ตอนที่แล้วบทที่ 58 : อสูร​โลหิตทองคำปรากฏตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 60​ : สำนักเทียนเซียว, สำนักเสินโหยว,​ สำนักเสินหมิง

บทที่ 59 : เผชิญหน้าสำนักเสินโหยว


บทที่ 59 : เผชิญหน้าสำนักเสินโหยว

เเละหลังจากพูดจบ, องครักษ์สิบสามก็ส่งแผนที่มาให้หลินเสวียน

“ไกลเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย!”

หลินเสวียนมองตำแหน่งของเมืองเทียนเป่ยบนแผนที่แล้วขมวดคิ้ว

ทิศทางของเมืองเทียนเป่ย อยู่ตรงข้ามกับเมืองหลางหยา…แถมยังไกลกว่าเป็นสองเท่า

แม้จะขี่ม้าเร็วที่สุดของสำนักเทียนเซียว ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าหกวัน…ถึงจะไปถึงเมืองเทียนเป่ยได้!

“หลินเสวียน, ไปที่หอลงทัณฑ์กันดีกว่า​!”

“ข้าเตรียมอินทรี​ปีกสีเขียวไว้ให้เจ้าตัวหนึ่งแล้ว, ถ้าเจ้าออกเดินทางตอนนี้…ก่อนฟ้าสางก็น่าจะถึง”

“ตอนนี้มีคนอื่นกำลังจับตามองอสูร​โลหิตทองคำอยู่เหมือนกัน, ถ้าไปช้ากว่านี้คงต้องลำบากหามันใหม่!” องครักษ์สิบสามกล่าว

“ตกลง, ข้าจะไปที่หอลงทัณฑ์เดี๋ยวนี้เลย!”

หลินเสวียนตอบรับ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่หอลงทัณฑ์ทันที!

……

หอลงทัณฑ์ตั้งอยู่ข้างๆหอทรัพยากร

มันเป็นอาคารที่ปล่อยรังสีอำมหิตออกมาตลอดเวลา​

เเละเมื่อหลินเสวียนมาถึง, มันก็มีคนของหอลงทัณท์มารออยู่แล้ว!

“หลินเสวียน!”

“อินทรี​ปีกสีเขียว, เป็นพาหนะที่ใช้ได้เฉพาะเวลาออกปฏิบัติภารกิจของหอลงทัณฑ์เท่านั้น”

“ดังนั้น, เจ้าต้องเซ็นชื่อในรายการภารกิจแทน”

คนของหอลงทัณฑ์นำเอกสารออกมาให้หลินเสวียนเซ็นชื่อ

หอลงทัณฑ์มีภารกิจมากมาย

เพื่อประหยัดกำลังคน, ภารกิจที่ไม่ยากมากนักมักก็จะมอบหมายให้ศิษย์สายนอกรับหน้าที่แทน

สิ่ง​นี้​จึงถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้หลินเสวียนไปในตัว!

“ตกลง!”

หลินเสวียนไม่ลังเล เเละเซ็นชื่อลงบนเอกสาร

“ตามข้ามา!”

คนของหอลงทัณฑ์รับเอกสารมา…จากนั้นก็พาหลินเสวียนไปที่ด้านหลังหอลงทัณฑ์

ทันใดนั้น, หลินเสวียนก็เห็นอินทรี​ปีกสีเขียวหลายตัวกำลังเกาะอยู่ตามรังหิน!

“วู้ว!”

คนของหอลงทัณฑ์หยิบขลุ่ยออกมาเป่าเบาๆ

เสียงขลุ่ยที่แหลมคมดังก้องไปทั่วความมืดมิด!

เเละทันใดนั้น, อินทรี​ปีกสีเขียวตัวหนึ่งก็ลืมตาขึ้น!

“หลินเสวียน!”

“อินทรี​ปีกสีเขียวทุกตัวจะทำตามเสียงขลุ่ย”

“ข้าจะสอนวิธีควบคุมอินทรี​ปีกสีเขียวให้กับเจ้า เดี๋ยวเจ้าลองทำความคุ้นเคยกับมันก่อน…จากนั้นเจ้าก็สามารถขี่มันออกไปได้เลย”

“ภารกิจที่เจ้ารับหน้าที่แทน, อยู่ใกล้ๆกับเมืองเทียนเป่ย”

“องครักษ์สิบสามจะพาเจ้าไปทำภารกิจ, และจะได้คะแนน​สะสม​มาด้วย!” คนของหอลงทัณฑ์อธิบาย

“ตกลง!” หลินเสวียนพยักหน้า

จากนั้น, คนของหอลงทัณฑ์ก็สอนวิธีควบคุมอินทรี​ปีกสีเขียวให้กับหลินเสวียนทั้งหมด

เพียงไม่นาน หลินเสวียนก็สามารถควบคุมอินทรี​ปีกสีเขียวให้บินวนอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสมบู​รณ์!

“ขอบคุณมาก!”

“ฮู้ว!”

หลังจากกล่าวขอบคุณคนฝึกแล้ว…

หลินเสวียนก็ควบคุมอินทรี​ปีกสีเขียว พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

……

ฮู่ๆๆๆ!

ณ​ ขณะนี้…หลินเสวียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังอินทรี​ปีกสีเขียว,​ เเละมันมี​เสียงลมหวีดหวิวอยู่ข้างหูตลอดเวลา​!

[นี่คือแสงไฟจากบ้านเรือนนับพันหลังสินะ?]​

เสียงของวิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นดังขึ้น

“คลื่นน้อย (ชื่อเล่นของวิชาทะยาน​เหนือ​คลื่น)!”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากดูภูเขา, ดูแม่น้ำหรอก​เหรอ?”

“ระหว่างทางนี้ เจ้าก็ดูให้เต็มที่ไปเลย!”

หลินเสวียนกล่าวขณะ​ที่มองลงไปข้างล่าง!

ค่ำคืนนี้มืดมิด

เมื่อมองลงไปจากท้องฟ้า เมืองของมนุษย์ธรรมดาเบื้องล่างจะมีแสงไฟส่องประกายระยิบระยับ…เเละเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้คน

[มันดีจริงๆ!]​

[แต่เสียดายที่ฟ้ามืดเกินไป, ไม่งั้นก็คงจะเห็นอะไรๆได้มากกว่านี้]​

วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

…..

[วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของทิวทัศน์ยามค่ำคืน…ทำให้จิตใจของเขาสงบลง!]

[วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นได้รับความรู้ใหม่…กำลังพัฒนาขอบเขต​ใหม่!]

วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นได้รับประโยชน์อย่างรวดเร็ว!

ส่วนหลินเสวียนก็หยิบศิลา​วิญญาณ​ออกมาหนึ่งก้อน, กินโอสถ​หลอม​ลมปราณ​หนึ่งเม็ด…จากนั้นก็เริ่มฝึกฝนควบคู่​ไปด้วย

หลังจาก​นั้น​เวลาก็ผ่านเลยไป

เมื่อฟ้าเริ่มสาง!

หลินเสวียนก็ได้ดูดซับพลังของโอสถ​และศิลา​วิญญาณ​จนหมดสิ้น

เเน่นอนว่าพลังในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

อินทรี​ปีกสีเขียวยังคงบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ

เมื่อหลินเสวียนมองออกไปไกลๆ เขาก็ได้เห็นแม่น้ำสายใหญ่กำลังไหลเชี่ยวกราก, และดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า

แสงอาทิตย์เริ่มขับไล่ความมืด, แสงอรุณเริ่มสาดส่องลงบนผืนดิน

[เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น, สวรรค์และโลกก็ส่องเเสงสว่างเจิดจ้าแห่งรุ่งอรุณ]​

[เป็นทิวทัศน์ดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือแม่น้ำที่งดงามอะไรเช่นนี้!]​

ในขณะเดียวกัน, วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

[วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือแม่น้ำ, เข้าใจขอบเขต​ใหม่: ไล่ล่าดวงอาทิตย์!]

[วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่น เลื่อนขั้นเป็นระดับสีเหลืองขั้นสูง!]

วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นพัฒนา​ขึ้นอีกครั้ง…เเละมันทำให้หลินเสวียนอดประหลาดใจไม่ได้

วิชานี้ช่างคู่ควรกับความอิสระ​เสรี​เสียจริงๆ

มันสามารถ​เลื่อนระดับขึ้นมาได้อย่างอิสระระหว่างท่องเที่ยวชมภูเขาเล่นน้ำ!

[เจ้ามันแปลกประหลาดจริงๆ]​

ดาบคลั่งสังหาร​วิญญาณ​กล่าวอย่างเย็นชา

[คนในโลกชอบหัวเราะ​เยาะเเละหาข้าว่าบ้า, เเต่ข้าต่างหากที่จะหัวเราะเยาะพวกเขาที่มองไม่ทะลุอะไรเลย!]​

วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นกล่าวอย่างไม่สนใจ

มันยังคงชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาและแม่น้ำ…พร้อมกับทำความเข้าใจขอบเขต​ไล่ล่าดวงอาทิตย์ อย่างละเอียดต่อไป

[น่าสนใจดีนี่!]​

วิชาหมัดสวรรค์​ห้าสายฟ้าก็พูดขึ้น

ดูเหมือนว่ามันจะสนใจวิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นเป็นอย่างมาก

“ลี๊!”

เเต่ทันใดนั้น​เอง, อินทรี​ปีกสีเขียวที่หลินเสวียนขี่อยู่ก็ส่งเสียงร้อง…จากนั้นมันก็หยุดอยู่กลางอากาศ

ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขา​จะถึงจุดหมายแล้ว

……

หลินเสวียนควบคุมอินทรี​ปีกสีเขียวให้ร่อนลงมา!

เมื่ออยู่ที่ระดับความสูงพอสมควร หลินเสวียนก็กระโดดลงมา

ปลายเท้าของหลินเสวียนแตะเบาๆก็เกิดระลอกคลื่นราวกับมีไอน้ำพยุงให้เขาลอยลงมาอย่างช้าๆ

“วู้ว!”

หลินเสวียนเป่าขลุ่ยอีกครั้ง, อินทรี​ปีกสีเขียวก็บินขึ้นไปบินวนอยู่บนท้องฟ้า!

“ข้ามาถึงแล้ว!”

หลินเสวียนส่งข้อความไปหาองครักษ์สิบสาม

“ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหุบเขาหลัวหวง!”

องครักษ์สิบสามตอบกลับอย่างรวดเร็ว…จากนั้นก็ส่งแผนที่ตามมาอีกฉบับ

เเค่ที่เรียกว่าแผนที่จริงๆแล้วเป็นแค่เส้นง่ายๆสองสามเส้น

แต่นั่นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินเสวียน

หลินเสวียนไม่ลังเล, เขารีบใช้วิชาทะยาน​เหนือ​คลื่นเพื่อพุ่งไปยังตำแหน่งที่องครักษ์สิบสามบอกทันที​

……

ณ​ หุบเขาหลัวหวง!

นี่คือหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองเทียนเป่ย

มันได้ชื่อนี้มาจากหินก้อนใหญ่ในภูเขา…ที่ดูเหมือนนกฟีนิกซ์ที่กำลังร่วงหล่นลงมา

ลำธารในหุบเขานี้ไหลเชี่ยวเเถมมี ภูมิประเทศก็ซับซ้อน

มันจึงเหมาะกับการดำรงชีวิตของอสูร​โลหิตทองคำเป็นอย่างมาก

“หลินเสวียน, ที่นี่!”

หลินเสวียนเดินตามแผนที่ขององครักษ์สิบสามไปเรื่อยๆ, ไม่นานก็ได้ยินเสียงขององครักษ์สิบสามที่จงใจลดระดับเสียงลง

เมื่อหลินเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง, เขาก็เห็นองครักษ์สิบสามกำลังโบกมืออยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่

หลินเสวียนพยักหน้า, หลังจากก้าวเท้าเบาๆเขาก็มาถึงหน้าองครักษ์สิบสาม

“อสูร​โลหิตทองคำอยู่ไหน?” หลินเสวียนถามอย่างใจร้อน

“ดูตรงโน้นสิ!”

องครักษ์สิบสามพาหลินเสวียนอ้อมไปหลังก้อนหิน, แล้วมองลงไปที่หุบเขาด้านล่าง

ภายในหุบเขา!

มีถ้ำอยู่!

เเละตอนนี้มันมีแสงสีทองส่องประกายออกมาจากปากถ้ำ

ด้วยสายตาของหลินเสวียน แน่นอนว่าเขามองเห็นหัวอสูร​อันน่าเกลียดน่ากลัวที่มีดวงตาสีทองเข้มปรากฏอยู่ที่ปากถ้ำ!

ดูจากหัวอสูร​แล้ว, อสูร​โลหิตทองคำน่าจะมีขนาดใหญ่ประมาณสามเมตร

ตามบันทึกของคัมภีร์​เตาหลอมโลหิต…อสูร​โลหิตทองคำมีรูปร่างคล้ายวัว, แต่ไม่มีเขา

ทั้งตัวมีสีทองและมีเกราะเเน่นหนา

อสูร​โลหิตทองคำที่โตเต็มวัยจะมีพลังอยู่ในขอบเขต​หลอมรวมลมปราณ​ขั้นที่เก้า

แต่การป้องกันของมันจะแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ

ผู้ฝึกตนขอบเขต​หลอมรวมลมปราณ​ขั้นที่เก้าธรรมดาๆ…ยากที่จะฆ่ามันได้

อีกอย่าง, อสูร​โลหิตทองคำเป็นสัตว์ขี้ขลาดมาก

เมื่อมันสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต…มันจะปล่อยหมอกสีทองออกมา

เเละหมอกสีทองนี้มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง, นั่นก็คือจะเปลี่ยนทุกสิ่งรอบๆให้กลายเป็นทองคำ!

ถ้าผู้ฝึกตนขอบเขต​หลอมรวมลมปราณ​ขั้นที่เก้าโดนหมอกสีทองปกคลุมโดยไม่ระวัง…ก็จะกลายเป็นรูปปั้นสีทองและจะกลับมาเป็นปกติได้ก็ต่อเมื่อพลังของหมอกสีทองหายไป

ถ้าในระหว่าง​นั้นเกิดโดนใครเก็บไปหลอมละก็คงได้สนุกกันแน่

ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากไปไล่ล่าอสูร​โลหิตทองคำหรอก

……

[นายท่าน!]​

[นี่คืออสูร​โลหิตทองคำที่โตเต็มวัยเเล้ว!]​

[โลหิตของมันต้องมีประโยชน์​มากแน่ๆ!]​

คัมภีร์​เตาหลอมโลหิตกล่าวอย่างคาดหวัง

……

“หลินเสวียน, ตอนนี้มีเรื่องยุ่งยากแล้ว!”

อยู่ๆองครักษ์สิบสามก็ขมวดคิ้ว

“ท่านหมายความว่ายังไง?” หลินเสวียนถามอย่างสงสัย

“เดิมที ด้วยความแข็งแกร่งของข้า”

“การฆ่าอสูร​โลหิตทองคำจะใช้เวลาแค่พริบตาเดียว, เเละมันไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบสนอง​”

“จากนั้นพวกเราก็เก็บโลหิตของมันมาปรุงยาได้เลย!”

“แต่ตอนนี้, มันมีคนอื่นกำลังจับตามองอสูร​โลหิตทองคำตัวนี้อยู่เหมือนกัน!”

“เเละพวกเราเผชิญก็หน้ากันมาทั้งคืนแล้ว”

“ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็กลัวว่าจะไปรบกวนอสูร​โลหิตทองคำ….ป่านนี้คงได้ลงไม้ลงมือกันไปแล้ว”

องครักษ์สิบสามกล่าวอย่างขมขื่น

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเสวียนก็รีบกลั้นหายใจแล้วตรวจสอบ!

ทันใดนั้น, เขารู้สึกถึงรัศมีสามสาย

ในนั้นมีสองสายที่อ่อนแอ, น่าจะเป็นขอบเขต​หลอมรวมลมปราณ​

ส่วนอีกรัศมีหนึ่งนั้นแข็งแกร่งมาก

หลินเสวียนไม่สามารถประเมินระดับลมปราณ​ได้!

แต่ในเมื่อองครักษ์สิบสามยังหวาดกลัว, นั่นคงเป็นผู้ฝึกตนขอบเขต​ก่อกำเนิด​เเก่น​เเท้​​เป็นแน่

“พูดคุย​ต่อรองกันไม่ได้เหรอ?” หลินเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย​

“ถ้าเป็นคนจากสำนักอื่นก็คงพอคุยกันได้!”

“อย่างน้อย, พวกเขาก็ยังให้เกียรติหน้าตาของสำนักเทียนเซียว”

“น่าเสียดายที่ทั้งสามคนนั้นเป็นคนของสำนักเสินโหยว!”

องครักษ์สิบสามกล่าวอย่างขมขื่น

“สำนักเสินโหยว?”

“หนึ่งในสามสำนักใหญ่แห่งมณฑลก่วางหลิง, สำนักเสินโหยวงั้นเหรอ​?”

หลินเสวียนพึมพำ​ด้วยสีหน้าจริงจัง

……………………..

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด