บทที่ 236 ได้ใจราษฎร์! เจ้านครหลินเป่ยฟานแห่งนครหลวง!
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 236 ได้ใจราษฎร์! รองเจ้านครหลินเป่ยฟานแห่งนครหลวง!
ฝึกคัมภีร์ทานตะวัน คงอีกครึ่งปีกว่าจะเก่งกล้าได้ หลินเป่ยฟานมิได้เร่งร้อน กลับมุ่งมั่นสร้างสรรค์นครใหม่
ด้วยแรงกายแรงใจของท่านหลิน นครใหม่ค่อยๆ เผยโฉม เปลี่ยนผันดุจภาพวาดวิจิตร ท่านหลินทอดสายตามองนครที่กำลังจะเกิดขึ้นจากผืนดินว่างเปล่า ความรู้สึกแห่งความสำเร็จเอ่อล้นในอก ตราบใดที่นครแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน นามของเขาจะไม่มีวันเลือนหาย ตัวเขาและนครใหม่จะอยู่คู่ฟ้าดิน เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ นี่คือร่องรอยแห่งเกียรติยศที่ท่านฝากไว้ในโลกหล้า
วันนี้ องค์จักรพรรดินีเสด็จมาทอดพระเนตรอีกครา เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ พระพักตร์ก็เปี่ยมล้นด้วยความปลาบปลื้ม “อีกไม่นาน ผู้ประสบภัยจะได้เรือนใหม่! ท่านหลิน ท่านทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงนัก!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงชม แต่กระหม่อมมีเรื่องเล็กน้อยจะกราบทูล!” หลินเป่ยฟานเอ่ยเสียงดัง “เพื่อเร่งการก่อสร้างนครใหม่ในนครเต๋อเทียน กระหม่อมจำเป็นต้องวางผังนครอย่างครอบคลุม เพื่อให้การก่อสร้างนครเป็นไปอย่างมีระเบียบ เราจะส่งเสริมการพัฒนาความทันสมัยทั้งสี่ด้าน ทำให้ราษฎรมีชีวิตที่สุขสบาย มั่งคั่ง มีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้อยู่อาศัย ทุ่งนาสำหรับชาวนา และรายได้สำหรับกรรมกร…”
หลินเป่ยฟานยังคงกล่าวต่อไปไม่หยุด องค์จักรพรรดินีทรงขมวดพระขนง “พูดให้กระชับ เข้าใจง่าย!”
“กระหม่อมอยากใช้บัลลูนลมร้อนลอยขึ้นไปบนฟ้าและแนะนำการก่อสร้างนคร!” หลินเป่ยฟานพูดอย่างเรียบง่าย พร้อมกับมององค์จักรพรรดินีอย่างกระตือรือร้น
องค์จักรพรรดินีทรงเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย ราวกับทรงมองทะลุความคิดของเขา “ท่านหลิน ท่านพูดมากเพียงเพราะอยากเล่นบัลลูนลมร้อนใช่หรือไม่? ท่านช่าง…”
หลินเป่ยฟานรู้สึกราวกับถูกใส่ความ "ฝ่าบาท เหตุใดจึงทรงเคลือบแคลงในเจตนาอันบริสุทธิ์ของข้า? ทุกสิ่งที่ข้ากระทำ ล้วนเพื่อการสร้างนครใหม่ เพื่อสหายนครเต๋อเทียน เพื่อผู้ลี้ภัยนับล้าน เพื่อฝ่าบาท และเพื่ออาณาจักรอู๋ผู้ยิ่งใหญ่..."
องค์จักรพรรดินีทรงถอนพระทัย "เอาล่ะ ถ้าท่านอยากเล่น ก็ไปเถิด เราจะจัดบัลลูนลมร้อนให้เจ้าเดี๋ยวนี้!"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!" หลินเป่ยฟานร้องอย่างยินดี ทันใดนั้น ท่านหญิงน้อยก็ทรงกระแอมไอ เอ่ยขึ้น "พี่หญิง รองเจ้านครเป็นบัณฑิต ไร้วรยุทธ์ การขึ้นบัลลูนลมร้อนนั้นอันตรายยิ่งนัก! หากเกิดเหตุอันใด อาณาจักรอู๋จะสูญเสียเสาหลักไป! ดังนั้น..."
องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรไปยังน้องสาว ราวกับจะหยั่งถึงความคิด "แล้วเจ้านึกเห็นประการใด?"
"หม่อมฉันจะขอขึ้นไปด้วย คอยคุ้มครองท่านรองเจ้านคร!" ท่านหญิงน้อยตรัสอย่างหนักแน่น
องค์จักรพรรดินีทรงแย้มสรวล "ยุนหยิงน้อย เจ้าก็อยากขึ้นบัลลูนลมร้อนด้วยหรือ?"
ท่านหญิงน้อยรู้สึกราวกับถูกใส่ความ "พี่หญิง เหตุใดจึงทรงสงสัยหม่อมฉัน? ทุกสิ่งที่หม่อมฉันทำ ล้วนเพื่อการสร้างนครใหม่ เพื่อสหายนครเต๋อเทียน เพื่อผู้ลี้ภัยนับล้าน เพื่อฝ่าบาท และเพื่ออาณาจักรอู๋ผู้ยิ่งใหญ่..."
องค์จักรพรรดินีทรงลูบพระนลาฏ "เอาล่ะ ถ้าเจ้าอยากไป ก็ไปเถิด เราจะไม่ขัดเจ้า!"
ท่านหญิงน้อยดีพระทัยยิ่งนัก "ขอบพระทัยท่านพี่หญิง!"
ไม่นาน บัลลูนลมร้อนก็มาถึง
ทั้งสองช่วยกันกางบัลลูนอย่างตื่นเต้น จากนั้นจึงรีบเข้าไปในตะกร้า เมื่อบัลลูนพองลม ทั้งสองก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในพริบตา พวกเขาก็บินขึ้นไปสูงถึง 50 จั้ง มองลงมาเบื้องล่าง เห็นนครใหม่ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ทิวทัศน์งดงามเบื้องล่างสุดลูกหูลูกตา
"เราลอยแล้ว บัลลูนลมร้อนกำลังลอยละลิ่ว!" ท่านหญิงน้อยร้องอย่างตื่นเต้น กระโดดโลดเต้นด้วยความปลาบปลื้ม
หลินเป่ยฟานซึ่งกำลังบังคับบัลลูนอยู่เอ่ยปราม "ท่านหญิงน้อย โปรดระวัง หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราอาจร่วงลงมาดุจขนมแพนเค้กได้นะ!"
ท่านหญิงน้อยพลันหันกลับมาสวมกอดหลินเป่ยฟานแน่น "หลินเป่ยฟาน เรากำลังทะยานขึ้นสู่ท้องนภา! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ ช่างตื่นเต้นยิ่งนัก!"
หลินเป่ยฟานได้แต่อึ้งงัน
หลังจากความตื่นเต้นเริ่มจางลง ท่านหญิงน้อยเงยหน้าขึ้นถาม "เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?"
หลินเป่ยฟานกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบอย่างราบเรียบ "ข้าบอกว่า อย่าเก็บกดความรู้สึก ปล่อยมันออกมาให้เต็มที่!"
ท่านหญิงน้อยเอียงศีรษะเล็กน้อย "จริงหรือ? ไยข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้พูดเช่นนั้น..."
หลินเป่ยฟานแย้ง "ท่านช่างเฉลียวฉลาด ข้าจะกล้าลวงท่านได้อย่างไร?"
"จริงด้วย!" ท่านหญิงน้อยพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้น ท่านหญิงน้อยก็ยังคงปลดปล่อยอารมณ์ต่อไป โดยลืมเรื่องขนมแพนเค้กไปเสียสนิท!
เบื้องล่าง เหล่าผู้ประสบภัยในนครใหม่เฝ้ามองบัลลูนลมร้อนที่ลอยสูงขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับเปล่งเสียงชื่นชม
"นั่นคือสมบัติวิเศษลอยได้ บัลลูนลมร้อน งั้นหรือ?"
"มันบินสูงและไกลเสียจริง!"
"ข้าอยากลองขึ้นไปบนนั้นสักครั้ง แม้ต้องแลกด้วยสิบปีแห่งชีวิต ข้าก็ยอม!"
...
แม้แต่จักรพรรดินีก็ยังทรงทอดพระเนตรด้วยแววตาอิจฉา พระนางอยากจะเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง แต่ในฐานะผู้ปกครองอาณาจักร พระนางไม่อาจทำตามพระทัยปรารถนาได้
วันเวลาผ่านไป เมื่อใดก็ตามที่หลินเป่ยฟานมีเวลาว่าง เขาจะขึ้นบินสำรวจและให้คำแนะนำในการก่อสร้างนครใหม่ ท่านหญิงน้อยมักจะอ้างว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา เพื่อจะได้ร่วมโดยสารไปด้วย
ไม่เพียงแต่พวกเขา โม่หรูซวง หลี่ซือซือ และคนอื่นๆ ก็ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นนี้เช่นกัน
ด้วยความช่วยเหลือของบัลลูนลมร้อน งานของหลินเป่ยฟานจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น การก่อสร้างนครใหม่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
ยังไม่พ้นสองสัปดาห์ เรือนหลังใหม่ก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ผู้ประสบภัยทั้งปวงได้ย้ายเข้าสู่เรือนปูนกาว คำประกาศิตของหลินเป่ยฟานเป็นจริง
หลินเป่ยฟานเปล่งเสียง "พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย พวกเราพยายามเข้านะ! เร่งเทปูนกาว ก่อกำแพงนคร ให้นครของพวกเราเสร็จก่อนสิ้นปี! ร่วมฉลองปีใหม่อย่างสุขสงบกันเถิด!"
"ได้เลยขอรับ!" เสียงขานรับดังกึกก้อง
ด้วยแรงกายแรงใจ ทุกผู้คนต่างเร่งมือทำงานอย่างขะมักเขม้น ไม่ถึงยี่สิบห้าวัน กำแพงนครและปูนกาวก็สำเร็จ
นครแห่งใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
ไม่ถึงสามเดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย นครอันยิ่งใหญ่รองรับผู้คนนับล้านก็ตั้งตระหง่านทางทิศตะวันออกของนครหลวง
ทุกคนต่างภาคภูมิใจเมื่อยืนเบื้องหน้านครอันงดงาม!
นี่คือนครของพวกเขา!
พวกเขาสร้างมันขึ้นมาทีละก้อนอิฐ!
ทุกเม็ดทรายล้วนเป็นตัวแทนของหยาดเหงื่อแรงกายของพวกเขา!
ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ในใจพวกเขา!
"ขอฝ่าบาทประทานนามนครด้วย!" ขุนนางและราษฎรต่างร้องขอพร้อมเพรียง
"ขอฝ่าบาทประทานนามนครด้วย!" เสียงฝูงชนดังสนั่น
องค์จักรพรรดินีทรงปลาบปลื้มยิ่ง "ดี ดี ดี! นี่คือนครมหัศจรรย์ เกิดจากหยาดเหงื่อของปวงชน ได้ใจราษฎร สมดังปรารถนา ฉะนั้น นครนี้จักมีนามว่า - 'หมินซินเฉิง'!"
"หมินซินเฉิง!" ทุกคนต่างพึงพอใจ
"นำเครื่องเขียนมา!" องค์จักรพรรดินีตรัสอย่างอารมณ์ดี
พู่กัน หมึก กระดาษ และศิลาฝนหมึก ถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็ว
องค์จักรพรรดินีทรงจรดพู่กัน เขียนอักษรสามตัวลงบนกระดาษ 'หมินซินเฉิง'!
ไม่ต้องกล่าวอะไรอีก อักษรสามตัวนี้จะถูกแขวนไว้ในนคร
"ท่านหลิน ท่านอยู่ที่ใด?" องค์จักรพรรดินีตรัสเรียกอีกครั้ง
"กระหม่อมอยู่ที่นี่!" หลินเป่ยฟานขานรับ ก้าวออกมา
ครั้นหมินซินเฉิงสำเร็จลุล่วง องค์จักรพรรดินีทรงแย้มสรวล "ถึงเวลาประทานบำเหน็จความชอบแล้ว! ท่านหลิน ท่านครองตำแหน่งรองเจ้านครหลวง นครหลวงก็สะอาดเป็นระเบียบ ประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข แล้วยังไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก รีบรุดไปเจียงหนานช่วยเหลือผู้ประสบภัย สร้างคุณูปการใหญ่หลวง! ท่านคิดค้นปูนกาว วัสดุก่อสร้างวิเศษ แก้ไขปัญหาอาหารและที่พักอาศัยให้ผู้ประสบภัย แล้วยังรวบรวมทุนทรัพย์ช่วยเหลือราชสำนัก! บัดนี้ เพียงเวลาไม่ถึงสามเดือน ท่านเนรมิตนครที่รองรับผู้คนนับล้านได้อย่างน่าอัศจรรย์..."
"ท่านหลิน ความสามารถ ความดีความชอบ และเกียรติยศของท่าน ล้วนคู่ควรแก่การเลื่อนขั้น! ฉะนั้น นับแต่นี้ไป..." องค์จักรพรรดินีทรงประกาศก้อง "ท่านได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นสามของราชสำนัก ดำรงตำแหน่งเจ้านครหลวง รับผิดชอบดูแลทุกเรื่องในนครหลวงและหมินซินเฉิง แล้วยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักศึกษาหลวง!"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท!" หลินเป่ยฟานคำนับรับพระราชทาน
เขายกสายตามองผู้ประสบภัยนับล้าน! เหล่าผู้ประสบภัยก็จ้องมองร่างผอมบางที่ช่วยชีวิตพวกเขาจากขุมนรก ความรู้สึกของพวกเขาถูกสะเทือนถึงขั้วหัวใจ แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขาร้องออกมาพร้อมกันว่า "ข้าน้อยขอคำนับท่านเจ้านคร!"
เสียงกึกก้องดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
หลินเป่ยฟานยิ้มแล้วโบกมือ "พี่น้องทั้งหลาย ไม่ต้องมากพิธี! นับแต่นี้ไป ข้าจะดูแลทุกเรื่องในนครหลวงและหมินซินเฉิงอย่างเป็นทางการ ขอทุกท่านช่วยสนับสนุนการทำงานของข้าด้วย!"
"ท่านเจ้านคร พวกข้าจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่!"
"ท่านต้องการให้พวกข้าทำสิ่งใด พวกข้าก็จะทำ!"
"แม้ชีพนี้ต้องสังเวย เพื่อท่านข้าพร้อมพลี!"
...
"นี่สิ! จึงเรียกได้ว่าน้ำใจราษฎร!" หลินเป่ยฟานหันมายิ้มให้เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊
"แม้ข้าตำแหน่งต่ำต้อย เพียงขุนนางชั้นสามแห่งราชสำนัก ทว่าบัดนี้ ข้าคือเจ้านครแห่งนครหลวง!"
"ประชากรนับล้านในนครหลวงและหมินซินเฉิง ล้วนอยู่ใต้ปกครองข้า!"
"ที่จวนเจ้านคร ขุนนางอีกหลายร้อยพร้อมใจถวายงาน มีหน่วยงานน้อยใหญ่พร้อมสรรพ อำนาจบารมีแผ่ขยาย แทรกแซงหกกรมได้โดยพลัน!"
"เหล่าองครักษ์หกพันนาย ข้าสามารถบัญชาการได้โดยตรง!"
"แม้แต่เบื้องยุคลบาท ข้าก็มีสิทธิ์เข้าเฝ้า ทูลรายงานตรงต่อพระพักตร์!"
"หากกล่าวถึงอำนาจ บารมีข้าหาได้ด้อยไปกว่าหกเสนาบดีไม่!"
"บางครา...อาจเหนือล้ำกว่าด้วยซ้ำ!"
"นับแต่นี้ ข้าจะทำหน้าที่รองเจ้านครแห่งนครหลวงให้ดีที่สุด! หวังว่าทุกท่านจะช่วยเกื้อหนุน แนะนำตักเตือน! ข้าขอขอบคุณทุกท่าน ณ ที่นี้!" หลินเป่ยฟานประสานมือ ค้อมกายคารวะอย่างนอบน้อม
ผู้ที่กล่าวเปิดประเดิม เป็นหัวหน้ามือปราบแห่งสำนักพิทักษ์ธรรม
เขาหัวเราะเสียงดัง พร้อมคารวะตอบ "ขอแสดงความยินดีกับท่านหลิน ที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเจ้านครแห่งนครหลวง! ในฐานะขุนนางเช่นกัน ข้ายินดีร่วมมือทำงานกับท่านอย่างเต็มที่ หวังว่าท่านรองเจ้านครจะกรุณาให้ความช่วยเหลือสำนักพิทักษ์ธรรมของข้าด้วย!"
"ฮ่าฮ่า แน่นอน!" หลินเป่ยฟานตอบรับ
"ขอแสดงความยินดีกับท่านหลินด้วย!"
"ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้านคร!"
...
เสียงแสดงความยินดีดังขึ้นไม่ขาดสาย
หลินเป่ยฟานในวันนี้ เติบใหญ่มีอำนาจบารมีทัดเทียมพวกเขาแล้ว!
เขามีหน้าที่ดูแลนครหลวง งานใหญ่หลวงมากมายรออยู่ ดีกว่าทำหน้าบึ้งตึง หวังว่าเขาคงจะไม่ทำตัวมากเกินไปนักในอนาคต
"ขอบพระคุณทุกท่าน ข้าจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง!" หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างอ่อนโยน
องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรฉากนี้ แย้มสรวลอย่างรู้ทัน
ครั้งเก่าก่อน ยามท่านหลินยังตำแหน่งต่ำต้อย ก็ยังสามารถทำให้เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ พูดไม่ออก บ่นไม่หยุด
บัดนี้ตำแหน่งสูงส่ง อำนาจล้นฟ้า จะเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นอีกเล่า
พระองค์ทรงคาดหวังยิ่งนัก!
เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามา เหลือเวลาอีกไม่ถึงเจ็ดวัน
บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองอบอวลไปทั่วอาณาจักร ผู้คนต่างจับจ่ายซื้อหาข้าวของ สวมใส่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยม ฆ่าไก่เชือดเป็ด เตรียมพร้อมรับเทศกาลตรุษจีนอย่างครึกครื้น
เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ในราชสำนัก ต่างเริ่มวางมือจากงาน เตรียมตัวเฉลิมฉลองวันหยุดกันแล้ว
(หมายเหตุ เดิมทีหลินเป่ยฟานดำรงตำแหน่งรองเจ้านคร เนื่องจากตำแหน่งเจ้านครยังคงเป็นขององค์จักรพรรดินี แต่ในขณะนี้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นเจ้านคร/เจ้านครหลวงเสียเอง รับผิดชอบดูแลทั้งนครหลวงและหมินซินเฉิง)