ความฝันแรก (19)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 2ุ6>
3. ความฝันแรก (19)
****
เวลาผ่านไป
เด็กชายประกาศไว้ว่ามีเวลาจำกัดเพียงเเค่ 40 ปี
ซึ่งนั้นหมายความว่าอารอนต้องหาคำตอบให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดนั้น
เขาต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งจากสองสิ่งนี้
นั้นคือ ฝ่ากำแพงไปสู่ขั้นต่อไป
หรือค้นหาความทรงจำที่ซ่อนอยู่เพื่อค้นหาความจริงใจของเขาเอง
'อย่างแรกเป็นไปไม่ได้'
อารอนรู้ดี
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขายอมรับมาหลายสิบปีแล้ว
ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาไม่มีทางข้ามกำแพงไปได้
ดังนั้นจึงเหลือทางเลือกเดียว
'ต้องกู้ความทรงจำคืนมา'
อะไรทำให้เขาต้องมาอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออกนี้?
ทำไมเขาถึงทำตรงกันข้ามกับเป้าหมายที่จะกลับบ้านไปหาน้องสาว?
แน่นอนว่าแม้เขาจะรู้ แต่ชีวิตประจำวันของเขาก็คงไม่เปลี่ยนไปมากนัก
อย่างมากก็แค่ลดเวลาแทงหอกลงแล้วไปเพิ่มเวลาเขียนจดหมาย
[ฉันมีเหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น]
เหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาอยากจะเป็นประโยชน์ให้กับพี่ชายของเขาบ้าง
เขาคิดว่าคงจะดีแค่ไหนถ้าเขาสามารถช่วยเหลือเพื่อนๆ ของเขาได้ด้วยพลังของเขาเองในยามที่ทุกคนตกอยู่ในอันตราย
'ไม่ใช่หรอกเหรอ'
ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง
การเสแสร้งเพื่อให้คนอื่นมองเขาในแง่ดีหรือเหตุผลที่ดูดีไม่จำเป็นกับที่นี้
อารอนจึงตัดสินใจยอมรับมัน
จริงๆ จริงๆ แล้ว การเข้ากับคนอื่นเป็นเพียงข้ออ้าง
การเป็นประโยชน์ต่อห้องรอและการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเอาชนะศัตรูเป็นเพียงวิธีการ
แต่ไม่ใช่เป้าหมายในตัวมันเอง
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกลับไปสู่จิตใจที่บริสุทธิ์ที่สุด
ตอนที่อารอน ฮีโร่คนนี้ถูกอัญเชิญมายังห้องรอ สิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดคืออะไร?
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นั้นคือการกลับบ้าน
การเข้ากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
วันเวลาที่เขาเหวี่ยงหอกและมีเหงื่อไหลจนท่วมตัว
การต่อสู้กับศัตรูตรงหน้าโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกระบวนการเพื่อให้บรรลุความฝันที่จะ 'กลับบ้าน'
'เป็นอย่างนั้นใช่ไหม?'
ถ้าเพื่อนสนิทที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันตาย อารอนคงเสียใจ
แต่เขาจะไม่หยุด
เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขายังคงดำเนินต่อไป
'แต่ถ้าไม่ว่าจะต่อสู้อย่างไร ก็ไม่มีทางกลับบ้านได้...'
มันจะแตกต่างออกไป
อารอนคงสิ้นหวัง
เขาคงจะยอมแพ้
ไม่ว่าใครจะพยายามเกลี้ยกล่อมเขาก็คงไร้ประโยชน์
ในพิธีเลื่อนตำแหน่งเป็นฮีโร่ระดับ 2 ดาว อารอนได้เห็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ถูกลืม
มันทำให้อารอนมั่นใจมากขึ้นว่าถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะได้กลับบ้าน
ตั้งแต่นั้นมา อารอนก็ไม่สามารถหยุดได้
"เสียเวลาเปล่า"
อารอนพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ในห้องมืดที่หน้าต่างปิดสนิท
เขาเขียนจดหมายโดยอาศัยแสงเทียนเล่มเดียว
ในจดหมายมีชื่อ ประวัติ และเหตุผลที่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างละเอียด
ในตอนแรก จดหมายมีความยาวเพียงไม่กี่บรรทัด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เนื้อหาของจดหมายก็ค่อยๆ ยาวขึ้น
เขานึกถึงจุดประสงค์ไม่ออกแล้ว แม้จะเขียนและอ่านยาวๆ แค่หนึ่งหรือสองหน้าก็ตาม
เวลาหลายสิบปีได้กัดกร่อนความทรงจำและความรู้สึกส่วนใหญ่ออกไป
ทำให้ความทรงจำและเหตุการณ์ต่างๆ หลังจากที่อารอนถูกอัญเชิญมาเลือนลาง
ในทางหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ชีวิตในห้องรอของเขายังไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ มันไม่สามารถครอบงำชีวิตทั้งหมดของเขาได้
"..."
อารอนอ่านจดหมายต่อไป
[ฉันมีเหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น]
เหตุผลที่เคยมีเพียงไม่กี่บรรทัด ตอนนี้กลายเป็นหลายร้อยบรรทัดแล้ว
ต่อให้เขียนและอ่านนานแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
[เพื่อพี่ชาย]
[เพื่อเจนน่า]
[เพื่อออลก้า]
[เพื่อนายท่าน]
[เพื่อซาจิน]
นอกจากนี้ มีชื่อของคนอื่นๆ ที่เขาจำไม่ได้บันทึกไว้
ตามมาด้วยความทรงจำเกี่ยวกับคนเหล่านั้น
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่ชาย
สิ่งที่พี่ทำให้กับเขา
สิ่งที่อารอนผิดพลาดต่อพี่ชาย
วิกฤตชีวิตต่างๆ และการตายของเพื่อนๆ
เหตุการณ์และความรู้สึกต่างๆ ที่น่าประทับใจอีกมากมาย
"ผมขอโทษครับพี่"
อารอนกล่าวขอโทษ
ตอนนี้เขาจำใบหน้าของพี่ชายของเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
"ความทรงจำของคนเราช่างไร้ค่า ผมขอโทษ เจนน่า ออลก้า และทุกๆ คน"
ฉีก!
จดหมายถูกฉีกขาด
อารอนฉีกกระดาษที่เขาใช้เวลาเขียนหลายชั่วโมงทีละแผ่นๆ
มุมห้อง
ในชั้นวางหนังสือสำเร็จรูปมีจดหมายที่เขาเขียนมาหลายปีซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ
อารอนหยิบจดหมายเหล่านั้นออกมาด้วย
ฉีก
เผา
โยนทิ้ง
กำจัดมันทั้งหมด
เพราะมันเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น
มันเป็นหลักฐานที่เขาหลอกตัวเองมาตลอด
'แค่แผ่นเดียวก็พอแล้ว'
อารอนนั่งลงหน้าชั้นวางหนังสืออีกครั้ง
เขาหยิบกระดาษวาดเขียนขนาดใหญ่ออกมาแผ่นหนึ่งแล้ววางลงบนโต๊ะ
เขาจุ่มปากกาขนนกในหมึกอย่างระมัดระวัง
แล้วเริ่มวาดรูป วงกลมขนาดใหญ่ ดวงตาทั้งสองข้าง จมูกหนึ่งอัน และปากหนึ่งอันอยู่ข้างใน
ใครก็ตามที่เห็นภาพนี้คงต้องหัวเราะเยาะออกมา
และยิ่งถ้าพวกเขาวาดรูปเป็น พวกเขาคงอดไม่ไหว
น้องสาวของเขาคงจะหัวเราะออกมาและถามว่านี่มันภาพอะไร
ถึงอย่างนั้น
เขาก็พยายามวาดมันอย่างเต็มที่แล้ว
อารอนไม่มีพรสวรรค์ในการใช้มือทำอะไรเลย
แม้แต่การเล่นโยนบอลไปมาก็ยังทำลูกหล่นบ่อยๆ
ถ้าเขาวาดรูป เพื่อนๆ รอบข้างก็จะหัวเราะเสียงดัง
ในเกมซ่อนหาหรือวิ่งไล่จับ เขาก็ได้ที่โหล่ทุกครั้ง
กล่าวโดยสรุปคือเขามีทักษะการกีฬาที่แย่มาก
คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพนี้เป็นใบหน้าคน
วงกลมที่มีวงกลมเล็กๆ สองวง
เส้นแนวตั้งหนึ่งเส้น และเส้นแนวนอนหนึ่งเส้น
ถ้าดูดีๆ ก็จะรู้ว่ามันคือตา จมูก และปาก
น้องสาวของเขาโกรธมากเมื่อเขาบอกว่านี่คือใบหน้าของเธอ
เธอคงจะทุบเขาหลายครั้งพร้อมกับถามว่าเขากำลังล้อเธอเล่นอยู่หรือเปล่า
แต่มันก็บ่งบอกได้
ถ้าดูดีๆ ด้วยใจ อย่างที่คนเขาพูดกัน
ถ้าเรามองด้วยตาใจ เราก็จะเข้าใจ
ก็จะเห็นใบหน้าของน้องสาวของเขาที่กำลังยิ้ม
และแล้ว
อารอนก็วาดภาพเสร็จในเวลา 30 นาที
ภาพวาดหนึ่งภาพที่แยกไม่ออกว่าเป็นภาพวาดจริงๆหรือภาพวาดเล่น
แต่ต่ภาพวาดหนึ่งภาพทำให้เขารู้สึกได้ชัดเจนกว่าจดหมายหลายร้อยฉบับ
'อารอนไม่เคยลืมเธอ'
เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจน
อารอนยิ้มอย่างจริงใจเป็นครั้งแรกหลัวจากผ่านไปเนิ่นนาน
เขาเอารูปน้องสาวใส่กรอบอย่างสวยงามแล้วแขวนไว้บนผนัง
วันถัดมา
"นี่มันขยะอะไรเนี่ย?"
เมื่อเขากลับมาหลังจากฝึกเสร็จ
เด็กชายคนนั้นก็กำลังสะบัดกระดาษอยู่ในมือ มันคือภาพเหมือนน้องสาวของเขาที่อารอนวาดอย่างตั้งใจ
"ฉันบอกให้มีสติหน่อยไง ทำไมถึงมาวาดอะไรแบบนี้ แล้วทำไมถึงเอามาใส่กรอบแขวนไว้เนี่ย? บ้าไปแล้วเหรอ?"
แคว่ก!
เด็กชายฉีกภาพเหมือนออกเป็นสองส่วนแล้วตะโกนใส่อารอน
"...!"
โครม!
การโจมตีอันน่าประหลาดใจที่แม้แต่เด็กชายเองก็คาดไม่ถึง
"บ้าไปแล้วรึไง หา!"
"เอามาคืนเดี๋ยวนี้นะ! นั่นน้องสาวของผมนะ!"
"นี่มันจะเป็นน้องสาวนายได้ยังไง! มันก็แค่ขยะ!”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะ!”
ถึงอย่างไรก็ตาม
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ในห้องของอารอนก็มีภาพวาดเล่น ไม่สิ ภาพเหมือนของครอบครัวประดับอยู่ที่บนกำแพง