ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ศิษย์เข้าสำนักคนแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 เปิดประตูพลัง

ตอนที่ 4 พื้นที่ลึกลับในหอคอยศักดิ์สิทธิ์


ตอนที่ 4 พื้นที่ลึกลับในหอคอยศักดิ์สิทธิ์

เซียวหั่วหั่วระงับความโกรธในใจ แต่ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้กล่าวว่า “ศิษย์น้องลู่เหริน เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าเสนอราคามา เราตกลงกันแบบส่วนตัวเลยก็ได้!”

เขาจำเป็นต้องได้ยาตระหนักรู้ในมือของลู่เหริน เพื่อเป็นศิษย์คนแรกที่เปิดประตูพลังได้ หากเป็นเช่นนั้นเขาอาจได้รับความสำคัญจากผู้อาวุโสของสำนัก

คนแรกย่อมเป็นที่จับตามองเสมอ

เขาได้ยินมาว่าทุกครั้งที่มีการเปิดประตูพลัง ผู้อาวุโสจะคอยสังเกตอยู่เสมอ และศิษย์ที่เปิดประตูพลังได้เป็นคนแรก ๆ ยังได้รับรางวัลจากสำนักอีกด้วย

ลู่เหรินครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวว่า “ศิษย์พี่เซียว ในเมื่อท่านจริงใจเช่นนี้ ข้าก็จะให้ราคาที่จริงใจเช่นกัน หนึ่งแสนเหรียญทองแดง!”

“หนึ่งแสนเหรียญทองแดง?”

เซียวหั่วหั่วได้ยินราคานี้ก็แทบจะตาโต

“หรือว่าศิษย์พี่คิดว่าราคานี้ต่ำเกินไป? ก็จริงนะ ในเมื่อมีคนอยากได้ยาตระหนักรู้ ของข้ามากมาย เช่นนั้นสองแสนเหรียญทองแดงเป็นอย่างไร?”

ลู่เหรินกล่าวโดยไม่รอคำตอบ

“สองแสนเหรียญทองแดง?”

เซียวหั่วหั่วได้ยินดังนั้นก็แทบจะสำลักเลือดออกมา พูดไม่ออกไปนาน

เจ้านี่กลับเสนอราคาสูงขึ้นสิบเท่า

ถึงแม้ว่าเขาจะร่ำรวย แต่ก็ไม่โง่

ใช้สองแสนเหรียญทองแดงซื้อยาตระหนักรู้เม็ดเดียว คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำเรื่องแบบนี้

“ศิษย์น้องลู่เหริน ยาตระหนักรู้นั้นเจ้าเก็บไว้เถอะ!”

เซียวหั่วหั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเตรียมตัวจากไป

“ศิษย์พี่!”

ลู่เหรินเรียกเซียวหั่วหั่วไว้ พร้อมชี้ไปยังดาบยาวที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วถามด้วยความลังเลว่า “ท่านอยากได้ดาบไฟวิญญาณเล่มนั้นหรือไม่?”

“เจ้าจะขายให้ข้าหรือ?”

เซียวหั่วหั่วเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “นั่นเป็นของขวัญพบหน้าที่ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์มอบให้เจ้า เจ้ากลับจะขายให้ข้า?”

“ของขวัญพบหน้าที่อาจารย์มอบให้ข้าย่อมเป็นของข้า ข้าย่อมขายได้ตามใจ”

ลู่เหรินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว

เขามีหอคอยลึกลับที่มอบเวลาในการฝึกฝนไม่จำกัด สิ่งที่ขาดเพียงอย่างเดียวคือทรัพยากร และตอนนี้เขาไม่ได้ใช้มัน จึงตั้งใจจะขายเพื่อนำเงินมาแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรแทน

ในตอนนี้เซียวหั่วหั่วเริ่มรู้สึกสนใจ หลังจากคิดอยู่นานจึงกล่าวว่า “ศิษย์น้องลู่เหริน นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญทองแดง ข้าไม่สามารถหาเงินจำนวนมากเช่นนั้นได้ในทันที!”

แม้เขาจะมีฐานะดีแต่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ทุกเดือนเขาได้รับเงินเดือนจากตระกูลเพียงหนึ่งแสนเหรียญทองแดงเท่านั้น

ตอนนี้เงินที่มีอยู่ทั้งตัวก็แค่สองแสนเหรียญทองแดง

“ถ้าไม่มีเงินไม่เป็นไร เจ้าสามารถจ่ายเป็นงวดได้!”

ลู่เหรินกล่าว

“จ่ายเป็นงวดคืออะไร?”

เซียวหั่วหั่วถามด้วยความสงสัย

ลู่เหรินอธิบายว่า “เจ้าสามารถจ่ายเงินก่อนสองส่วน ที่เหลืออีกแปดส่วน เจ้าสามารถผ่อนชำระเป็นเวลา 1 ปี แน่นอนว่าข้าจะคิดดอกเบี้ยเล็กน้อย หนึ่งส่วนของดอกเบี้ย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

เซียวหั่วหั่วไม่เคยได้ยินเรื่องการจ่ายเงินเป็นงวดมาก่อน แต่ก็เข้าใจในสิ่งที่ลู่เหรินหมายถึง เขาจึงพยักหน้าตอบว่า “ตกลง ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าสองแสนเหรียญทองแดงก่อน ส่วนที่เหลืออีกแปดแสนเหรียญทองแดง ข้าจะผ่อนชำระเป็นสิบเดือน ทุกเดือนข้าจะจ่ายให้เจ้าแปดหมื่นแปดพันเหรียญทองแดง!”

ในอนาคตเขาต้องเดินบนเส้นทางสายไฟอย่างแน่นอน และดาบไฟวิญญาณนี้เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเปิดประตูพลังสำเร็จ ตระกูลของเขาจะเพิ่มเงินเดือนให้มากขึ้น

เงินหนึ่งล้านเหรียญทองแดง เขาสามารถจ่ายได้ และยังได้ใช้พลังของ ดาบไฟวิญญาณล่วงหน้า

“เช่นนั้นเรามาทำสัญญากันเถอะ!”

ลู่เหรินกล่าวจบก็รีบหยิบกระดาษและปากกาออกมา เขียนสัญญาขึ้นมาและให้ทั้งสองฝ่ายลงนาม

“นี่คือเงินตั๋วจำนวนสองแสนเหรียญทองแดง มอบให้เจ้าแล้ว!”

เซียวหั่วหั่วหยิบเงินตั๋วออกมายี่สิบใบ แต่ละใบมีมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองแดง

เงินตั๋วเหล่านี้เป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วไปในแคว้นหาญเมฆา

หลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น เซียวหั่วหั่วก็ถือดาบไฟวิญญาณแล้วเดินจากไป

ลู่เหรินเก็บเงินตั๋วยี่สิบใบใส่ไว้ในอกเสื้อ จากนั้นก็เริ่มทำสมาธิ

ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดคุ้นเคยในสมอง

พริบตาต่อมา ฉากเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปกลายเป็นพื้นที่ฟ้ากลมดินแบน

ในพื้นที่นี้ว่างเปล่าทั้งหมด มีเพียงกระท่อมเรียบง่ายหนึ่งหลัง ห้อมล้อมด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และเศษไม้

ที่นี่คือพื้นที่ในหอคอยลึกลับ

ในที่แห่งนี้ไม่ว่าจะแฝงตัวอยู่นานสักสามหรือห้าปี เวลาภายนอกจะผ่านไปเพียงชั่วลมหายใจเดียว และอายุขัยของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ

เงื่อนไขคือเขาต้องมีเสบียงอาหารเพียงพอ มิฉะนั้นคงอดตายแน่ ๆ

“ร่างกายของข้าตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป หากข้าสามารถฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งพอ ข้าอาจจะเปิดประตูพลังได้ พรสวรรค์ของข้าไม่ดี แต่ข้าจะฝึกมันไปสิบปี สิบปีไม่สำเร็จก็ฝึกไปอีกเป็นร้อยหรือพันปี ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเปิดประตูพลังไม่ได้!”

ลู่เหรินคิดในใจ

ตราบใดที่มีทรัพยากรเพียงพอ เขาสามารถฝึกฝนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ต่อให้ต้องทุ่มเทอย่างหนักก็ตาม

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลู่เหรินก็ออกจากพื้นที่หอคอยและเดินออกจากห้องพักไปยังโรงอาหาร

โรงอาหารนี้เป็นสถานที่ที่จัดเตรียมอาหารสามมื้อสำหรับศิษย์ใหม่

ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเย็นแล้ว มีศิษย์ใหม่และศิษย์เก่าหลายคนกำลังทานอาหารเย็นกันอยู่ในโรงอาหาร

ลู่เหรินไม่ได้ทานอาหาร แต่เดินตรงไปยังห้องครัวของโรงอาหาร

พ่อครัวที่อยู่ในครัวเป็นชายวัยกลางคนที่รูปร่างท้วม เขาถามลู่เหรินด้วยความแปลกใจว่า “ศิษย์ท่านนี้ ที่นี่คือห้องครัวไม่ใช่ที่สำหรับทานอาหาร!”

ลู่เหรินไม่พูดอะไรแต่แอบยื่นเงินตั๋วใบหนึ่งให้กับพ่อครัวกล่าวว่า “ข้าต้องการซื้อข้าววิญญาณ”

พ่อครัวเหลือบมองเงินตั๋วในมือพบว่าเป็นเงินตั๋วหนึ่งพันเหรียญทองแดง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที และมองลู่เหรินด้วยความเคารพ

ที่นี่มีบุตรหลานจากตระกูลร่ำรวยอยู่ด้วยหรืออย่างไร!

เขาไม่กล้ารับเงินนี้

พ่อครัวพยายามยื่นเงินตั๋วคืนให้กับลู่เหริน พร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ศิษย์ท่านนี้หากมีอะไรต้องการก็บอกมาได้เลย เงินนี้ท่านเก็บกลับไปเถิด!”

เงินหนึ่งพันเหรียญทองแดงนี้คือตอนที่ลู่เหรินทำงานหนักในโรงเตี๊ยมและเก็บหอมรอมริบมาได้ แต่ตอนนี้เขาได้ขายดาบไฟวิญญาณแล้วจึงไม่สนใจเงินหนึ่งพันเหรียญทองแดงนี้นัก

“ข้าที่ให้เงินออกไปแล้วย่อมไม่รับกลับ ข้ามีเรื่องจะขอ ข้าต้องการซื้อข้าววิญญาณสองแสนเหรียญทองแดง!”

ลู่เหรินกล่าวด้วยความมั่งคั่งอย่างเต็มที่

ข้าววิญญาณนี้แตกต่างจากข้าวธรรมดา มันมีพลังวิญญาณแฝงอยู่ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังจะกลายเป็นนักยุทธ์ในการบริโภค

ข้าววิญญาณหนึ่งชั่งสามารถเลี้ยงคนได้สามมื้อ กินได้นานห้าวัน

แน่นอนว่าราคาของมันก็สูงลิ่วเช่นกัน

“เจ้าต้องการซื้อข้าววิญญาณมากขนาดนั้นหรือ?”

พ่อครัวทำหน้าตกใจและกล่าวด้วยความไม่เชื่อ

ข้าววิญญาณหนึ่งชั่งราคา 50 เหรียญทองแดง สองแสนเหรียญทองแดงนั้นสามารถซื้อข้าววิญญาณได้ถึงสี่พันชั่ง

หากให้คนหนึ่งคนทาน สามารถกินได้นานถึงสองหมื่นวัน

“พวกเจ้ามีในครัวหรือไม่? ข้าต้องการมันตอนนี้!”

ลู่เหรินกล่าวถาม

“มีแน่นอน!”

พ่อครัวไม่กล้าถามว่าทำไมลู่เหรินต้องการข้าววิญญาณมากขนาดนั้น แต่รีบนำลู่เหรินไปยังโกดังหลังครัวที่นั่นมีถุงข้าววิญญาณวางเรียงรายอย่างน้อยร้อยถุง

“ศิษย์ท่านนี้สองแสนเหรียญทองแดงสามารถซื้อข้าววิญญาณได้สี่พันชั่ง ถุงละร้อยชั่ง รวมเป็นสี่สิบถุง แต่เจ้าจะขนมันไปอย่างไร?”

พ่อครัวถามด้วยความสงสัย

ลู่เหรินเดินไปที่ถุงข้าววิญญาณและวางมือบนมัน จากนั้นก็เก็บมันเข้าพื้นที่หอคอยทันที

“ศิษย์ผู้นี้มีสมบัติล้ำค่าที่สามารถเก็บของได้?”

พ่อครัวตกตะลึงเมื่อเห็นข้าววิญญาณหายไปต่อหน้าต่อตา

สมบัติล้ำค่าที่มีพื้นที่เก็บของคือสมบัติที่มีพื้นที่ภายใน สามารถเก็บสิ่งของต่าง ๆ ไว้ภายในได้

เช่น ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ หยกพก และถุงเงิน ล้วนสามารถสร้างเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีพื้นที่ได้ แต่ราคานั้นสูงมาก

ผู้ที่ครอบครองสมบัติเช่นนี้ มักเป็นคนร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่ง

ลู่เหรินเก็บข้าววิญญาณทั้ง 39 ถุงเข้าไปในพื้นที่หอคอย และมอบเงินตั๋วสองแสนเหรียญทองแดงให้กับพ่อครัว “นี่คือสองแสนเหรียญทองแดง ต่อไปข้าจะกลับมาซื้อข้าววิญญาณอีก หวังว่าท่านจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!”

กล่าวจบลู่เหรินก็เดินออกจากครัวไปทานอาหารเย็นในโรงอาหาร จากนั้นกลับไปยังห้องพักและเข้าสู่พื้นที่หอคอยอีกครั้ง

เมื่อเห็นถุงข้าววิญญาณที่วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ลู่เหรินรู้สึกถึงความมั่นคงในใจ

“ข้าววิญญาณเหล่านี้เพียงพอให้ข้ากินเกือบสองหมื่นวัน สองหมื่นวันก็คือ 55 ปี ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเปิดประตูพลังไม่ได้!”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ลู่เหรินก็เริ่มฝึกฝนอย่างหนักทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด