ตอนที่ 19: เกิดเหตุ
ตอนที่ 19: เกิดเหตุ
ลึกเข้าไปในหุบเขาร้อยหญ้า มีบ้านไม้หลังใหญ่จำนวนมากซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกจูเจิ้น
“เป็นไงบ้าง? ช่วงนี้หวังฝูมีพฤติกรรมผิดปกติอะไรหรือเปล่า?” จูเจิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสงบ
“ไม่เลย ข้าให้คนคอยจับตาดูอยู่ตลอด นอกจากการฝึกฝนแล้วมันก็ไปทำสมาธิที่ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างทุกวัน ไม่มีอะไรผิดปกติแต่อย่างใด” จางเหิงส่ายหน้า เขารู้สึกเดือดดาลทุกทีที่นึกถึงหวังฝู
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ ฝึกฝนจากมนุษย์จนไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสองในเวลาเพียงไม่กี่เดือน แถมยังฝึกฝนวิชาได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากบอกว่าไม่เคยไปผจญภัยเลยออกจะดูไร้เหตุผลเกินไป มีหรือจะสามารถเข้ากับ”วิชาปฐพีปึกแผ่น“ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” จูเจิ้นแตะคางด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาเอ่ยคำกับตัวเอง “หรือว่าเด็กชายคนนั้นไม่ได้มีรากฐานวิญญาณห้าธาตุ? รากฐานวิญญาณสองธาตุหรือเปล่า? หรือรากฐานวิญญาณสามธาตุ? ไม่ไม่ไม่... เป็นไปไม่ได้ หากมีรากฐานวิญญาณสามธาตุหรือรากฐานวิญญาณสองธาตุก็คงกลายเป็นศิษย์ทางการไปแล้ว เหตุใดถึงต้องมาทนทุกข์ที่ยอดเขาเหมันต์น้อยด้วย?”
“จับตาดูต่อไป ลองไปที่ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างเพื่อตรวจสอบดูว่ามีอะไรพิเศษอยู่ในที่ที่มันไปหรือไม่…” จูเจิ้นคล้ายกับคิดบางอย่างขึ้นได้ “ช่างเถอะ ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง ส่วนเจ้าจัดการเรื่องของหวงเจิงที เด็กคนนี้หายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ทราบเลยว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง”
“ขอรับ” จางเหิงพยักหน้า กระนั้นก็ยังลอบบ่นอยู่ในใจ
เหอะ ไปด้วยตัวเองหรือ? ข้าว่าคงเพราะกลัวข้าจะฉวยโอกาสเสียมากกว่า น่าเสียดายที่ข้าค้นพื้นที่รอบทะเลสาบวิญญาณกระจ่างแล้ว ส่วนหวงเจิง ถ้าจะหายก็หายไปสิ ยังไงก็แค่มดปลวกมนุษย์ตัวหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเห็นจางเหิงออกไปแล้ว จูเจิ้นจึงค่อยเดินไปทางทะเลสาบวิญญาณกระจ่าง พูดตามตรงแล้วเขาไม่เชื่อว่าจะมีของดีอยู่ในทะเลสาบวิญญาณกระจ่าง ถึงอย่างไรเขาก็ไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งร้อยแปดสิบครั้ง กระนั้นในใจยังคงมีความหวังเล็กน้อยอยู่บ้าง หากมีโอกาสอยู่จริง มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไป?
“หากไม่มีอะไรในทะเลสาบวิญญาณกระจ่าง งั้นก็ไปที่บ้านของหวังฝูแล้วค้นดูให้ละเอียดดีกว่า หากมีสมบัติอยู่จริง ต่อให้ต้องฆ่าคนเพื่อปล้นชิงก็นับว่าคุ้มค่า…”
…
บนยอดเขาเหมันต์น้อย ใบหน้าของเฝิงต้าฟู่ยิ่งมืดมนขณะฟังรายงานจากคนที่อยู่ข้างกาย
“ศิษย์พี่เฝิง เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้ หวังฝูกับศิษย์พี่จ้าวเจ๋อหลินไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน มีเพียงความแค้นเคืองต่อกันเท่านั้น…” หลังจากชายผู้หนึ่งเอ่ยคำเช่นนี้ก็มองจ้าวเจ๋อหลินอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าจริงจังก็ทราบทันทีว่าหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้คงไม่ดีนัก ดังนั้นจึงรีบขออนุญาตเพื่อเตรียมจะถอยหนี “เอาละศิษย์พี่เฝิง ข้ายังมีธุระที่ต้องไปสะสางอีก ดังนั้นขอตัวก่อน”
เฝิงต้าฟู่โบกมือ แล้วชายคนนั้นจึงรีบจากไปด้วยความโล่งอก
“ดี ดีมาก ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ถึงกับหาทางหลอกข้าได้ คิดหรือว่าข้าเฝิงต้าฟู่จะเป็นคนเกียจคร้านที่รอคอยความตาย? ต่อให้เป็นรูปปั้นดินเผาก็ยังมีโทสะอยู่บางส่วน… หวังฝู เจ้ารอข้าก่อนเถอะ”
เฝิงต้าฟู่ไม่คิดเก็บความเคียดแค้นไว้ชั่วข้ามคืนก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกเดินทางสู่หุบเขาร้อยหญ้าโดยใช้วิชาควบคุมวายุทันที
หวังฝูกำลังฝึกฝนวิชาปฐพีหลบลี้อยู่ข้างบ้านไม้ แม้คราวที่แล้วจะจับเคล็ดบางอย่างได้ แต่พลังวิญญาณสีเหลืองอมน้ำตาลดังกล่าวยากที่จะทำการฝึกฝนได้ ตอนนี้มันเพียงปกคลุมน่องหนึ่งข้างเท่านั้น หากต้องการไปถึงระดับที่ปกคลุมทั่วร่าง หนทางยังนับว่าอีกยาวไกลนัก
สายลมรอบข้างยิ่งพัดแรง เขาพลันมองออกไปไกลก่อนจะพบจุดสีดำขนาดเล็กกำลังพุ่งตรงเข้ามา จุดสีดำยิ่งมายิ่งมีขนาดใหญ่ มันถึงกับเป็นร่างมนุษย์ผู้หนึ่ง
“รวดเร็วอะไรอย่างนี้…”
หวังฝูประหลาดใจชั่วขณะก่อนจะเห็นใบหน้าของร่างดังกล่าวชัดเจน “เฝิงต้าฟู่…”
“เหตุใดเขาถึงมาที่นี่? หรือว่าเรื่องของหวงเจิงถูกเปิดโปงแล้ว?”
หัวใจของหวังฝูสั่นสะท้าน
“อย่าลนอย่าลน เราจะเผยธาตุแท้ตอนนี้ไม่ได้ แค่บอกไปว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็พอ หวงเจิงกลายเป็นกองดินสีเหลืองไปแล้ว จะไปหาเจอได้อย่างไรกัน”
เขาแสร้งทำเป็นสงบขณะรอคอยอย่างเงียบงัน
เพียงไม่กี่อึดใจ เฝิงต้าฟู่ทะยานเข้ามาพร้อมกับท้องอันจ้ำม่ำ ใบหน้าของเขามืดมนขณะจ้องหวังฝูอย่างไม่ละสายตาราวกับอยากดูว่าเด็กชายตรงหน้ายังมีความกล้าที่จะโกหกเขาอีกหรือไม่
“หืม? เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกตนแล้วหรือ?”
แต่เขากลับพบว่ามีความผันผวนพลังวิญญาณอยู่รอบข้างหวังฝู ซึ่งมันไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด
“คารวะศิษย์พี่เฝิง” หวังฝูโค้งคำนับขณะแสดงความจริงใจสุดความสามารถ “ทั้งหมดต้องขอบคุณความเอาใจใส่ของศิษย์พี่ที่มอบหมายให้ข้าอยู่ในหุบเขาร้อยหญ้าซึ่งเต็มไปด้วยปราณวิญญาณจนโชคดีพอที่จะหาโอกาสทำการทะลวงได้”
“โชคดีหรือ? เจ้านับว่าโชคดีเหลือเกิน ศิษย์รับใช้ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีถึงจะทะลวงขอบเขตได้ แต่เจ้ากลับใช้เวลาเพียงสี่ถึงห้าเดือนเท่านั้น ดูท่าว่าเจ้าจะเข้ากันได้ดีกับ”วิชาปฐพีปึกแผ่น“ไม่น้อย” เฝิงต้าฟู่ไม่คิดว่าหวังฝูโชคดีแต่อย่างใด สิ่งที่เห็นมีเพียงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหนึ่งหรือสองเท่านั้น เขามาที่นี่เพื่อทำการลงโทษเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องมาสนใจเรื่องเหลวไหลเหล่านี้
เขาเพิกเฉยต่อรอยยิ้มของหวังฝูขณะเข้าประเด็นทันที “เจ้าหนู ข้าถามเจ้าหน่อยเถอะ เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับศิษย์พี่จ้าวเจ๋อหลิน?”
หวังฝูตกตะลึง จ้าวเจ๋อหลินหรือ?
เฝิงต้าฟู่รีบมาที่นี่เพราะจ้าวเจ๋อหลินหรือ?
“เจ้าไม่ได้ยินคำถามหรือ? อะไร? พอความตริงถูกเปิดเผยก็เลยไม่มีอะไรจะพูดใช่หรือไม่?” เฝิงต้าฟู่จับจ้องหวังฝูอย่างมุ่งร้าย
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น” ในที่สุดหวังฝูก็เข้าใจจุดประสงค์ของเฝิงต้าฟู่ อีกฝ่ายเพียงรู้สึกว่าถูกหลอก แต่ปัญหาก็คือเขาไม่ได้บอกเรื่องความสัมพันธ์กับจ้าวเจ๋อหลินตั้งแต่แรก
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก ตอนแรกเจ้าหลอกข้าจนหลงคิดไปว่าเจ้าเป็นญาติของจ้าวเจ๋อหลิน เพราะงั้นถึงได้ส่งเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง…”
เฝิงต้าฟู่ชี้ไปที่หวังฝูด้วยความเดือดดาลพร้อมกับสบถคำหยาบคายออกมาไม่หยุดหย่อน
“ข้าเลือกเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งเลือกหุบเขาร้อยหญ้าซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปราณวิญญาณฟ้าดิน รวมถึงส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อจะได้คอยรับใช้เป็นอย่างดีจนเกือบจะเอาน้ำชายามบ่ายมาให้เจ้าดื่ม แล้วผลเป็นยังไง… อา… กลายเป็นว่าเจ้ากับจ้าวเจ๋อหลินเป็นศัตรูกันแทนที่จะเป็นญาติ แบบนี้มันไม่ต่างกับมาลูบคมข้าครั้งแล้วครั้งเล่าหรอกหรือ…”
“ข้าอายจนไม่รู้จะไปมุดหัวที่ไหน…”
เฝิงต้าฟู่แทบจะตะโกนออกมา หวังฝูเห็นว่าเขาหายใจไม่ทั่วท้องจึงรีบรินน้ำมาให้หนึ่งแก้ว
“ศิษย์พี่เฝิงดื่มน้ำก่อน อย่างให้ความโกรธมาทำลายร่างกาย”
เฝิงต้าฟู่รับแก้วน้ำมาโดยไม่รู้ตัวและกำลังจะเอาเข้าปาก แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหวังฝูราวกับต้องการให้ตบสักฉาด โทสะจึงกลับมาปะทุก่อนจะโยนแก้วทิ้งทันที
“ดื่มน้ำ ดื่มกับผีน่ะสิ…”
“เจ้าต้องอธิบายเรื่องนี้กับข้าให้กระจ่าง ไม่งั้นจบไม่สวยแน่”
“แต่ข้าไม่เคยบอกเลยว่าข้ามีความสัมพันธ์กับจ้าวเจ๋อหลิน” หวังฝูยังคงทำตัวใสซื่อโดยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เจ้าหมายความว่าข้าเฝิงต้าฟู่เป็นคนโง่อย่างงั้นหรือ?” เฝิงต้าฟู่เอ่ยคำอย่างจริงจัง
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น” หวังฝูรีบโบกมือ ใครที่ไหนจะกล้ายอมรับ
“เหอะ เจ้าคงไม่กล้าหรอก” เฝิงต้าฟู่รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วก่อนจะดื่มหมดในรวดเดียว แล้วเขาจึงเอ่ยคำอย่างจริงจัง “ในเมื่อเจ้าไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกับจ้าวเจ๋อหลินก็คงจะอยู่ในหุบเขาร้อยหญ้าต่อไม่ได้ ถือว่ายอมออกมาเพื่อข้าแล้วกัน”
“ออกจากหุบเขาร้อยหญ้าหรือ? แล้วข้าจะไปอยู่ที่ไหน?”
หวังฝูลอบรู้สึกยินดีขึ้นมาเมื่อทราบว่าจะได้ออกจากหุบเขาร้อยหญ้า เขาไม่อยากอยู่ที่นี่หากไม่มีเหตุจำเป็นจริง ไม่เพียงแต่เคยฆ่าคนที่นี่เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มของจูเจิ้นที่อาจจะมาสร้างปัญหาทุกเมื่ออีกด้วย
แต่เขาปั้นหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับแสร้งทำเป็นไม่เต็มใจที่จะจากไป
“เหอะเหอะ ที่ไหนหรือ? ที่ที่เจ้าไม่อยากไปยังไงละ…”
เฝิงต้าฟู่ยิ้มกว้าง มีเพียงการให้หวังฝูไปที่นั่นถึงจะทำให้เขาสงบลงได้ ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสองแล้ว คงไม่ตายจากการเหนื่อยหรอก
ขอเพียงไม่เหนื่อยตายก็ต้องทำงานจนตายอยู่ดี