บทที่ 187 หวาดระแวง
ยามนี้หลัวเฉิงกำลังมุ่งหน้าลงเขา
ทว่าระหว่างทางเขาสังเกตเห็นร่องรอยการต่อสู้อันรุนแรงบนเส้นทางเป็นระยะๆ
ไม่นานก็ได้พบศพสองศพ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นตัวเต็งสิบอันดับแรก แต่กลับถูกสังหารด้วยกระบี่เดียวโดยการแทงทะลุลำคอ
หลัวเฉิงคาดการณ์ไว้ว่า ผู้ที่สังหารคนเมื่อครู่คงหนีไม่พ้นกู่หลิงเฟิงเป็นแน่
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหนีรอดไปได้แล้ว”
หลัวเฉิงรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดหลังไม่พบศพของทั้งสองจึงได้เข้าใจว่าทั้งสองหนีไปได้สำเร็จแล้ว
ด้วยพลังของกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลาน หากไม่ถูกล้อมโจมตีจนหมดสิ้นหนทาง การหนีลงจากเขานั้นง่ายเหมือนกับปล่อยปลาลงแม่น้ำ
ฝีมือของทั้งคู่นั้นใช่ธรรมดา ไหนเลยผู้อื่นจะสามารถขวางได้โดยง่าย
หลัวเฉิงไม่ลังเลใจอีกต่อไปรีบกลืนกินวิญญาณยุทธ์จากศพเหล่านั้นทันที แม้แก่นวิญญาณของพวกเขาจะเบาบางมากเนื่องจากตายมาเป็นเวลานาน แต่อย่างไรมันก็ยังดีกว่าคว้าน้ำเหลว
หลังจากนั้นไม่นานหลัวเฉิงก็มาถึงตีนเขา ทั่วบริเวณพื้นที่โดยรอบมีเพียงศพมากมายกับบรรยากาศอันเงียบสงัดผิดปกติ ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงคืนตามที่กำหนดไว้ บรรดาคนอื่นๆ นอกเหนือจากผู้ที่ไล่ล่ากู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลาน มาตรว่าคงมุ่งหน้าไปยังจุดรวมพลรอขึ้นเรือสำเภาแล้วเป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลัวเฉิงเองก็กำลังจะไปยังที่นั่น แต่ทันใดก็ต้องหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน
ฟึบ!
จู่ๆ เงาอึมครึมสองร่างพลันกระโดดออกมาจากป่าทึบ เป็นใครไปมิได้นอกจากกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลาน
“หลัวเฉิง!”
เมื่อทั้งสองเห็นหลัวเฉิง สีหน้าก็แสดงถึงความประหลาดใจ หยวนจื่อหลานกระพริบตาแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “หลัวเฉิงงูยักษ์เกล็ดดำเล่า?”
“ข้าสลัดมันหลุดแล้ว”
หลัวเฉิงตอบน้ำเสียงตึงเครียด แล้วเอื้อมมือไปคว้าด้ามกระบี่อย่างหวาดระแวง พลางเอ่ยถามย้อนกลับ
“ว่าแต่ เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่? เรามิได้ตกลงกันไว้แล้วหรือว่าจะไปพบกันที่จุดขึ้นเรือสำเภา?”
การต่อสู้ยืดเยื้อกับงูยักษ์เกร็ดดำทำให้หลัวเฉิงสูญเสียพลังไปมาก แม้จะดูดซับพลังวิญญาณจากศพเพื่อฟื้นตัวบ้างแล้วก็ตาม แต่อย่างไรพลังของเขาก็ยังคงเหลือเพียงสามหรือสี่ส่วน
หากกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานร่วมมือกันทรยศเขาในยามนี้ เกรงจะเป็นอันตรายต่อเขามิใช่น้อย
หยวนจื่อหลานเป็นโฉมงามที่ค่อนข้างมีไหวพริบ นางรับรู้ทันทีว่าหลัวเฉิงกำลังคิดสิ่งใดอยู่ จึงแย้มยิ้มเล็กน้อยกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวล
“นี่เป็นกลยุทธ์ของกู่หลิงเฟิง เขาบอกว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด พวกเราจึงได้ย้อนกลับมาเพื่อช่วยเจ้า อย่าได้กังวลใจไป”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะเล็กน้อย “จะกังวลหรือไม่หาใช่สิ่งสำคัญ แต่การกระทำต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า”
จากประสบการณ์ที่เคยโดนหักหลังมาก่อน ทำให้หลัวเฉิงระแวดระวังมากขึ้น เขายังคงจดจำผลที่ตามมาได้เป็นอย่างดีเมื่อตอนที่ช่วยเหลือโจวจินซวนและหวงซาง
เมื่อเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วเขาจะวางใจผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทั้งกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานยังมีพลังมากพอที่จะสามารถกุดหัวเขาได้เช่นเดียวกัน การระแวงไว้ก่อนนั้นย่อมมิใช่เรื่องผิด
โดนงูกัดเพียงครั้งเดียว เห็นเชือกเปียกน้ำตกใจกลัวไปสิบปี!
หยวนจื่อหลานหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นกลอกตาหยาดเยิ้มกล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าผู้มีอายุน้อยกว่าพวกเรา แต่กลับกระทำการสิ่งใดล้วนรอบคอบนัก หากผู้ใดประมาทเกรงต้องพลาดพลั้งเป็นแน่”
นางเป็นสตรีผู้งดงามภายในอาภรณ์แพรพรรณสีฟ้า เรือนร่างแน่งน้อยแต่กลับมีส่วนเว้าโค้งอย่างชัดเจน คิ้วโก่งงดงามดั่งคันศร รอยยิ้มอ่อนหวานพานให้ชายหนุ่มผู้พบเห็นต้องใจละลาย
ร่างอรชรนั้นค่อยๆ ขยับปลายเท้าเข้าหาหลัวเฉิงด้วยท่าทีผ่อนคลายยิ่ง จากนั้นหยิบห่อกระดาษเล็กๆ ออกมาแล้วส่งให้หลัวเฉิง
“นี่เป็นส่วนของเจ้า”
เมื่อหลัวเฉิงเปิดห่อกระดาษออก เขาพบว่าข้างในมีผลหยวนหลิงมากถึงเจ็ดผล ส่งกลิ่นหอมอบอวนต้องปลายจมูกตั้งแต่คราแรก
“ทั้งหมดนี่เป็นของข้างั้นหรือ? เหตุใดจึงมากมายนัก?” หลัวเฉิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หยวนจื่อหลานแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ผลหยวนหลิงมีทั้งหมดสิบเอ็ดผล ข้าและกู่หลิงเฟิงได้หารือกัน ครั้งนี้เจ้าต้องเผชิญหน้ากับงูยักษ์เกล็ดดำเพียงลำพัง พวกเราแทบไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย การแบ่งผลหยวนหลิงอย่างเท่าเทียมจึงนับว่าไม่เป็นธรรมกับเจ้า พวกเราเลยเอาไปคนละสองผล ที่เหลือเจ็ดผลเป็นของเจ้า”
กู่หลิงเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลัวเฉิงรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับงูยักษ์เกล็ดดำครั้งนี้ เกือบทำให้เขาสูญเสียชีวิต ผลหยวนหลิงเจ็ดผลนี้เขาย่อมสมควรได้รับ จึงไม่ลังเลที่จะรับไว้
“ขอบคุณพวกเจ้ามาก เรารีบไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาที่เรือสำเภาจะมาแล้ว”
เขากล่าวพร้อมกับเก็บห่อกระดาษผลหยวนหลิงไว้
จากนั้นทั้งสามจึงเริ่มเดินทางมุ่งหน้าไปยังจุดขึ้นเรือสำเภาในทันที
ระหว่างทาง กู่หลิงเฟิงไม่อาจเก็บงำความสงสัยเอาไว้ได้จึงเอ่ยถามอย่างกะทันหัน “หลัวเฉิง เจ้าอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าจริงงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงตอบกลับ “เหตุใดเจ้าถามข้าเช่นนั้น?”
“งูยักษ์เกล็ดดำเป็นสัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาวที่แข็งแกร่งมาก พลังของมันนั้นใกล้เคียงกับสัตว์อสูรขั้นต่ำสามดาวก็ว่าได้ ตัวข้าไม่อาจรับการโจมตีของมันได้แม้เพียงครั้งเดียว แต่เจ้ากลับสู้กับมันได้อย่างสูสี”
กู่หลิงเฟิงหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าววาจาชื่นชม