ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ถุงผ้าละอาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 หาเลี้ยงชีพ (1)

ตอนที่ 8 โม่อวิ๋น


ตอนที่ 8 โม่อวิ๋น

เมื่ออวี้ซีมาถึงเรือนใหญ่ก็พบเด็กสาวตัวน้อยวัยหกถึงสิบปีกว่ายี่สิบคนอยู่ด้านใน

อวี้หรูเลือกก่อน นางเลือกสาวใช้สี่คนที่หน้าตาไม่โดดเด่นนัก ส่วนอวี้จิ้งเลือกคนหน้าตาสะสวย กว่าจะถึงคราวอวี้ซี คนที่เหลือก็มีไม่มากนัก

อวี้ซีครุ่นคิดถี่ถ้วนแล้วพูดขึ้น "ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว"

เด็กสาวหกคนรีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที อวี้ซีถามถึงสถานการณ์ทางบ้านของทั้งหกคน ตามด้วยคำถามทั่วไป เช่น ชอบทำอะไร สนิทกับใคร

อวี้จิ้งหัวเราะออกมา "น้องสี่ เจ้าเล่นตลกอะไรอยู่" แค่เลือกเด็กสาว ไม่ใช่เลือกเพื่อนร่วมเรียน ไหนเลยจะต้องสนใจว่าชอบทำอะไร สนิทกับใคร

อวี้ซีไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะเย้ยหยันของอวี้จิ้ง กลับเลือกเด็กสาวสามคนจากกลุ่มนี้ พวกนางนี้มีลักษณะร่วมกันคือ ปากหวาน ช่างเจรจา และดวงตาเป็นประกายวาววับ

เมื่อกลับไปถึงเรือนเฉียงเวย แม่นมฟางค่อยเอ่ยถาม "คุณหนู ทำไมถึงเลือกแค่สามคน ในเรือนเฉียงเวยยังมีตำแหน่งว่างอีกตั้งหกคน"

อวี้ซีตอบเสียงเบา "มีน้อยดีกว่ามีมาก"

สาวใช้สามคนที่เพิ่งมาใหม่ยังต้องเรียนรู้กฎระเบียบอีกมาก จึงยังไม่ได้รับใช้อวี้ซีในทันที

สิ่งที่เด็กหญิงคาดไม่ถึงก็คือโม่อวิ๋นกลับมาในวันรุ่งขึ้น ชาติที่แล้วโม่อวิ๋นด่วนจากไปเร็ว อวี้ซีจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย ตอนนั้นอายุเพียงสี่ขวบ นางยังไม่อาจจดจำอะไรได้

เมื่ออวี้ซีตะลึงไปเล็กน้อยหลังเห็นโม่อวิ๋น ด้วยเหตุที่ว่าโม่อวิ๋นรูปงามนัก คิ้วตาสง่างาม แม้สวมชุดสีคราม แต่ก็ยังซ่อนรูปร่างอรชรเอาไว้ไม่ได้ ความงามนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสาวใช้ อวี้ซีระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจแล้วถามอย่างห่วงใย "อาการป่วยของแม่เจ้าดีขึ้นหรือยัง"

โม่อวิ๋นเผยสีหน้าซาบซึ้ง "อาการป่วยของแม่ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณที่คุณหนูเมตตา" โม่อวิ๋นเป็นเด็กสาวที่รับใช้ใกล้ชิดอวี้ซี รู้ดีว่าเจ้านายของตนมีฐานะยากจนเพียงไหน

อวี้ซีกล่าว "ไม่เป็นไร ว่าแต่สีหน้าเจ้าดูอิดโรยมาก พักผ่อนก่อนเถิด"

หลังจากโม่อวิ๋นกลับไปอวี้ซีก็ส่งสีหน้ามืดครึ้มราวกับจะฝนตก แม้โม่อวิ๋นจะมีท่าทีอ่อนเพลีย ทว่ากลับเห็นชัดว่ามือของเจ้าตัวขาวเนียนไร้ริ้วรอย เล็บก็ได้รับการตกแต่งอย่างดี มองแล้วก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างดี หากต้องดูแลแม่ที่ป่วยเป็นประจำ จะมีเวลาว่างมาทำเช่นนี้ได้อย่างไร

อวี้ซีขบคิดครู่หนึ่งแล้วก็เรียกแม่นมฟางมาถาม "ข้าจำได้ว่าโม่เซียงมีน้องสาวสองคน พวกนางหน้าตาคล้ายโม่เซียงหรือไม่"

หญิงชราส่ายหน้า "ข้าไม่เคยเห็น"

นางเอ่ยต่อ "ท่านรีบไปตรวจดูเดี๋ยวนี้ หากหน้าตาเหมือนโม่เซียง ท่านก็จงพานางเข้ามาอย่างลับๆ อย่าให้คนอื่นในจวนรู้"

แม่นมฟางงุนงง "คุณหนูจะทำอะไร"

อวี้ซีเล่าเรื่องที่ตนกังขาแล้วบอกสิ่งที่เตรียมจะทำ "แม่นม อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ท่านต้องไปจัดการด้วยตนเอง"

แม่นมฟางลังเลอยู่บ้าง “คุณหนู หากการคาดเดานี้ผิดพลาด จบเรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องตำหนิท่านแน่”

มีหรือที่อวี้ซีจะคิดกลัวการลงโทษจากฮูหยินผู้เฒ่า “แม่นมไม่ต้องห่วง ข้ายังเล็ก ต่อให้ท่านย่าโกรธเพียงไหน นางก็ทำได้เพียงกักบริเวณข้าไว้ในเรือน” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเกลียดขี้หน้านางอย่างไร ก็คงไม่มีทางฆ่าหมายชีวิตกัน

ด้านแม่นมสองจิตสองใจครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตอบตกลง

สาวน้อยถอนหายใจเบาๆ แม่นมฟางซื่อสัตย์ แต่ชัดเจนว่าไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใดๆ สาวใช้ที่เจ้าตัวฝึกมาต่างซื่อสัตย์เช่นกัน เพียงแต่ไม่มีไหวพริบ ความทุกข์ทรมานจากการขาดคนใช้ที่ไว้ใจได้นั้น นางเคยประสบมากับตัวแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างในหมู่สาวใช้มีทั้งใกล้ชิดและห่างเหิน อย่างโม่อวิ๋นกับโม่เซียงก็สนิทสนมกันมาก ทั้งสองอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน ครั้งนี้โม่อวิ๋นกลับมาก็ย่อมกลับไปพักที่ห้องเดิม

โม่อวิ๋นได้ยินเสียงเปิดประตูขณะกำลังหลับอ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นประตูเปิดออก นางได้ยินเสียงแล้วขนลุกไปทั้งตัว เพราะจำได้ชัดเจนว่าก่อนนอนได้ลงกลอนประตูแล้ว แล้วประตูนี้เปิดได้อย่างไร

ระหว่างอยู่ในอาการมึนงง นางเห็นหญิงสาวในชุดขาวลอยมาที่ข้างเตียง จึงกรีดร้องแล้วก็ถดตัวไปที่มุมห้อง ร่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

ผีสาวพูดเสียงแหบ "เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า"

โม่อวิ๋นมองใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อของอีกฝ่ายแล้วพลันอยากเป็นลม กระทั่งผีสาวปีนขึ้นเตียงหมายจะบีบคอ นางก็คุกเข่าลงอ้อนวอน "โม่เซียง ข้าไม่รู้ว่าในถุงหอมมีของสกปรก ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า เจ้าปล่อยข้าไปเถิด ได้โปรดปล่อยข้าไป ข้าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เจ้าทุกปี เผาให้เยอะๆ เลย"

ผีสาวถามอย่างร้อนใจ "ถุงหอมอะไร"

โม่อวิ๋นเพิ่งพูดได้คำเดียวก็รู้สึกเอะใจ นางจ้องผีสาวเขม็งแล้วลั่นถาม "เจ้าเป็นใคร กล้ามาแสร้งทำเป็นผีหลอกหลอนที่นี่"

อวี้ซีที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดไม่ออก พูดไปเพียงสองประโยคก็ถูกจับได้แล้ว เด็กสาวคนนี้ไร้ประโยชน์จริงๆ

ตอนนี้เองที่แม่นมฟางรีบเข้ามาในห้องแล้วจับโม่อวิ๋นเค้นถาม "เจ้าพูดว่าถุงหอมอะไร ของสกปรกอะไร"

โม่อวิ๋นเห็นแม่นมฟางและคนหน้าประตูจึงเข้าใจทุกอย่างในทันที ไม่ว่าแม่นมฟางจะซักไซ้อย่างไร นางก็ยืนกรานว่าตนเองกลัวจนพูดจาเพ้อเจ้อไปเอง

อวี้ซีก้าวเข้าไปแล้วมองสาวใช้ "เจ้าจะพูดความจริงหรือไม่"

โม่อวิ๋นคุกเข่าลงก่อนเอ่ย "คุณหนู ข้ากลัวจนพูดจาเพ้อเจ้อไปเมื่อครู่ คุณหนู ข้าถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ"

อวี้ซีรู้ว่าคนรอบข้างช่วยอะไรไม่ได้ แม้จะสอบสวนไปก็ไม่ได้ความ จึงสั่งให้คนจับโม่อวิ๋นมัด ฟ้าสางค่อยพาไปที่เรือนใหญ่ แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่โปรดปรานนาง แต่คงไม่ยอมให้คนมาทำร้ายนางได้

ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะล้างหน้าเสร็จ ก็เห็นเฝยชุ่ยเดินเข้ามารายงานเสียงเบา "ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสี่นำตัวโม่อวิ๋นมา ไม่รู้ว่าไปทำอะไรผิดถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้" เฝยชุ่ยเป็นญาติกับโม่อวิ๋น เพราะพี่สะใภ้ของนางเป็นป้าของโม่อวิ๋น ที่จริงแล้ว ความสัมพันธ์ในจวนหันนี้ซับซ้อนมาก คนรับใช้หลายคนล้วนแต่เป็นญาติกัน

ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้ว ทว่าถึงนางจะไม่ชอบอวี้ซี แต่ก็รู้ว่าหลานสาวคงไม่จับสาวใช้มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล "ให้พวกนางเข้ามา"

เมื่ออวี้ซีพบผู้เป็นย่าก็คุกเข่าลงทันทีแล้วบอก "ท่านย่า ข้าผิดไปแล้วที่รบกวนท่านแต่เช้าตรู่เช่นนี้ แต่เรื่องนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่ข้าจะจัดการเองได้ จึงต้องมาบอกกล่าวกับท่าน"

ฮูหยินผู้เฒ่าปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงออกจากเสื้อ ก่อนจัดชายเสื้อให้เรียบร้อยแล้วถาม "เกิดอะไรขึ้น"

อวี้ซีเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังและพูดตบท้าย "ก่อนข้าจะป่วยสองวัน โม่อวิ๋นก็ทำถุงหอมมาให้ข้า" ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจน

โม่อวิ๋นอ่อนแรงไปทั้งตัว เดิมทีนางคิดว่าอวี้ซีจะส่งตัวนางให้กับฮูหยินชิวจัดการ เมื่อคืนนี้จึงเตรียมคำพูดไว้มากมาย แต่เมื่อรู้ว่าอวี้ซีพามาหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนใหญ่ นางก็รู้ว่าตนเองจบสิ้นแล้ว ฮูหยินชิวใจดี ไม่ลงมือโหดเหี้ยม ไม่มีทางที่จะลงโทษนางถึงตายด้วยคำพูดสามสี่คำของคุณหนูสี่ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือถูกขับไล่ออกไป ผิดกับฮูหยินผู้เฒ่า หากพิสูจน์เรื่องนี้ได้ ไม่ว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ นางย่อมถึงแก่ความตายแน่นอน

มือของฮูหยินผู้เฒ่ากำแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงสงบนอยู่ "แล้วอย่างไรต่อ"

เด็กหญิงเล่าสิ่งที่สอบสวนพบเมื่อคืน "เมื่อคืนข้าถามโม่จวีและคนอื่นๆ พวกนางบอกว่าหลังจากที่ข้าป่วย ถุงหอมนั้นก็ถูกโม่เซียงเก็บไป"

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มองโม่อวิ๋นที่ดิ้นรนอยู่ แต่ถามต่อไป "ทำไมเจ้าถึงสงสัยโม่อวิ๋น"

อวี้ซีตอบอย่างไม่ปิดบัง "ท่านย่า ที่จริงหลังจากข้าหายป่วย ข้าก็รู้สึกสงสัยมาก ข้าไม่ได้ออกจากเรือนเฉียงเวยไปไหนเลย จะติดเชื้อฝีดาษได้อย่างไร ครั้นย้ายกลับไปเรือนเฉียงเวยแล้วได้ยินว่าโม่เซียงติดเชื้อฝีดาษเสียชีวิต ข้าก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล" นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วก็อธิบายสิ่งที่สงสัยต่อ

ฮูหยินผู้เฒ่ามองอวี้ซีด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวคนนี้จะฉลาดขึ้นหลังหายป่วย "แม่นมโลว จับตัวนางไปสอบสวนให้ดี" คำว่า 'สอบสวนให้ดี' นี้ไม่ใช่แค่การสอบถามธรรมดา แต่เป็นการใช้วิธีลงโทษ

เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูปแม่นมโลวก็กลับมา "ฮูหยินผู้เฒ่า เด็กสาวคนนั้นบอกว่าเพราะก่อนหน้านี้คุณหนูสี่ดุด่านาง นางจึงโกรธชั่ววูบแล้วใส่ของสกปรกในถุงหอม"

ดวงตาของอวี้ซีปรากฎแววโทสะ ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มีคนวางแผนทำร้ายนางแท้ ๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับลงโทษเพียงเล็กน้อย ชีวิตของนางไม่ใช่ชีวิตหรืออย่างไร

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองไปที่อวี้ซีที่ไม่พอใจแล้วเอ่ยเชื่องช้า "แม่นมฟางของเจ้าอายุมากแล้ว ถึงเวลาถูกปลดเสียที" ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่แม่นมฟางดูแลเรือนเฉียงเวยไม่ดี ลำพังเพียงที่ยอมให้อวี้ซีแสร้งทำเป็นมีผีหลอกหลอนในเรือนเฉียงเวย นางก็ไม่สามารถยอมรับได้แล้ว

อวี้ซีตกใจ เหตุใดไม่ลงโทษหรงอี๋เหนียง แต่กลับขับไล่แม่นมฟางเสียอย่างนั้น

หญิงชราไม่สนใจท่าทีของหลานสาวแม้แต่น้อย แต่มองไปที่เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ แล้วบอก "หงชาน เจ้าติดตามคุณหนูสี่กลับไปเรือนเฉียงเวย" หงชานเป็นสาวรับใช้ชั้นรองของฮูหยินผู้เฒ่า คำพูดนี้หมายความว่ามอบหงชานให้กับอวี้ซีแล้ว

หงชานขาวสะอาดสะอ้าน เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินไปคารวะอวี้ซีโดยไม่ลังเล

เวลานี้อวี้ซีไม่มีอารมณ์มาพินิจหงชาน ในหัวคิดแต่เรื่องที่แม่นมฟางถูกไล่ออกจากจวนหัน ชาติที่แล้วแม่นมฟางเสียชีวิตหลังถูกไล่ออกไปไม่นาน ชาตินี้ต้องเป็นแบบนั้นอีกหรือ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ถึงกระนั้นนางรู้ว่าการขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ นางต้องหาวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง เป็นครั้งแรกที่อวี้ซีรู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถอย่างมาก อยากจะจับหรงอี๋เหนียงที่ทำร้ายตนเอง แต่สุดท้ายกลับทำให้แม่นมฟางต้องเดือดร้อน

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นอวี้ซีมิได้เอ่ยขอร้องแม้แต่คำเดียว ก็ขมวดคิ้วพลางรู้สึกว่าหลานสาวช่างใจดำนัก แต่เมื่อมองหน้าซีดเผือดจนแทบยืนไม่อยู่ของอวี้ซีก็ไม่กล่าววาจาใดอีก

แม่นมฟางทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะปลดตนออกจากจวนก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ นางอยากวิ่งเข้าไปเพื่อวิงวอนขอความเมตตา แต่กลับถูกอวี้ซีฉุดมือไว้แล้วกระซิบ "แม่นม กลับไปก่อนเถิด" ด้วยเหตุที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ตัดสินใจแล้ว จึงมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ บุ่มบ่ามเข้าไปยามนี้ก็จะได้รับเพียงการตักเตือน หาได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด

หงซานรู้สึกพิศวงในพฤติกรรมของแม่นมฟาง แต่กลับรู้สึกประหลาดใจในตัวอวี้ซี สิ่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้บ่งบอกว่าคุณหนูสี่ผู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เจ้าตัวไม่ขี้ขลาดหวาดกลัวอีกต่อไป เมื่อเผชิญกับเรื่องใดก็ไม่ได้ร่ำไห้คร่ำครวญเหมือนเช่นแต่ก่อน หากแต่มีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง

แม้เสียดายที่อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าต่อไปไม่ได้ แต่การรับใช้คุณหนูสี่ก็ไม่นับว่าเลวร้ายนัก นางจึงไม่ได้คิดมาก ประการแรกคือนี่เป็นคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า ไม่อาจขัดขืนได้ ประการที่สองคือคุณหนูสี่ผู้นี้มีอายุเพียงสี่ปีเท่านั้น หากนางคอยรับใช้ไปอีกห้าหกปี เมื่อถึงเวลาที่มารดาของนางวิงวอนขอความเมตตา นางก็จะได้ออกเรือนเมื่อถึงวัยอันควร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด