บทที่ 60 กับดักในการจับรางวัล
บทที่ 60 กับดักในการจับรางวัล
ซูซินมองดูมือปราบจางด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดว่ามือปราบที่ลาดตระเวนธรรมดาๆ เหล่านี้ง่ายเกินไป
มือปราบเหล่านี้ล้วนฝึกฝนวิชากำลังภายในและวิทยายุทธ์มาบ้าง และพลังของพวกเขาก็ไม่ต่ำทรามเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฝึกฝนกันได้ในชั่วข้ามคืน ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์และตำแหน่งมือปราบของพวกเขานั้นสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษสินะ?
มือปราบจางเหลือบมองหลิวเซิ่งหมิง แล้วพูดว่า “แต่ว่า ถึงแม้จะปล่อยตัวเขาได้ แต่บุตรชายของเจ้าก็ไปทุบร้านเขาพัง ถ้าไม่เสียเงินสักหน่อย ข้าก็คงเสียหน้าแย่”
หลิวเซิ่งหมิงรีบพูดว่า “ท่านว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้น”
“ห้าหมื่นตำลึงเงินก็แล้วกัน เห็นแก่หน้าท่านหัวหน้าห้องโถงซู ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเงินสักเหรียญ” มือปราบจางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลิวเซิ่งหมิงรีบหยิบตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงเงินจากอกเสื้อส่งให้มือปราบจาง และยังหยิบตั๋วเงินอีกหนึ่งหมื่นตำลึงเงินส่งให้เขา
“นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ อย่าให้ท่านต้องเหนื่อยฟรีเลย”
มือปราบจางขมวดคิ้ว “ข้าบอกแล้วไง เห็นแก่หน้าท่านหัวหน้าห้องโถงซู ครั้งนี้ไม่ต้องเสียเงิน”
ซูซินพูดว่า “ท่านก็รับไปเถอะ ถ้าท่านไม่เอา งั้นก็ให้พี่น้องของท่านก็ได้ ยังไงพวกเขาก็เหนื่อยมาพักหนึ่ง ถือว่าเป็นค่าน้ำชาของพวกเขาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินซูซินพูดแบบนี้ มือปราบจางจึงรับเงินไปอย่างยินดี โค้งคำนับให้ซูซิน แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ท่านหัวหน้าห้องโถงซู รอข่าวจากข้าได้เลย พรุ่งนี้ก็ปล่อยตัวได้แล้ว”
หลังจากที่มือปราบจางจากไป หลิวเซิ่งหมิงก็ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ท่านหัวหน้าห้องโถงซู ข้าไม่พูดมากแล้ว ต่อไปถ้าตาเฒ่าแซ่หลิวอย่างข้ามีประโยชน์กับท่าน ท่านก็เรียกใช้ได้เลย ตาเฒ่าแซ่หลิวอย่างข้าย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“ฮ่าๆๆ หัวหน้ากลุ่มเล็กหลิว ท่านสุภาพเกินไป แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
หลิวเซิ่งหมิงส่ายหน้า ยิ้มแห้งๆ จากนั้นขอตัวลาซูซิน แล้วออกจากสำนักงานไป แต่อารมณ์ของเขาก็ยังไม่สงบลง
สำหรับซูซิน มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เขากลับกังวลใจมาหลายวัน หาทางแก้ไขไม่ได้
พูดตามตรง ก่อนหน้านี้หลิวเซิ่งหมิงไม่ค่อยพอใจที่ซูซินอายุยังน้อยก็ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเล็ก แถมยังหลายเป็นหัวหน้าห้องโถงอีก แต่เขาก็รู้ดีว่าซูซินมีพลัง ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่เขาก็ต้องเรียกซูซินว่าท่านหัวหน้าห้องโถงอย่างสุภาพ
แต่หลังจากเรื่องวันนี้ หลิวเซิ่งหมิงก็เข้าใจแล้วว่า เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะไม่พอใจอีก?
มือปราบจางผู้นั้นหยิ่งยโสและโอหัง ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา แต่กลับสุภาพกับซูซินมาก ทัศนคติของเขานั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
พวกเขายังคงเป็นใหญ่เป็นโตในเขตเล็กๆ ของพรรคเหยี่ยวเหิน รู้สึกดีกับตัวเอง แต่ซูซินนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองฉางหนิงทั้งหมด
ในสำนักงาน หลังจากที่หลิวเซิ่งหมิงจากไป หวงปิ่งเฉิงก็เดินออกมาจากด้านข้าง ถามอย่างสงสัยว่า “หัวหน้า ทำไมท่านถึงช่วยเขา? พวกเราก็ไม่ได้สนิทกับเขานี่นา”
หวงปิ่งเฉิงรู้จักนิสัยของซูซินดี
หัวหน้าของเขานั้นไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีผลประโยชน์ การที่เขาช่วยหลิวเซิ่งหมิง ต้องมีเหตุผลลึกซึ้งกว่านั้นแน่
ซูซินยิ้มแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าพวกเราไม่สนิทกัน? ข้าช่วยเขาครั้งนี้ พวกเราก็สนิทกันแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ช่วยเขาก็ช่วยเขาสิ สร้างบุญคุณไว้ก็ไม่เสียหายนี่ ใช่ไหม?”
ในชาติที่แล้ว ซูซินเคยได้ยินคำพูดหนึ่งว่า การเมืองคือการทำให้มีเพื่อนมากขึ้น และศัตรูน้อยลง
ในกรณีที่ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ซูซินไม่รังเกียจที่จะช่วยพวกเขา ความสัมพันธ์เหล่านี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต
มือปราบจางทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือ วันรุ่งขึ้นบุตรชายของหลิวเซิ่งหมิงก็ถูกปล่อยตัวตามสัญญา ทำให้หลิวเซิ่งหมิงพาบุตรชายมาขอบคุณเขาอีกครั้ง
บุตรชายของเขานั้นเป็นคนเกเร แต่หลังจากอยู่ในคุกสองสามวัน ก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรไปบ้าง กลับกลายเป็นคนเรียบร้อยขึ้นมาก
หลังจากกลับไป หลิวเซิ่งหมิงก็ชมเชยซูซินไม่หยุด ทำให้หัวหน้ากลุ่มเล็กคนอื่นๆ เปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับซูซิน
ยังไงพวกเขาก็ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน การที่เห็นรุ่นเยาว์ไต่เต้าขึ้นมาเหนือหัวอย่างรวดเร็ว ใครๆ ก็ต้องรู้สึกไม่พอใจ
แต่หลังจากที่เห็นซูซินใช้เส้นสายของตัวเองช่วยหลิวเซิ่งหมิงโดยไม่หวังผลตอบแทน หัวหน้ากลุ่มเล็กคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าซูซินเป็นคนดี ไม่เหมือนกับตงเฉิงอู่ ถ้าพวกเขาไปขอร้องตงเฉิงอู่ คงโดนด่ากลับมาแน่ๆ
ดังนั้น ในอีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีหัวหน้ากลุ่มเล็กสองคนมาขอร้องให้ซูซินช่วยเหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตราบใดที่ซูซินทำได้ เขาก็จะช่วยพวกเขาอย่างเต็มที่
สิ่งนี้ทำให้ซูซินไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในหมู่ลูกน้องระดับล่างของพรรคเหยี่ยวเหิน แต่ยังทำให้ลูกน้องระดับกลางของพรรคเหยี่ยวเหินรู้สึกดีกับเขาอีกด้วย
หกวันผ่านไป การจับรางวัลระดับต้นของซูซินก็สะสมครบ 30 ครั้ง บวกกับการจับรางวัลระดับกลาง 3 ครั้งที่สะสมไว้ เขาสามารถจับรางวัลระดับกลางได้ถึง 6 ครั้ง
จริงๆ แล้ว ซูซินอยากจะสะสมการจับรางวัลระดับกลางให้ครบ 10 ครั้ง แต่คิดไปคิดมา เขาก็ตัดสินใจล้มเลิก
การจับรางวัลระดับกลาง 10 ครั้งถึงจะแลกเป็นการจับรางวัลระดับสูงได้ 1 ครั้ง ซูซินต้องรออีก 40 วัน
ในช่วงเวลานานขนาดนั้น อาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซูซินอดทนรอไม่ไหว เขาจึงตัดสินใจใช้การจับรางวัลระดับกลาง 6 ครั้งเพื่อเพิ่มพลังของเขาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังมีคะแนนวายร้ายอีก 1,000 แต้ม ทำให้เขาสามารถใช้จับรางวัลระดับสูงได้ 1 ครั้งในยามจำเป็น
หลังจากเข้าสู่ระบบ ซูซินก็พูดทันทีว่า “แลกการจับรางวัลระดับต้นทั้งหมด เป็นการจับรางวัลระดับกลาง”
“การจับรางวัลระดับต้น 30 ครั้งได้ถูกแลกเป็นการจับรางวัลระดับกลาง 3 ครั้ง โฮสต์มีการจับรางวัลระดับกลางทั้งหมด 6 ครั้ง โฮสต์ต้องการจับรางวัลตอนนี้หรือไม่?”
“จับรางวัลทันที และเอา ‘ช่องว่าง’ ออกไป”
วงล้อบนหน้าจอขนาดใหญ่เริ่มหมุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อความเร็วช้าลง เข็มก็หยุดอยู่ที่ช่องตัวละคร
“โชคดีไหม?” ซูซินดีใจมาก
บนหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏชายหนุ่มรูปงามถือกระบี่ยาว มุมปากมีรอยยิ้มหยิ่งผยอง ดูเหมือนศิษย์จากสำนักใหญ่
“ยินดีด้วยที่โฮสต์จับรางวัลได้ตัวละคร ซ่งชิงซู มาพร้อมกับวิทยายุทธ์สี่วิชา: กรงเล็บเทวะเก้าหยิน กระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรฉบับไม่สมบูรณ์ วิชากระบี่ขั้นพื้นฐานของสำนักบู๊ตึ๊ง และวิชากำลังภายในขั้นพื้นฐานของสำนักบู๊ตึ๊ง
การประเมินระดับตัวละคร: สองดาว การประเมินระดับวิชายุทธ์: ครึ่งดาวถึงสามดาวครึ่ง โฮสต์สามารถเลือกจับรางวัลแบบสุ่ม หรือใช้คะแนนวายร้าย 1,600 คะแนนเพื่อเลือกแบบเจาะจง”
“หือ!?”
ซูซินสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกปวดฟันชะมัด
พลังของซ่งชิงซู(ซ่งแชจือ)ไม่ได้แข็งแกร่ง ในนิยายดาบมังกรหยก(มังกรหยก ภาค 3) เขาเป็นเพียงตัวประกอบที่คอยเสริมให้จางอู๋จี้(เตียบ่อกี้) ดูโดดเด่น ตลอดชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความล้มเหลว
(ซ่งชิงซูหรือซ่งแชจือ บุตรชายของซ่งง้วนเกี่ยแห่งบู๊ตึ๊ง มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเตียบ่อกี้)
แต่ในช่วงหลัง ซ่งชิงซูก็ได้รับวิชายุทธ์ที่ทรงพลัง โจวจื่อรั่ว(จิวจี้เยียก) มอบกรงเล็บเทวะเก้าหยินและกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรที่ได้มาจากกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรให้กับซ่งชิงซู
กรงเล็บเทวะเก้าหยินก็คือวิชากรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม แต่เนื่องจากเหมยเชาเฟิง(บ๊วยเถี่ยวฮวง ) และเฉินเซวียนเฟิง(ตั้งเฮี้ยงฮวง) ฝึกฝนอย่างผิดๆ มันจึงกลายเป็นกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิมที่เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย
ส่วนกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ซ่งชิงซูเรียนรู้เพียงบางส่วน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรฉบับไม่สมบูรณ์
แต่ดูจากการประเมินระดับวิชายุทธ์ คะแนนสูงถึงสามดาวครึ่ง มันต้องเป็นของกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรอย่างแน่นอน
แต่คะแนนวายร้ายที่ต้องใช้ในการเลือกแบบเจาะจง มันมากเกินไปหน่อยไหม?
“ระบบ เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้าหรือไง? ตอนนี้ข้ามีคะแนนวายร้ายแค่ 1,000 แต้ม แต่เจ้ากลับให้ข้าใช้ 1,600 คะแนนเพื่อเลือกแบบเจาะจง? ข้าจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่ข้าจับรางวัลได้ฉู่เจาหนาน ข้าใช้คะแนนวายร้ายเพียง 20 แต้มเพื่อเลือกแบบเจาะจง นี่มันเพิ่มขึ้นตั้งกี่เท่า?”
ระบบอธิบายว่า “วิทยายุทธ์ตั้งแต่ระดับสองดาวขึ้นไปจะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นคะแนนวายร้ายที่ต้องใช้ในการเลือกแบบเจาะจงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตามค่าเริ่มต้นของระบบ วิทยายุทธ์ครึ่งดาวต้องใช้คะแนนวายร้าย 5 คะแนนในการเลือกแบบเจาะจง หนึ่งดาวต้องใช้ 10 คะแนน หนึ่งดาวครึ่งต้องใช้ 20 คะแนน
ส่วนวิทยายุทธ์สองดาวต้องใช้ 200 คะแนน สองดาวครึ่งต้องใช้ 400 คะแนน สามดาวต้องใช้ 800 คะแนน สามดาวครึ่งต้องใช้ 1,600 คะแนน สี่ดาวต้องใช้ 3,200 คะแนน
วิชายุทธ์ระดับสี่ดาวขึ้นไปนั้นทรงพลังเกินไป ไม่รองรับการเลือกแบบเจาะจง หากโฮสต์จับรางวัลได้ตัวละครที่มีวิชายุทธ์ระดับสี่ดาวครึ่งหรือห้าดาว จะมีโอกาสสูงที่จะจับรางวัลพลาด แต่โฮสต์สามารถใช้คะแนนวายร้ายเพื่อเพิ่มโอกาสในการจับรางวัลได้ ทุกๆ 1,000 คะแนนจะเพิ่มโอกาส 10%”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูซินก็ตกใจ ระบบนี้ไม่ให้โอกาสเขาหาช่องโหว่เลยจริงๆ
จริงๆ แล้ว เขาคิดเรื่องตัวละครระดับต่ำที่มีวิทยายุทธ์ระดับสูงมานานแล้ว
ตัวอย่างเช่น พลังของโอวหยางเฟิง(อาวเอี๊ยงฮง)ไม่ได้แข็งแกร่ง แต่เขาเคยอ่านคัมภีร์เก้าอิม ถ้าซูซินจับรางวัลได้โอวหยางเฟิง เขาสามารถใช้คะแนนวายร้ายเพียงเล็กน้อยเพื่อเลือกคัมภีร์เก้าอิมที่ทรงพลังนี้ได้
แม้ว่าการประเมินระดับจะลดลงเนื่องจากโอวหยางเฟิงไม่ได้ฝึกฝนคัมภีร์เก้าอิม แต่มันก็คุ้มค่า
แต่เห็นได้ชัดว่าระบบจะไม่ให้โอกาสซูซินแบบนี้ ถ้าเขาต้องการคัมภีร์เก้าอิม เขาต้องใช้คะแนนวายร้าย 3,200 แต้ม!
กล่าวได้ว่า แม้ว่าซูซินจะจับรางวัลได้ตัวละครที่มีวิชายุทธ์ระดับสูง เขาก็ต้องพึ่งพาโชค หรือไม่ก็ใช้คะแนนวายร้ายจำนวนมากเพื่อเลือกแบบเจาะจง ไม่มีทางอื่น….
กระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรระดับสามดาวครึ่งนั้นน่าดึงดูดใจมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงฉบับไม่สมบูรณ์ มันก็ยังมีพลังระดับสามดาวครึ่ง ลองนึกภาพพลังของฉบับสมบูรณ์ดูสิ
น่าเสียดายที่ตอนนี้ซูซินไม่มีคะแนนวายร้ายเพียงพอ ไม่อย่างนั้น แม้ว่าคะแนนวายร้ายของเขาจะเหลือศูนย์ เขาก็ต้องแลกกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรมาให้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น การตั้งค่าวิทยายุทธ์ระดับสี่ดาวครึ่งขึ้นไปนั้นน่ากลัวมาก มันมีโอกาสที่จะจับรางวัลพลาด
เดิมทีซูซินคิดว่าการจับรางวัลระดับสูงนั้นน่าเชื่อถือที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่น่าเชื่อถือที่สุดมากกว่า!
แบบนี้ แม้ว่าซูซินจะสะสมการจับรางวัลระดับสูงได้แล้ว ถ้าไม่มีคะแนนวายร้าย เขาก็ไม่กล้าจับรางวัลแบบสุ่ม ถ้าจับรางวัลพลาด โอกาสในการจับรางวัลระดับสูงของเขาก็จะสูญเปล่า นี่มันเป็นกับดักจริงๆ
“จับรางวัลแบบสุ่มก็แล้วกัน”
“ยินดีด้วยที่โฮสต์จับรางวัลได้วิชากำลังภายในขั้นพื้นฐานของสำนักบู๊ตึ๊งหนึ่งวิชา การประเมินระดับ: ครึ่งดาว”
ซูซินก้มหน้ายิ้มแห้งๆ กระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ สินะ?
“จับรางวัลอีกครั้ง”
วงล้อหมุนอีกครั้ง หยุดอยู่ที่ช่องยา
“ยินดีด้วยที่โฮสต์จับรางวัลได้โอสถบำรุงปราณระดับกลางหนึ่งขวด การประเมินระดับ: หนึ่งดาวครึ่ง”
ในมือของซูซินปรากฏขวดกระเบื้องขนาดเล็ก ภายในมีเม็ดยาสีดำสิบเม็ด
โอสถบำรุงปราณนี้เป็นยาพื้นฐานสำหรับเพิ่มกำลังภายใน ระดับต้นนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์ แต่ระดับกลางยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
ในการจับรางวัลสองครั้งถัดไป ซูซินจับรางวัลได้ยาอีกครั้ง ขวดหนึ่งยังคงเป็นโอสถบำรุงปราณระดับกลาง ส่วนอีกขวดหนึ่งคือโอสถเสี่ยวฮวน(หวนกำเนิดเล็ก) จากเส้าหลิน ที่เขาเคยได้มาจากหมาป่าเฒ่า ขวดละสิบเม็ด
โอสถเสี่ยวฮวนนั้นมีประโยชน์มาก การจับรางวัลครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าขาดทุน
การจับรางวัลครั้งที่ห้าค่อนข้างน่าประหลาดใจ ซูซินจับรางวัลได้อาวุธเป็นครั้งแรก
“ยินดีด้วยที่โฮสต์จับรางวัลได้อาวุธ: พัดกระดูกเหล็ก การประเมินระดับ: หนึ่งดาวครึ่ง
คำอธิบายอาวุธ: อาวุธประจำตัวของฮั่วตู้ องค์ชายมองโกล(ตัวละคร มังกรหยกภาค 2) กระดูกพัดทำจากเหล็กกล้าตีทบร้อยครั้ง ส่วนใบพัดทำจากใยไหมน้ำแข็ง สามารถแทง ฟัน ตวัด กด โจมตีได้ตามใจชอบ”
ซูซินยิ้มแห้งๆ แล้วโยนพัดกระดูกเหล็กที่หนักอึ้งนี้ไปที่มุมห้อง อาวุธแปลกๆ แบบนี้ไม่เหมาะกับเขาเลย