(พิเศษ) บทที่ 151 สวี่ชิวเหวิน: อย่าทะเลาะกันเลย หยุดเถอะ ฟังอาจารย์ก่อน
(TL: หากบทไหนมีการแข่งฟุตบอลจะเปิดเป็นตอนฟรีแบบนี้ หากไม่อินเหมือนผมก็อ่านข้ามๆได้ ไม่นานก็จบช่วงนี้แล้ว และหลังจากนี้ไปความสัมพันธ์ของพระเอกจะเริ่มเข้าสู่ความวุ่นวาย)
ปีกจากสาขาธุรกิจกำลังรอให้ศูนย์หน้าจ่ายบอลให้เขาเพื่อทะลวงแนวรับของคู่ต่อสู้และทำประตู
จินตนาการเป็นสิ่งสวยงาม อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือศูนย์หน้าของเขาอยากจะโชว์ แต่สุดท้ายก็เสียบอลให้คู่ต่อสู้
ตอนนี้เขาเหมือนตัวตลก ทำได้เพียงมองคู่ต่อสู้วิ่งไปที่แดนของตน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
และศูนย์หน้าที่เสียบอลก็จ้องมองสวี่ชิวเหวินด้วยท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
บนอัฒจันทร์ เมื่อเห็นสวี่ชิวเหวินสกัดบอลได้อีกครั้ง ไป๋เยว่เอ๋อร์และซูหยานหยานก็แปลงร่างเป็นเชียร์ลีดเดอร์ทันทีและตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ตงจุนเองก็กำหมัดแน่นและมุ่งความสนใจไปที่ลูกบอล
ด้วยความร่วมมือจากหยางไป่ซานและเพื่อนบ้าน หลังจากเคาะบอลสองสามครั้ง กระบวนทัพของคู่ต่อสู้ก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
หยางไป่ซานฉวยโอกาสวิ่งไปยังกรอบเขตโทษ จากนั้นรับบอลจากฝ่ายซ้ายและยิงประตู
บอลโค้งเป็นรูปกล้วย ลอยข้ามไหล่ผู้รักษาประตูจากสาขาธุรกิจเข้าไปตุงตาข่าย
“ว้าว!”
เสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นดังขึ้นอีกจากบนอัฒจันทร์
เมื่อเห็นการทำประตูของหยางไป่ซาน สวี่ชิวเหวินก็มีความสุขมากเช่นกัน
แต่ทันใดนั้น ศูนย์หน้าของคู่ต่อสู้ก็เอื้อมมือมาผลักเขาอย่างแรง
สวี่ชิวเหวินไม่ทันระวังตัวและสะดุดจนเกือบจะล้มลง
เขาหันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ เพียงเพื่อพบว่าคนที่ผลักคือศูนย์หน้าสาขาธุรกิจ ชายหนุ่มที่เขาขโมยบอลมาสองครั้ง
ใบหน้าของคู่ต่อสู้เต็มไปด้วยความโกรธ
สวี่ชิวเหวินตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกระทำด้วยความอับอาย
สวี่ชิวเหวินไม่ได้โกรธและเพียงยิ้ม อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆไม่สามารถยอมรับได้
ตงจุนและหลายๆคนบนอัฒจันทร์เริ่มตะโกนทันที!
ถังเว่ยเว่ยก็กัดริมฝีปากและมองดูเหตุการณ์อย่างกระวนกระวาย
เสิ่นหมินเหยายังคงเงียบ แต่ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่สวี่ชิวเหวิน
ไป๋เยว่เอ๋อร์และซูหยานหยานไม่สงบเท่าพวกเขาสองคน
ซูหยานหยานยืนขึ้นและตะโกนทันที “แพ้แล้วพาลหรอ? มาผลักกันแบบนี้ได้ยังไง!”
ไป๋เยว่เอ๋อร์ก็ยืนขึ้นเช่นกัน เธอเอามือป้องปากเป็นรูปแตรแล้วตะโกนว่า “แพ้แล้วยอมรับไม่ได้ก็แค่พวกขยะ!”
เมื่อไป๋เยว่เอ๋อร์สบถด่า หญิงสาวทั้งสามและนักศึกษาชายคนอื่นๆก็มองมาทันที แต่ละคนต่างประหลาดใจ
การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆข้างสนามแทบไม่มีผลกระทบใดๆ
แต่สนามเองก็ไม่สงบในเวลานี้
เมื่อเห็นศูนย์หน้าของสาขาธุรกิจผลักสวี่ชิวเหวิน เพื่อนร่วมห้องจาก 412 เช่นจินฮ่าวหนานและหลิวจื้อฮ่าวก็รีบรุดมาข้างหน้าทันทีเพื่อต้องการขอคำอธิบาย
หยางไป่ซานเพิ่งยิงประตูที่สองของเขาและกำลังจะเฉลิมฉลองกับเพื่อนร่วมทีม แต่กลับเห็นใครบางคนผลักสวี่ชิวเหวินก่อน
เขาไม่สามารถทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวได้ จึงรีบวิ่งเข้ามาในฝูงชน ผลักอีกฝ่ายกลับและปะทะกันอย่างรวดเร็ว
หยางไป่ซานได้เปรียบ ศูนย์หน้าของฝ่ายตรงข้ามแทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทำได้เพียงหลบไปทางซ้ายและขวาเท่านั้น
ผู้เล่นของสาขาธุรกิจรีบรุดมาทันทีเมื่อเห็นว่าหนึ่งในนั้นถูกโจมตี
นี่คือการแข่งขันฟุตบอลประจำปีของมหาวิทยาลัยเจียวทง แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ทุกเกมจะมีอาจารย์พละเป็นเมื่อผู้ตัดสิน
สิ่งต่างๆบานปลายเร็วเกินไป เมื่ออาจารย์พละรู้สึกตัว สถานการณ์ก็ควบคุมไม่ได้แล้ว
นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษา แม้แต่อาจารย์พละที่ทำหน้าที่ผู้ตัดสินก็ต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขารีบวิ่งเข้ามาและตะโกนอย่างไม่รีรอ “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
อาจารย์ทำได้เพียงดึงนักศึกษาออกไปทีละคนเท่านั้น
ในเวลานี้ สวี่ชิวเหวินรู้ดีว่าการต่อสู้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างแน่นอน เขาใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสุดท้าย อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองแทรกตัวไปหาศูนย์หน้าของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นโดยไม่ลังเล เขายกเท้าขึ้นเตะอีกฝ่ายและตะโกนเสียงดัง “หยุด หยุดสู้กันได้แล้ว! อาจารย์บอกให้หยุด!”
ศูนย์หน้ารายล้อมไปด้วยผู้คนและไม่รู้ว่าโดนใครเตะ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่หนีด้วความสับสน
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ดึงนักศึกษาที่อยู่รอบๆออกไปแล้ว สวี่ชิวเหวินก็หยุดทันเวลาและยังคงตะโกนว่า “อย่าทะเลาะกัน หยุดเถอะ ฟังอาจารย์ก่อน”
อาจารย์หลายคนไม่เห็นการกระทำของสวี่ชิวเหวิน แต่ได้ยินเสียงตะโกนของเขา และพอใจมากกับการให้ความร่วมมือนี้
หลังจากที่ทุกคนถูกแยกออกจากกัน อาจารย์คนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พวกเธอบ้ากันไปหมดแล้วหรือไง? นี่คือการแข่งกีฬา ไม่ใช่สถานที่สำหรับต่อสู้”
ศูนย์หน้าสาขาธุรกิจอยู่ในสภาพน่าสังเวชและได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกในทีม
ดูจากสภาพของเขา ก็แน่ใจว่าคงเล่นต่อไปไม่ได้ แค่หวังว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
และต่อให้มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ชุลมุนกัน จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะเจอคนที่เตะเขา
ผู้เล่นจากทั้งสองฝ่ายยังคงขุ่นเคือง พวกเขาจ้องมองกันและกันข้ามอาจารย์ผู้ตัดสิน
อาจารย์ผู้ตัดสินหลายคนรวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือ
ในไม่ช้าก็มีการตัดสินใจ
อาจารย์ผู้ตัดสินคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันจะแจ้งให้ที่ปรึกษาของพวกเธอทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้หมายเลข 1 สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและหมายเลข 7 สาขาธุรกิจได้รับใบแดงและถูกไล่ออกจากสนาม!”
หยางไป่ซานเริ่มกังวลทันทีที่เขาได้ยินสิ่งนี้และตะโกนกลับ “อาจารย์ มันไม่ยุติธรรมเลย! พวกเขารับความพ่ายแพ้ไม่ได้จึงเริ่มลงมือก่อน!”
อาจารย์จ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม “แล้วเธอต้องใช้กำลังกลับด้วยหรือไง? หากมีข้อขัดข้องใดๆให้ไปหาที่ปรึกษาของตัวเอง!”
หยางไป่ซานรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่อาจารย์ได้ตัดสินใจแล้ว เขาไม่สามารถยกเลิกได้
อีกด้านหนึ่ง สาขาธุรกิจไม่ได้คัดค้านการตัดสินหรือไม่พอใจกับบทลงโทษใดๆ ในทางกลับกัน พวกเขาแสดงท่าทีเยาะเย้ย และบางคนถึงกับหัวเราะออกมา
หยางไป่ซานอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล “หัวเราะอะไร? ต่อให้ไม่มีฉันพวกนายก็แพ้อยู่ดี!”
นักศึกษาบางคนจากทีมตรงข้ามไม่เต็มใจที่จะถอยและโต้กลับ “ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะตกรอบ!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเธอยังอยากแข่งต่ออยู่ไหม?”
อาจารย์ขัดจังหวะการทะเลาะกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองทีมท่วงที
หยางไป่ซานออกจากสนามด้วยความหดหู่
ทันทีที่มาถึงอัฒจันทร์ ตงจุนและคนอื่นๆก็เข้ามาล้อมเขาเพื่อถามถึงสถานการณ์
เมื่อได้ยินว่าเขาได้รับใบแดงทุกคนก็พากันไม่พอใจ
ภายในสนาม
เนื่องจากเป็นการถูกไล่ออกไม่ใช่เปลี่ยนตัว ทั้งสองฝ่ายจึงต้องเล่นต่อโดยมีฝั่งละ 10 คนเท่านั้น
เมื่อไม่มีหยางไป่ซาน ความแข็งแกร่งของสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศก็ลดลง
แม้ว่าเพื่อนจากบ้านเกิดของหยางไป่ซานจะประสานงานกันได้อย่างราบรื่น แต่พวกเขาก็ยังขาดความเร็วและทักษะ
อย่างไรก็ตาม สาขาธุรกิจไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก
ศูนย์หน้าซึ่งแต่เดิมเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดถูกส่งออกจากสนาม ทำให้ทีมที่เหลือขาดความสามารถในการบุกโจมตี
ผลสุดท้าย ทั้งสองฝ่ายต่อบอลกันไปกันมาและไม่สามารถคุกคามประตูของคู่ต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม ทีมของสวี่ชิวเหวินนำอยู่สองลูก พวกเขาไม่ต้องรีบร้อนและยินดีเสียเวลากับฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเวลาผ่านไป สาขาธุรกิจก็เริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ปีกของพวกเขามองหาโอกาสหลายครั้งและพยายามเลี้ยงเดี่ยวเข้าไปทำประตูจากระยะไกล
แต่ความเร็ว ปฏิกิริยา ความอดทน และความสามารถโดยรวมของสวี่ชิวเหวินนั้นเหนือกว่าคู่ต่อสู้ ทุกครั้งที่เข้ามาใกล้ เขาจะบังคับให้อีกฝ่ายทำผิดพลาดและเสียบอล หรือไม่ก็แย่งมาโดยตรง
ในที่สุดเวลาก็หมดลง
ทีมของสวี่ชิวเหวินเอาชนะสาขาธุรกิจ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงนกหวีดสุดท้ายของผู้ตัดสิน สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศก็สวมกอดกันอย่างตื่นเต้น
หยางไป่ซานก็รีบวิ่งลงสนาม และล้อเลียนผู้เล่นสาขาธุรกิจด้วยท่าทางและเสียงหัวเราะ
ทีมสาขาธุรกิจเถียงกลับไม่ได้ พวกเขาออกจากสนามด้วยใบหน้าก้มต่ำและเต็มไปด้วยความหดหู่
/////