ความฝันแรก (15)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 24>
3. ความฝันแรก (15)
****
10 ปีไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ ในชีวิตคนเรา
มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในวันเดียว
และนี่คือเวลาหลายร้อยหลายพันเท่าของวันนั้น
กาลเวลาสามารถกัดกร่อนทุกสิ่ง
ก่อนจะมาที่นี่
อารอนคิดว่าเขาจะไม่มีวันลืมแววตาของเวคิส ชายผู้ที่ล้มเขาลงได้
แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง
ฟิ้ว!
เสียงหอกที่พุ่งออกไป
ชึ้ก!
หุ่นฟางสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากแรงกระแทก
เขาไม่เคยพลาดแม้แต่วันเดียว
ตอนนี้เขาสามารถแทงได้โดยไม่ต้องมอง ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร
อารอนแทงหุ่นฟางจนเป็นรูพรุนโดยไม่คิดอะไร
"..."
ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างราบเรียบ
ตื่นเช้ามาฝึกจนถึงเวลาเข้านอน
ก่อนนอน เขียนบันทึกเพื่อพยายามฟื้นความทรงจำ
แต่มีบางอย่างเพิ่มเข้ามา
'ชื่อของเขา คือ อารอน เดลเคิร์ด'
ในขณะที่แทงหอกไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามกาลเวลา
บางครั้งเขาก็สับสนว่าตัวเองเป็นใคร
ความรู้สึกในตอนนั้นเลือนลาง
เหตุการณ์ในตอนนั้นจำได้ไม่ค่อยชัดเจน
'พี่ชาย'
เขาจำใบหน้าของชายคนนั้นไม่ได้
เขาผู้มีพระคุณที่ทำให้อารอนเป็นอย่างทุกวันนี้
แต่เขาก็กำลังจมหายไปในความหลงลืมของอารอน
'เจนน่า'
เด็กสาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
เด็กคนนั้นเข้าใจอะไรๆ มากกว่าที่เธอแสดงออกมา
เธอคอยคิดถึงเพื่อนๆ และปลอบใจอารอนอยู่เสมอ
'ออลก้า'
เธอเป็นนักเวทย์
เธออาจจะดูหยิ่งยโสและเห็นแก่ตัวในแวบแรก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่
เขารู้ว่าเธอแอบใส่ใจเพื่อนๆเช่นกัน
และยังมีอีกหลายคน
อารอนสร้างมิตรภาพมากมายในห้องพักของทาวน์เนีย
แต่ความสัมพันธ์มากมายเหล่านั้นกำลังจางหายไป
ตอนนี้สิ่งที่เขาจำได้คือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งบางอย่าง
เขาจำคนอื่นๆ ไม่ค่อยได้
'ต้องไม่ลืม'
เขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนนะ?
เทียบกับที่นี่แล้วคงไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ
แต่ที่นั่นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของอารอน
'ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ'
เพื่อนๆ
และครอบครัวของเขารออยู่ที่บ้าน
นีน่า น้องสาวคนเดียวของฉัน
มันสำคัญเท่ากับการฟื้นฟูความทรงจำ
ดังนั้นอารอนจึงตัดสินใจเขียนจดหมายที่มีเนื้อหาต่างกัน
[ฉันชื่ออารอน เดลเคิร์ด]
[ฉันมีเป้าหมายที่จะแข็งแกร่งขึ้น]
เพื่อไม่ให้ลืม
เพื่อไม่ให้จมอยู่กับกระแสของเวลา
[เพื่อตอบแทนความเมตตาของพี่ชายของฉัน]
[เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ]
[เพื่อพบกับนีน่า]
[ต้องแข็งแกร่งขึ้นและกลับไป]
เขียน
แล้วก็เขียนอีก
[อย่าลืม]
[จำไว้]
[ฉันมี]
[เหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น]
และ 10 ปีผ่านไป
เวลาที่เขาใช้ไปที่นี่รวมเป็น 20 ปี
อารอนเริ่มไม่เข้าใจอะไรเลย
อีก 10 ปี
เป็นปีที่ 30
ในที่สุดอารอนก็มั่นใจ
ต้องใช้เวลาถึง 30 ปีกว่าจะรู้ความจริงง่ายๆ แบบนี้
มันไร้สาระสิ้นดี
"มันเป็นไปไม่ได้สินะ"
อารอนพึมพำ
เขามองไปข้างหน้า
หุ่นฟางขาดรุ่งริ่ง
"เป็นไงบ้างซาจิน ฉันจะทำได้ดีไหม?"
"..."
"บอกตามตรงเลยก็ได้ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว"
"ขอโทษด้วย"
ซาจินที่เฝ้ามองอยู่ข้างหลังไม่ตอบ
เขาแค่ขอโทษ
นั่นคือคำตอบ
"งั้นเหรอ"
อารอนหัวเราะ
เสียงหัวเราะที่อาจจะฟังดูแล้วโล่งอก
"ขอบคุณที่บอกนะ"
"อย่ายอมแพ้ ยังมีเวลา เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ การตัดสินของฉันอาจจะผิดก็ได้"
"ฮ่าฮ่า การตัดสินของนายไม่เคยผิดเลยสักครั้ง"
ทั้งสองอยู่ด้วยกันมา 30 ปี
ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
ความรู้สึกหวาดระแวงและสงสัยซึ่งกันและกันเมื่อแรกพบก็หายไปราวกับหิมะที่ละลาย
ในบางแง่มุมซาจิน ชายคนนี้อาจจะสนิทสนมและคุ้นเคยกว่าชายที่เรียกว่าพี่ชายซึ่งเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจอกันเมื่อไหร่
'ซาจินตัดสินใจแล้ว'
อารอนหลุบตาลง
เมื่อครู่นี้ คำว่า "ขอโทษ" เป็นการประกาศจากเพื่อนสนิทคนนั้นของเขา
ไม่มีทางที่เขาจะโกหก
'อารอนมองไม่เห็น'
คนตาบอดที่ตาบอดตั้งแต่เกิด
จะอธิบายความงามของดอกไม้ให้เขาฟังได้อย่างไร?
ถ้าปล่อยให้พวกเขาสัมผัส กลิ่นของมัน และอธิบายด้วยคำพูด เขาอาจจะเข้าใจได้บ้าง
แต่แล้ว 'สีแดง' ล่ะ?
ในโลกของคนตาบอดไม่มีแนวคิดเรื่องสี
สีไม่มีรูปร่างหรือกลิ่น
ไม่ว่าจะอธิบายสีแดงมากแค่ไหน
คนตาบอดก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องว่าสีแดงคืออะไร
ไม่มีทาง
มีทางเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ต้องทำคือเปิดตาขึ้น
ถ้าไม่เห็นด้วยตัวเองก็ไม่มีทางเข้าใจ
ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้
อารอนเป็นคนตาบอด
'ถ้าเข้าใจพลัง ก็จะไปสู่ขั้นต่อไปได้'
พื้นฐานและแก่นแท้ของหอก รันนาชา
แน่นอนว่ามีขั้นต่อไป
เขารู้ทฤษฎี
เขาอ่านหนังสือศิลปะการต่อสู้มากมายในห้องสมุดมานานแล้ว
เขาสามารถท่องได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ถ้าไม่รู้จักสี ก็ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้
จะสอนนกบินให้คนที่ไม่มีปีกไปทำไม?
'มันเป็นไปไม่ได้สินะ'
อารvนได้ตระหนักถึงความจริงนั้น
ความพยายามมีขีดจำกัด….