ตอนที่แล้วกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 281 วางค่ายกลสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 283 เจ้าควบคุมไม่ได้หรอก

กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 282 ใครมาช่วยก็ไร้ค่า


กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 282 ใครมาช่วยก็ไร้ค่า

“เดรัจฉานน้อย เจ้าหนีไม่รอดแล้ว!”

ด้านหลังฟางหาน

เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น รูปลักษณ์คล้ายกับเผ่ามนุษย์ แต่กลับมีปีกสองข้างอยู่ด้านหลัง ทุกครั้งที่ปีกขยับ ก็จะเกิดพายุหมุน

ระหว่างปีกทั้งสอง สายฟ้าแลบแปลบปลาบ น่ากลัวยิ่งนัก

หากตบะของเขาไม่ได้ด้อยกว่าฟางหาน เขาคงจะไล่ตามทันแล้ว

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังสามารถไล่ตามฟางหานได้ติด ๆ

“มอบสิ่งของในมือมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

เงาร่างนั้นเอ่ยขึ้น

เสียงของเขาทุ้มต่ำ ราวกับดังมาจากขุมนรกทั้งเก้า ทำให้ขนลุกซู่ ดวงตาของเขาน่ากลัว รังสีทองคำแผ่ออกมา ราวกับมีดจับจ้อง

“เจ้าฝันไปเถิด เรื่องวันนี้ ข้าจะต้องสะสางกับเจ้า!”

ฟางหานกล่าวด้วยน้ำเสียงดัง

มรดกแห่งนี้ เป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเขาทิ้งเอาไว้ คนอื่น ๆ จะเข้ามาแย่งชิง ก็ยังพอทำใจได้

แต่วันนี้ กลับมีคนมาแย่งชิงสมบัติในมือของเขาเอง เขาจะทนได้อย่างไร

“เช่นนั้นเจ้าก็กำลังหาที่ตาย!”

เงาร่างนั้นลืมตาขึ้น แสงเทพเจิดจ้า ปล่อยลำแสงออกมาสองสาย แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ทองคำสองเล่ม ราวกับมีพลังทำลายโลก น่ากลัวยิ่งนัก

กระบี่เทพพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ต้องการสังหารฟางหานในกระบวนท่าเดียว

“ตบะของเจ้า ไม่ใช่ของเจ้า หากไม่มีพลังที่ไม่ใช่ของเจ้า เจ้าจะสามารถต่อกรกับข้าได้นานเท่าใดกันเชียว”

เงาร่างนั้นกล่าวอย่างเย็นชา

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและมั่นใจ

ราวกับเทพเซียนที่อยู่เบื้องบนกำลังมองดูมดที่อยู่เบื้องล่างดิ้นรนต่อสู้

“โอหังยิ่งนัก!”

ฟางหานตะโกน

เขาร่ายมุทรา ประสานอินด้วยสองมือ ซ้ายคว้ามังกร ขวาจับหงส์เพลิง ดูเหมือนทรงพลัง ไร้เทียมทาน

แต่ความจริงมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้

ไพ่ตายของเขานั้น เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ หากยังคงยื้อเวลาต่อไป เขาก็ไม่อาจหลบหนีออกจากการรับรู้ของมหาจักรพรรดิ

มังกรแท้หนึ่งตนคำราม พลางหันไปมองหงส์เพลิงที่กำลังสยายปีก ทั้งสองเชื่อมต่อกัน กลายเป็นหนึ่งเดียว กระบวนท่ารวมเป็นหนึ่ง พลังไร้เทียมทานพุ่งเข้าโจมตีเงาร่างนั้น

“ตู้ม! เคร้ง!”

กระบี่เทพปะทะกับมังกรแท้ ฉีกขาดห้วงมิติ ราวกับดวงดาวนับไม่ถ้วนแตกสลาย เกิดพลังทำลายล้างฟ้าดิน

เสียงโลหะเสียดสีกันราวกับจะทำลายโลก

สถานที่แห่งนี้ถูกทำลาย กลายเป็นหมอกแห่งความโกลาหล

ราวกับห้วงเวลากลับไปยังยุคที่ฟ้าดินยังไม่ปรากฏ

“เพียงเท่านี้หรือ? ตายซะ!”

เงาร่างนั้นกล่าวอย่างเย็นชา

เขายื่นมือออกไป คว้าห้วงมิติ หอกยาวสีทองปรากฏขึ้นในมือ หอกยาวเล่มนี้ มีมังกรสีทองพันรอบ ส่งเสียงคำราม สายฟ้าสีทองปกคลุม ราวกับจะทำลายล้างฟ้าดิน

“ผู้อาวุโสเมิ่ง ช่วยข้าด้วย!”

ในตอนนี้ ฟางหานมองไปด้านหลัง รู้สึกหวาดกลัว

อีกฝ่ายกำลังจะลงมือจริงจัง ส่วนไพ่ตายของเขาใกล้จะหมดเวลา โอกาสครั้งสุดท้ายนี้ เขาไม่อยากจะใช้ เพราะต่อให้ใช้เขาก็ยังคงหนีไม่รอด

ในตอนนี้ มีเพียงทำตามคำแนะนำของผู้อาวุโสท่านนั้น ฝ่าออกไปจากตำหนักเซียน เข้าไปในค่ายกลที่เมิ่งชิ่งจือวางไว้ เขาจึงจะมีชีวิตรอด

เขากังวลว่า เมิ่งชิ่งจืออาจจะยังไม่วางค่ายกลเอาไว้ จึงตะโกนเรียกออกไป

อย่างไรเสีย เมิ่งชิ่งจือก็ไม่ได้เข้ามาในดินแดนที่เซียนแท้เคยอาศัย ตอนนี้จะต้องอยู่ที่ประตูแน่ ๆ การตะโกนเพียงครั้งเดียว แม้แต่คนธรรมดายังได้ยิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมหาจักรพรรดิ

เมิ่งชิ่งจือได้ยินย่อมต้องมีท่าที

“ใครมาช่วยก็ไร้ค่า!”

เงาร่างนั้นกล่าวอย่างมั่นใจ

ภายในค่ายกลสังหารระดับมหาจักรพรรดิ

เมิ่งชิ่งจือสวมชุดคลุมสีดำ ผมยาวสลวยปรกหน้า ร่างกายสง่างาม หัวชนฟ้า เท้าเหยียบดิน ยืนอยู่บนโลกมนุษย์ ในดวงตาของเขามีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏ มีดวงดาวมากมายสลายไป

ราวกับจอมมารมาจากขุมนรกทั้งเก้า ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง

เขามองเงาร่างสองร่างที่กำลังไล่ล่ากันอย่างบ้าคลั่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นชา

ภาพตรงหน้าเขาเห็นมานานแล้ว แต่เขาไม่ได้ลงมือทันที

เพราะว่าเขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนเร็วเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเพิ่งจะบรรลุระดับมหาจักรพรรดิ ไม่มีอาวุธจักรพรรดิ หากก้าวออกจากค่ายกลไปต่อสู้ แม้แต่ฟางหานเขายังเอาชนะไม่ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขวางกั้นเงาร่างที่อยู่ด้านหลัง

วิธีที่ดีที่สุดคือรอคอยอย่างอดทน

“ฟางหานออกมาเร็วที่สุด ตามที่ผู้อาวุโสได้กล่าวไว้ เขาคงได้รับมรดกของบรรพบุรุษ”

เมิ่งชิ่งจือมองฟางหานแวบหนึ่ง

เขารู้ดีว่าฟางหานมีไพ่ตาย ตอนนี้ฟางหานมาหาเขาเอง นับเป็นโอกาสที่ดี

“ส่วนเงาร่างนั้น”

เมิ่งชิ่งจือมองแผ่นหยกในมือ กล่าวพึมพำ “คงจะเป็นผู้บัญชาการใหญ่แห่งเมืองนิรันดร์เทียนหวง!”

มหาจักรพรรดิคนนี้ ชื่อหงเซวียน ก่อนที่จะพบกับฟางหาน เขาได้ต่อสู้กับคนอื่นมาแล้ว ร่างกายมีบาดแผลอยู่บ้าง แต่ไม่ร้ายแรง

พลังอำนาจในตอนนี้ยังคงเหลือแปดถึงเก้าส่วน

คนธรรมดา หากพบเจอกับเขา มีแต่ทางตาย!

“ฟางหานได้รับวาสนาที่สำคัญ ส่วนหงเซวียนผู้นี้ ดูเหมือนจะไม่เคยไปที่หอคอยกลไกสวรรค์ แต่ด้วยพลังของเขา คงได้รับสิ่งที่ดีไปไม่น้อย”

เมิ่งชิ่งจือคิดในใจ

ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาและอ๋าวเสวียนคอยดูแลเมืองต้าฮวง ผู้คนที่เคยไปที่หอคอยกลไกสวรรค์ เกือบทั้งหมดล้วนถูกเขาจดจำเอาไว้

มหาจักรพรรดิบางคนแม้เขาจะไม่เคยพบเจอ แต่เขาก็ยังคงจดจำกลิ่นอายเอาไว้

ตอนนี้ หงเซวียนปล่อยพลังอำนาจออกมา รู้สึกแปลกใหม่ เขาจึงมั่นใจว่าหงเซวียนผู้นี้ไม่เคยไปที่หอคอยกลไกสวรรค์

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เคยไปที่หอคอยกลไกสวรรค์

ก็สามารถยืนยันได้ว่า อีกฝ่ายไม่รู้ว่าตนเองวางค่ายกลเอาไว้ที่นี่ ตราบใดที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในค่ายกล เขาก็จะลงมือโจมตีทันที

รอจนอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส เขาก็สามารถใช้พลังของค่ายกล จัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

ส่วนฟางหาน

ถึงตอนนั้น ไพ่ตายของอีกฝ่าย คงจะหมดเวลาแล้ว

เขาสามารถจัดการทั้งสองคน

มหาจักรพรรดิหนึ่งคน ลูกหลานของเซียนแท้หนึ่งคน ครั้งนี้ ถือว่าไม่เสียเปล่า!

ตอนนั้นเอง

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น

เมิ่งชิ่งจือได้ยินดังนั้น บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่สดใสขึ้น

ฟางหานทนไม่ไหวแล้ว!

โอกาสของเขา มาถึงแล้ว!

ฟางหานที่สูญเสียพลังของมหาจักรพรรดิไปแล้ว ก็เหมือนกับคนรุ่นหลัง ในมือของเขา แม้แต่คลื่นก็ยังสร้างไม่ได้

เขาจะทำอย่างไรกับฟางหาน ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ฟางหานปะทะกับหงเซวียน ทั้งสองต่อสู้พลางถอยหลัง ในที่สุดก็เข้ามาในค่ายกลของเมิ่งชิ่งจือ

เมิ่งชิ่งจือเห็นดังนั้น ดวงตาเป็นประกาย

“โอกาสดี!”

“ตู้ม!”

เขาร่ายมุทรา ดวงดาวมากมายปรากฏขึ้น ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ธงสีดำนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นในห้วงมิติ

ปักอยู่บนท้องฟ้า เสียงธงปลิวไสว

ฟ้าดินในรัศมีสิบล้านลี้โดยรอบ ในชั่วขณะนั้นกลายเป็นสีดำสนิท

ตู้ม!

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปราณมารพุ่งทะลานขึ้นฟ้า สูงสิบล้านลี้ ปล่อยจิตสังหารอันน่ากลัวยิ่งนัก พุ่งตรงไปยังเงาร่างทั้งสอง

ในขณะนี้ จักรวาลคำราม ฟ้าดินราวกับเพิ่งจะปรากฏ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลาย หมอกแห่งความโกลาหลปกคลุม ทั่วทุกสารทิศเต็มไปด้วยแสงเทวะ เต็มไปด้วยกระแสพลังที่ปั่นป่วน

แม้จะเป็นถึงมหาจักรพรรดิ ก็ยังคงหวาดกลัว เพราะหากพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว อาจจะพ่ายแพ้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด