ตอนที่แล้วตอนที่ 19: เกิดเหตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21: แก้แค้น

ตอนที่ 20: ผาไม้ดำ


ตอนที่ 20: ผาไม้ดำ

ยอดเขาเหมันต์น้อยตั้งอยู่สุดขอบของเทือกเขาขนนกร่วงโรย เทียบกับปราณวิญญาณฟ้าดินมั่งคั่งภายในสำนักแล้ว สถานที่นี้นับว่าเบาบาง ส่วนปราณวิญญาณฟ้าดินรอบข้างหน้าผาอีกแห่งที่อยู่ติดกับยอดเขาเหมันต์น้อยยิ่งเบาบางกว่า

ผาไม้ดำ เบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกหนึ่งร้อยจั้ง ส่วนด้านบนเป็นป่าทึบ

ไม้ดำเป็นต้นไม้ที่มีปราณวิญญาณเป็นเอกลักษณ์ ทนต่อการถูกเผาเป็นพิเศษ เปลวเพลิงของมันเป็นสีดำและแดง อุณหภูมิสูงและคงที่ เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเผาไฟสำหรับศิษย์ทางการของสำนักขนนกร่วงโรย อีกทั้งยังมีผลดีต่อการหลอมยากับอุปกรณ์อีกด้วย

เมื่อหวังฝูก้าวขึ้นไปบนผาไม้ดำก็ตระหนักได้ว่าปราณวิญญาณในหุบเขาร้อยหญ้าอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหน ซึ่งมันแตกต่างกันถึงสิบเท่า

“ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนในยอดเขาเหมันต์น้อยถึงหวาดกลัวเฝิงต้าฟู่ ใครก็ตามที่หาเรื่องเขาก็จะถูกส่งมายังสถานที่แห่งนี้ที่แม้แต่นกยังไม่ถ่ายอุจจาระผ่านอำนาจที่เขามี การฝึกฝนไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่เพื่อกลายเป็นศิษย์ทางการย่อมเป็นเรื่องยากเหมือนกับการปีนขึ้นสวรรค์”

แม้หวังฝูถอนหายใจ แต่หาได้ท้อถอยไม่ ความเร็วการฝึกฝนของคนอื่นที่นี่นับว่าช้ามาก แต่เขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เขายังมีหม้อขนาดเล็กอยู่กับตัว แถมยังมีไม้ดำบนผาไม้ดำเป็นสารอาหารสำหรับการฝึกฝนของเขาอีกด้วย

ไม้เหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยปราณวิญญาณ

ผาไม้ดำแห่งนี้มีคนอยู่น้อยนักซึ่งมีไม่ถึงสิบคน ส่วนคนดูแลคือลุงขี้เมาผู้อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสาม ทุกคนต่างเรียกเขาว่าเหล่าหลิน

หลังจากตั้งหลักปักฐานได้ไม่นาน หวังฝูจึงคุ้นเคยกับเหล่าหลินผู้เกียจคร้าน เหตุผลหลักเป็นเพราะเหล่าหลินเองก็มาจากหมู่บ้านบนเขาอันห่างไกลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอู๋ถงมากนัก อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์จากการได้พบกับสหายเก่าในดินแดนต่างถิ่นนี้เองที่ทำให้ทั้งสองคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทว่าด้วยบทเรียนจากประสบการณ์ก่อนหน้าของหวงเจิง ในใจของหวังฝูจึงยังคงระแวดระวัง

เขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เหล่าหลินเพียงคนเดียว แต่ยังรวมถึงทุกคนที่เขาได้พานพบ

ปราณวิญญาณของผาไม้ดำเบาบางมาก แต่ไม้ดำคือเชื้อเพลิงที่ขาดไม่ได้สำหรับศิษย์ในสำนักเพื่อทำการหลอมยาและอาวุธ ดังนั้นจึงต้องให้ศิษย์รับใช้ที่มีการฝึกฝนดีหลายคนเข้าไปตัด ส่วนมนุษย์หรือ? พื้นผิวของไม้ดำแข็งกระด้าง ต่อให้มนุษย์ตัดหนึ่งวันหนึ่งคืนก็อาจจะไม่สามารถตัดได้แม้แต่ท่อนเดียว

มันจำเป็นต้องใช้ทักษะการตัดไม้ร่วมกับพลังวิญญาณจึงจะมีประสิทธิผล

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ ทางสำนักจึงแจกจ่ายหินวิญญาณจำนวนหนึ่งให้กับศิษย์แห่งผาไม้ดำเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ ทว่าเป็นการยากยิ่งที่จะฝึกฝนด้วยหินวิญญาณหรือแม้กระทั่งสั่งสมหินวิญญาณ

สำนักได้คำนวณมาแล้วว่าพลังวิญญาณที่ผู้ฝึกตนตัดไม้ดำแทบจะเทียบเท่ากับปราณวิญญาณในหินวิญญาณ

หากต้องการมากกว่านี้ย่อมเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง หาไม่แล้วผาไม้ดำแห่งนี้ย่อมไม่กลายเป็นสถานที่ที่ศิษย์รับใช้ทั้งหลายต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ทว่าทุกอย่างต่างมีข้อยกเว้น เหล่าหลินมีวิธีเฉพาะตัวกับพลังวิญญาณด้วยรูปแบบพิถีพิถัน ตามคำบอกเล่า เขาสามารถสั่งสมหินวิญญาณได้สิบเจ็ดถึงสิบแปดก้อนทุกปี เขาอาสาอยู่ในผาไม้ดำเพียงเพื่อจะได้หินวิญญาณ

เขายังเต็มใจที่จะสอนสั่งทักษะให้คนอื่น แต่ส่วนใหญ่จะเรียนรู้ได้เพียงร้อยละยี่สิบถึงสามสิบ หากต้องการสั่งสมหินวิญญาณสองถึงสามก้อนก็ต้องออกไปทำงานหนึ่งวันหนึ่งคืน

หวังฝูย่อมเรียนรู้ตามปกติ

เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ทำการศึกษา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลวไม่เลว ข้าทำการสอนสั่งมาเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนในช่วงหลายปีที่อยู่ผาไม้ดำ มีเพียงเจ้า เสี่ยวฝู ที่สามารถเรียนรู้ทุกวิชาของข้าได้” เหล่าหลินนั่งอยู่บนหินขณะหัวเราะแล้วมองหวังฝูถือมีดตัดไม้แล้วสับไปยังจุดเดิมบนไม้ดำอย่างแม่นยำ

“ทั้งหมดเป็นเพราะท่านเหล่าหลินสอนสั่งมาดี”

หวังฝูหัวเราะเช่นกัน เพื่อรักษาพลังวิญญาณตอนตัดไม้ดำ การตัดแต่ละครั้งจึงต้องซ้ำจุดเดิมอย่างแม่นยำและองศาของการตัดครั้งแรกจะต้องเป๊ะ หากองศาผิดขึ้นมา พลังวิญญาณจำนวนมากก็จะถูกผลาญออกไป นอกจากทักษะการใช้มีดแล้ว การถ่ายทอดพลังวิญญาณต้องแม่นยำด้วยเช่นกัน หากถ่ายทอดเข้าไปในมีดตัดไม้พิเศษในคราวเดียว ก็มีแต่จะทำให้เสียของโดยไม่จำเป็น มีเพียงพลังวิญญาณไปถึงคมมีดก่อนจะสัมผัสไม้ดำเท่านั้นจึงจะประหยัดพลังวิญญาณได้สูงสุด

ทุกคนสามารถใช้มีดได้หลังจากทำการฝึกฝน ทว่าการควบคุมพลังวิญญาณอย่างมั่นคงจึงทำให้คนส่วนใหญ่ในผาไม้ดำไปต่อไม่ได้ ความยากอยู่ที่จังหวะของการปล่อยพลังวิญญาณปกคลุมคมมีด  หากทำไวเกินไปก็จะสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น หากช้าเกินไปก็จะทำให้แขนขาชา

“ดังคำที่ข้าเคยกล่าวเอาไว้ อาจารย์ทำได้เพียงส่งไปที่ประตู แต่จะฝึกฝนหรือไม่อยู่ที่ตัวบุคคล” เหล่าหลินลูบเคราไปมา “ข้าเพียงเตรียมวิธีให้แก่เจ้าเท่านั้น แต่ความสำเร็จแท้จริงขึ้นอยู่กับพรสวรรค์กับความพยายามของเจ้า”

ผู้คนบนผาไม้ดำไม่มีแบบแผนอะไร ต่อให้มีความอิจฉาริษยาก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม แม้บางวคนจะอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสามอย่างเหล่าหลิน แต่การควบคุมพลังวิญญาณอย่างแม่นยำของเหล่าหลินทำให้พละกำลังของเขาสูงส่งกว่าจนไม่มีใครกล้าลงมือบุ่มบ่าม

ส่วนแบ่งหินวิญญาณรายเดือนคือห้าก้อน ซึ่งเฝิงต้าฟู่จะแจกจ่ายให้ตรงเวลาในช่วงเช้าตรู่ของวันแรก

เฝิงต้าฟู่กับเหล่าหลินย่อมรู้จักกัน หวังฝูจึงมีความรู้สึกไม่ดียามเห็นทั้งสองชำเลืองมองเขาเป็นครั้งคราวขณะสนทนา แต่โชคดีที่หลังจากนั้นเหล่าหลินไม่ได้สร้างปัญหาแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อหวังฝูไปสอบถามเหล่าหลินถึงได้ทราบว่าเฝิงต้าฟู่ขอให้เหล่าหลินสร้างความลำบากให้กับเขาจนถึงขั้นยัดหินวิญญาณจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าเป็นรางวัล ซึ่งเหล่าหลินรับหินวิญญาณเอาไว้พร้อมกับตกปากรับคำ แต่เรื่องที่จะทำให้หวังฝูลำบากนั้นกลับลืมไปนานแล้ว ถือเป็นตัวอย่างทั่วไปของคนที่เอาเปรียบผู้อื่นโดยที่ไม่ทำอะไรเลย

หวังฝูถึงกับอุทานหลังจากทราบเรื่อง

ของเหลววิญญาณในทะเลสาบวิญญาณกระจ่างถูกใช้จนหมดแล้ว ส่วนการฝึกฝนของหวังฝูไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับขั้นสูงสุด เหลือเพียงอีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสาม

โชคดีที่หวังฝูเริ่มใช้หม้อขนาดเล็กเพื่อกลืนกินแก่นของไม้ดำบนผาไม้ดำ ตอนนี้จึงมีของเหลววิญญาณที่ส่องแสงสีน้ำเงินดำออกมาจากหม้ออย่างต่ำหนึ่งร้อยหยด เนื่องจากผาไม้ดำมีประชากรเบาบาง ดังนั้นขอเพียงควบคุมจำนวนไม้ดำที่ถูกกลืนกินได้ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็น

ปราณวิญญาณที่อยู่ในของเหลววิญญาณไม้ดำบริสุทธิ์กว่าของเหลววิญญาณในทะเลสาบวิญญาณกระจ่าง หลังจากหวังฝูขัดเกลาไปได้สามหยดจึงสามารถทะลวงสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสามได้โดยตรง ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะให้กำเนิดจิตเทวะขึ้นมาด้วย

“จิตเทวะสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่เท่านั้น เหตุใดถึงปรากฏขึ้นหลังจากไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสาม?” แม้หวังฝูจะสับสน แต่นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้าย “หรือว่าของเหลววิญญาณที่ถูกกลั่นโดยหม้อใบน้อยจะมีความสามารถในการเสริมแกร่งจิตเทวะด้วย?”

หวังฝูเพียงคิดว่าการเกิดของจิตเทวะล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป

เขาพบว่าการใช้วิธีของเหล่าหลินเพื่อตัดไม้ดำไม่เพียงแต่ประหยัดพลังวิญญาณเท่านั้น แต่ยังพัฒนาการใช้พลังวิญญาณให้มั่นคง ซึ่งมันเป็นประโยชน์สำหรับการฝึกฝนวิชาปฐพีหลบลี้ค่อนข้างมาก

ภายในสามวัน หวังฝูจึงหาทางหลอมรวมเข้ากับปฐพีได้อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่หน้าอกลงไป ทำให้เชี่ยวชาญวิชาปฐพีหลบลี้เกือบทั้งหมด

“พลังวิญญาณของขอบเขตกลั่นลมปราณรระดับสามยังค่อนข้างจำกัด ต่อให้การฝึกฝนจะสำเร็จ แต่เวลาที่สามารถอยู่ใต้ดินได้ค่อนข้างสั้น แทนที่จะฝึกฝนวิชาปฐพีหลบลี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป สู้เร่งความเร็วกระบวนการพัฒนาขอบเขตจะดีกว่า การอยู่ผาไม้ดำก็ไม่มีอันตรายอะไร นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะฝึกฝนอย่างวางใจจนกลายเป็นศิษย์ทางโดยเร็ว”

มีเพียงศิษย์ทางการเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายของสำนักขนนกร่วงโรยได้

หลังจากฝึกฝนวิชาหนามปฐพีอีกสักพักก็ยิ่งเกิดความชำนาญจนเข้าใกล้ขั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น

กิจวัตรประจำวันของหวังฝูค่อนข้างตายตัว เริ่มจากใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงต่อวันในการตัดไม้ดำและฝึกฝนการควบคุมพลังวิญญาณ ส่วนเวลาที่เหลือนอกจากเอาไปกินกับนอนแล้ว เขายังทำการกลั่นของเหลววิญญาณจนกระทั่งเส้นลมปราณปูดโปนด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงทำการฝึกฝนวิชาหนามปฐพีก่อนจะปิดท้ายด้วยวิชาปฐพีหลบลี้

ด้วยการตระเตรียมของเหลววิญญาณบริสุทธิ์ของหม้อขนาดเล็ก ทำให้ขอบเขตของหวังฝูพัฒนาขึ้นอย่างมั่นคงจนไม่ด้อยไปกว่าอัจฉริยะผู้มีรากฐานวิญญาณสามธาตุหรือรากฐานวิญญาณสองธาตุ ส่วนรากฐานวิญญาณสวรรค์ยังเกินกว่าจะเทียบเคียงได้

ทุกสิ่งที่ผาไม้ดำเป็นปกติ ไม่มีใครให้ความสนใจ

ทว่าเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างได้เกิดขึ้นกับสำนักขนนกร่วงโรย

ศิษย์อัจฉริยะอย่างอวิ๋นหนิงซวงออกจากการเก็บตัว ในเวลาเดียวกันเจ้าสำนักขนนกร่วงโรยประกาศว่าเส้นปราณปฐพีแห่งต้าเซี่ยจะเปิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งอวิ๋นหนิงซวงต้องไปเส้นปราณปฐพีกับหลู่เฟิงผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่จากสำนักสายในแห่งยอดเขาขนนกโบยบินเพื่อทำการสร้างรากฐานวิถีปฐพี

หากไม่มีอะไรผิดพลาด สำนักขนนกร่วงโรยจะมีอัจฉริยะขอบเขตสร้างรากฐานวิถีปฐพีเพิ่มอีกสองคนในไม่ช้า แล้วทั้งสำนักจะจัดงานเฉลิมฉลอง

การสร้างรากฐานมีสามประเภท ประกอบด้วยวิถีสวรรค์ วิถีปฐพีและวิถีมนุษย์

การใช้ยาเม็ดสร้างรากฐานเพื่อทะลวงขอบเขตสร้างรากฐานถือเป็นการสร้างรากฐานสำหรับวิถีมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นวิธีการสร้างรากฐานสำหรับผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในโลกแห่งการฝึกตนเป็นเซียน

ส่วนขอบเขตสร้างรากฐานวิถีปฐพี มันคือการสร้างปราณด้วยเส้นปราณวิญญาณปฐพี ซึ่งเส้นปราณวิญญาณปฐพีอยู่ในกำมือของสำนักเซียนจนยากที่จะพบเจอได้ ภายในอาณาจักรต้าเซี่ยมีเส้นปราณวิญญาณปฐพีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น โดยหกสำนักเซียนหลักได้จัดตั้งกองกำลังเพื่อร่วมกันควบคุม มันจะถูกเปิดทุกสามปีและจำนวนที่เข้าได้ค่อนข้างจำกัด

เหนือขอบเขตสร้างรากฐานวิถีปฐพียังมีขอบเขตสร้างรากฐานวิถีสวรรค์… ทว่าหกสำนักเซียนหลักไม่มีวิธีในการสืบทอดสำหรับขอบเขตสร้างรากฐานวิถีสวรรค์

ในโลกแห่งการฝึกตนเป็นเซียน มีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนจนถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบและได้พบเงื่อนไขในการสร้างรากฐาน ซึ่งมีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้นที่จะได้รับยาเม็ดสร้างรากฐานจนสร้างรากฐานได้สำเร็จ…

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด