(ฟรี) บทที่ 290 (ฟรี)
(ฟรี) บทที่ 290 (ฟรี)
... ไม่มีแม้แต่หยดชาหลงเหลืออยู่แม้แต่หยดเดียว!
"ให้ตายสิ ขี้เหนียวจริงๆ" อู๋เทียนบ่นอย่างหงุดหงิด มือยังคงเขย่ากาน้ำชาอย่างไม่ลดละ เผื่อจะมีหยดสุดท้ายหลงเหลืออยู่บ้าง
หยางอี้อี้มองการกระทำของอู๋เทียนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยแซว "อยากได้เพิ่มขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"แน่นอนสิ ใครจะไม่อยากได้กันล่ะ" อู๋เทียนตอบอย่างมั่นใจ
"ของดีๆ แบบนี้ ใครเขาจะให้กินเรื่อยๆ กันล่ะ" หยางอี้อี้ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะชี้ไปที่กาน้ำชาเปล่า "แต่ที่นายพูดมา ทำให้นึกขึ้นได้ หรือว่าในงานเลี้ยงลู่หยิน จะมีแต่อาหารและเครื่องดื่มวิเศษแบบนี้เต็มไปหมดเลยรึเปล่านะ?"
เมื่อนึกถึงภาพอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสถาวรวางเรียงรายเต็มโต๊ะ ดวงตาของอู๋เทียนก็เป็นประกาย
"ค่าสเตตัสถาวร..." อู๋เทียนพึมพำกับตัวเอง "แบบนี้ หลังจากงานเลี้ยงจบ ค่าสเตตัสของฉันไม่พุ่งทะลุเพดานเลยเหรอเนี่ย"
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้อิจฉาผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงลู่หยิน
ยิ่งไปกว่านั้น งานเลี้ยงลู่หยิน คงไม่ใช่แค่การกินดื่มธรรมดาๆ แน่นอน
"ช่างเถอะ รออีกหน่อยก็คงมีคนมาเสิร์ฟเพิ่มเองแหละ" อู๋เทียนถอนหายใจ "สาวใช้คนนั้นก็แปลก ปล่อยให้แขกรอตั้งนาน ไม่คิดจะมาดูแลเอาใจใส่สักนิด"
หยางอี้อี้ได้แต่ยิ้ม มือเรียวลูบกลุ่มผมนุ่มของอู๋เทียนอย่างเอ็นดู
...
ณ จุดที่ลึกลับแห่งหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล มีแม่น้ำสามสาย ไหลผ่านห้วงอวกาศอันมืดมิด
สายแรก คือแม่น้ำแห่งมิติ สายน้ำไหลวนระยิบระยับ สะท้อนภาพความจริงที่แตกต่างนับไม่ถ้วน
สายที่สอง คือแม่น้ำแห่งความโกลาหล สายน้ำสีดำขุ่นคลั่ก พลังงานบริสุทธิ์ที่ไร้รูปร่าง ไหลวนอย่างบ้าคลั่ง
และสายสุดท้าย คือแม่น้ำแห่งกฎและเหตุผล สายน้ำสีทองส่องประกายเจิดจ้า สัญลักษณ์แห่งกฎเกณฑ์ของจักรวาล ปรากฏขึ้นและเลือนหายไปในสายน้ำ
ใจกลางแม่น้ำทั้งสามสาย คือผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวนับไม่ถ้วน
แผ่นดินแห่งนี้ คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขององค์หญิงหลิงหยาง และเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงย่อยก่อนเริ่มงานเลี้ยงลู่หยินอย่างเป็นทางการ
ในเวลานี้
บนหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินทางทิศตะวันตก มีตำหนักที่พักตระหง่านอยู่บนยอดเขา ราวกับดวงดาวน้อยใหญ่ ส่องประกายระยิบระยับ
หนึ่งในนั้น คือตำหนักที่อู๋เทียนและหยางอี้อี้พักอยู่
ด้านนอกตำหนัก มีสวนดอกไม้ขนาดย่อม ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ต้นไม้แต่ละต้น ดอกไม้แต่ละดอก ล้วนแผ่พลังวิเศษออกมา แม้แต่กิ่งไม้แห้ง ก็ยังมีนกฟีนิกซ์เพลิงบินวนเวียน ส่วนในดงดอกไม้ ก็มีลูกกวางน้อยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน
ใจกลางสวน มีศาลาแปดเหลี่ยมตั้งอยู่ ภายในศาลา เยว่หลิงเอ๋อร์นั่งคางมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"องค์หญิง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเพคะ" เสียงหวานใสดังขึ้น พร้อมกับร่างของหญิงสาวงามสง่าในชุดจีนโบราณสีเหลืองอ่อน ปรากฏขึ้นภายในศาลา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
*ไหนๆคนในงานลู่หยินก็มาแนวจักรพรรดิยุคโบราณละ มีองค์หญิงอะไรด้วย พวกคำนามผมขอใช้ ข้า เจ้า ฝ่าบาท เพคะหรือพวกประโยคโบราณในบางบทสนทนาละกันนะ จะได้ไม่หลุดตีม เอาไว้หลังจากนี้ถ้ามันได้เป็นพวกพระเอกหรืออยู่ด้วยกัน ค่อยเปลี่ยนเป็นฉันเธอตามปกตินะครับ
"ยาเอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ พวกเจ้าปล่อยให้องค์หญิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" หญิงสาวเอ่ยตำหนิสาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกศาลา
"คารวะท่านหญิงเฉิน(陈夫人)" สาวใช้ทั้งสองรีบคารวะอย่างรวดเร็ว
"ฮึ่ม!" ท่านหญิงเฉินพ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อหันกลับมามองบุตรสาว ก็อดเอ็นดูไม่ได้ "องค์หญิง เหตุใดถึงได้แอบมาทำหน้าที่รับรองแขกเช่นนี้"
"ป้าเฉิน อย่ากังวลไปเลย ข้าแค่แอบมาดูเฉยๆ ว่าเหล่าอัจฉริยะที่มาร่วมงานเลี้ยงลู่หยินปีนี้ หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง" เยว่หลิงเอ๋อร์ตอบด้วยรอยยิ้มซุกซน
"เหล่าอัจฉริยะ ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์เดินดินธรรมดา มิได้มีสามเศียรหกกร เหตุใดองค์หญิงต้องให้ความสนใจถึงเพียงนี้" ท่านหญิงเฉินกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย "หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น..."
"พอได้แล้ว ป้าเฉิน" เยว่หลิงเอ๋อร์รีบเอ่ยขัด ไม่อยากฟังคำบ่นของมารดา
ท่านหญิงเฉินได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเอ่ยถาม "แล้วองค์หญิงได้อะไรจากการแอบดูคนอื่นบ้างรึยัง"
"น่าเบื่อจะตาย" เยว่หลิงเอ๋อร์เบ้ปาก "เหล่าอัจฉริยะที่ว่า ส่วนใหญ่ก็หยิ่งยโสโอหัง ชอบดูถูกผู้อื่น บางคนแม้ภายนอกจะดูเป็นมิตร แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม"
"ป้าเฉินก็รู้ว่าข้ามีความสามารถพิเศษ สามารถมองทะลุเห็นจิตใจของผู้อื่น"
"..." ท่านหญิงเฉินได้แต่ถอนหายใจ
เยว่หลิงเอ๋อร์เบนสายตามองไปยังตำหนักหลังหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม "แต่อาคันตุกะในตำหนักหลังนั้น ช่างแตกต่าง พวกเขาดูเรียบง่าย ไม่โอ้อวด และขี้เกียจเป็นที่สุด น่าสนใจจริงๆ"
"อย่าได้พูดเช่นนั้นสิ องค์หญิง" ท่านหญิงเฉินเอ็ดเบาๆ "พวกเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต"
"เชอะ ทุกปีก็มีงานเลี้ยงลู่หยิน ไม่เห็นจะมีใครได้ดีสักคน" เยว่หลิงเอ๋อร์พูดอย่างไม่แยแส
"ว่าแต่ป้าเฉินหลังจากงานเลี้ยงลู่หยิน..."
"เรื่องนั้น..."
"ก้อง————!"
เสียงระฆังดังกังวาน
ภายในตำหนัก อู๋เทียนที่กำลังบ่นพึมพำ สะดุ้งสุดตัว
ในวินาทีต่อมา เสียงทุ้มต่ำ ดังก้องอยู่ในใจของทุกคน
"เส้นทางสายรุ้งเปิดแล้ว เชิญทุกท่านออกจากตำหนัก"
สิ้นเสียง ประตูตำหนักก็เปิดออก!
เบื้องหน้า สายรุ้งเจ็ดสียาวเหยียด ทอดตัวเชื่อมต่อระหว่างเกาะน้อยใหญ่ ราวกับสะพานสายรุ้งในเทพนิยาย
"พี่ ไปกันเถอะ" อู๋เทียนเอ่ยชวน พร้อมกับจับมือหยางอี้อี้ เดินออกจากตำหนัก
ทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าใกล้ สายรุ้งเบื้องหน้าก็แยกออกเป็นสองสาย สายหนึ่งอยู่ใต้เท้าของอู๋เทียน ส่วนอีกสายอยู่ใต้เท้าของหยางอี้อี้
ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปบนสายรุ้ง
"วูบ———!"
สายรุ้งพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พาอู๋เทียนและหยางอี้อี้ลอยผ่านหมู่ดาวนับไม่ถ้วน มุ่งหน้าสู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดใจกลางหมู่เกาะ!
ระหว่างทาง อู๋เทียนสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆ พัดผ่านร่าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ต้องตะลึงกับภาพเบื้องหน้า แม่น้ำสามสาย ไหลวนอยู่เบื้องล่าง...