอคำแนะนำจากคุณเพื่อให้ผมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นครับ” อีควิน็อกซ์กล่าว
อัสคาลอร์พยักหน้า เขาประทับใจในความสุภาพของอีควิน็อกซ์ จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องเผ่าเดมอสให้อีควิน็อกซ์ฟัง
“หนุ่มน้อย เพื่อที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้น เธอจะต้องรู้จักตัวเองเสียก่อน จงตั้งใจฟังให้ดี เพราะฉันจะเล่าเรื่องให้ฟังว่าพวกเรา เผ่าเดมอส เกิดขึ้นมาได้อย่างไร” อัสคาลอร์พูดด้วยใบหน้าจริงจัง
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า
"แรกเริ่มเดิมที จักรวาลของเราไม่มีสิ่งใด ไม่มีทั้งแสง ไม่มีทั้งความมืด มีเพียงความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ แต่จากความว่างเปล่านั้นก็มีประกายไฟเกิดขึ้น ซึ่งก่อให้กลายเป็นเอกภาพ จากนั้น ประกายไฟเริ่มมีสติสัมปชัญญะ และเริ่มจ้องมองดูความว่างเปล่าด้วยรู้สึกโดดเดี่ยว
นับจากนั้นเป็นต้นมา เอกภาพได้รวบรวมแก่นแท้ และขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในหัวใจ จากจุดนั้น มันเริ่มสร้างรูปร่างจักรวาล โลกที่มีทั้งความสวยงามและอันตรายที่แตกต่างกัน แต่ยังคงไร้สิ่งมีชีวิต
เอกภาพรู้โดยสัญชาตญาณว่าหากมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นมา พวกเขาคงจะอยู่คงกระพันชั่วนิรันดร์
จักรวาลเองก็ปฏิเสธแนวคิดนั้น ดังนั้น เอกภาพจึงบังคับให้ตัวเองแยกออกเป็นสองส่วน ซึ่งส่งผลให้เทพเจ้าคู่แฝดถือกำเนิดขึ้น ซึ่งได้แก่ เกอา เทพีแห่งชีวิต และอาบาดอน เทพแห่งความตาย
พลังงานที่ให้กำเนิดเทพเจ้าคู่แฝดนั้นมหาศาลมากจนมากพอให้พลังธาตุต่าง ๆ งอกเงยขึ้นมาเป็นเทพแห่งธาตุที่สนับสนุนการสร้างเอกภาพ”
“เนื่องจากเทพเจ้าไม่สามารถจุติลงมาบนโลกนี้ได้โดยตรง เพราะมันจะไม่นำมาซึ่งความสมดุล
ด้วยเหตุนี้ เทพเจ้าคู่แฝดจึงร่วมกันสร้างสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกขึ้นมา นั่นก็คือ ชาวแอสโมเดียน ซึ่งพวกเขามีหน้าที่ดูแล ความสมดุลของธรรมชาติ
หลังจากที่ชาวแอสโมเดียนถูกสร้างขึ้น สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็ถือกำเนิดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกอาได้สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และอาบาดอนได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกในรูปแบบของความตาย
เพราะชีวิตสามารถเจริญเติบโตได้ก็ต่อเมื่อมีเป้าหมายเท่านั้น ชีวิตและความตายคือวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมอบให้โดยเทพเจ้าคู่แฝด เพื่อให้โลกดำเนินต่อไปและไม่หยุดนิ่ง
ชาวแอสโมเดียนยึดมั่นในหน้าที่ของตนในการรักษาความสมดุลของโลกในขณะที่บางคนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเทพเจ้า ส่วนที่เหลือสามารถหาความสุขจากผู้อยู่อาศัยในโลกได้ ส่งผลให้มีเผ่าพันธุ์ทั้งห้า ได้แก่ ยอตุนน์, แฟกิ้น, เอเรเบียน, เซลวาจเจีย และเดมอส"
อัสคาลอร์หยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ
"แต่สันติภาพไม่ได้คงอยู่ชั่วนิรันดร์ ราวกับว่ามีสิ่งที่เราเรียกว่าพวกคอร์รัปแทนท์ ผู้ชั่วร้ายซึ่งหมายจะทำลายโลกใบนี้ พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งการมีอยู่ของพวกเขาได้ทำให้สมดุลของโลกต้องผิดเพี้ยนไป
ชาวแอสโมเดียนพยายามอย่างเต็มที่ในการเอาชนะเหล่าผู้รุกราน แต่สุดท้ายพวกเขาก็พ่ายแพ้ในการต่อสู้ แม้จะพ่ายแพ้ แต่ชาวแอสโมเดียนก็สามารถผนึกพวกคอร์รัปแทนท์ที่ทรงอำนาจที่สุดได้ และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ นอกจากพวกเราได้ทำการขับไล่พวกคอร์รัปแทนท์ที่อ่อนแอออกไปได้ แต่ก็ทำให้จำนวนประชากรทั้งหมดลดลงไปด้วย
หลังจากผ่านไปสองสามศตวรรษ จำนวนประชากรของโลกก็เริ่มฟื้นตัว แต่ความโลภของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็เข้ามาครอบงำพวกเขา
ต่อให้จักรวรรดิอันรุ่งเรืองมากแค่ไหนก็ถึงคราวล่มสลาย พวกเขาไม่สามารถซ่อนความอิจฉาที่มีต่อลูกหลานของชาวแอสโมเดียนได้อีกต่อไป พวกเขาจึงชี้อาวุธมาที่เรา ซึ่งบังคับให้เราต้องหลบซ่อนตัว”
อีควิน็อกซ์ตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องราวเบื้องหลังว่าทำไมเผ่าพันธุ์ทั้งห้าเผ่าจึงไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการของโลก
พวกเขาเคยเป็นผู้อยู่อาศัยในโลกนี้ แต่ถูกเขียนไว้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ต้องสังหาร อัสคาลอร์อธิบายว่าเนื่องจากเผ่าพันธุ์เดมอสสามารถใช้เวทมนตร์ต้นกำเนิดได้ พวกเขาจึงสามารถหลบหนีผู้ไล่ตามได้โดยเข้าไปในมิติย่อย ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ามิติพาราด็อกซ์
จากนั้น อัสคาลอร์ก็มองอีควิน็อกซ์ด้วยท่าทางจริงจัง
“หนุ่มน้อย เธอมีผมสีฟ้าอ่อน ซึ่งบ่งบอกว่าเธอมีความใกล้ชิดกับบรรพบุรุษของเรามาก ชาวแอสโมเดียนนั้นเป็นที่เลื่องลือว่ามีผมสีขาวราวกับหิมะ และเขางอกสูงที่คล้ายกับมงกุฎ”
อัสคาลอร์แจ้งให้อีควิน็อกซ์ทราบ
==
[แจ้งเตือนภารกิจ: ปลุกพลังสายเลือด]
อัสคาลอร์ นักเวทย์อวกาศชื่อดังแห่งเผ่าเดมอสต้องการให้คุณฟื้นคืนพลังสายเลือดของชาวแอสโมเดียนของคุณให้สมบูรณ์ เขาต้องการให้คุณค้นหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวแอสโมเดียน และเปิดใช้งานสายเลือดของคุณ
เงื่อนไข: ปลุกพลังแอสโมเดียน 100%
ระดับความยาก: S
รางวัล: หนังสือเวทมนตร์อวกาศเหนือธรรมชาติ
==
[คุณนยอมรับภารกิจหรือไม่?]
[ใช่ / ไม่]