ตอนที่แล้วบทที่ 51  เมื่อภัยมา  ต่างคนต่างหนี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 ไพ่ตายของซูซิน

บทที่ 52 ทางเลือก


บทที่ 52 ทางเลือก

เมืองฉางหนิง ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่ อย่างน้อยก็เคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าโจวมาก่อน

แต่ถ้าจะบอกว่าใหญ่ มันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าขี่ม้า ก็สามารถวิ่งจากตะวันออกไปตะวันตกได้ภายในหนึ่งชั่วยาม

เรื่องที่ซูซินฆ่าเมิ่งฉง แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสามพรรคสี่สมาคมของเมืองฉางหนิงภายในครึ่งชั่วยาม

ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือ ไอ้หนุ่มพรรคเหยี่ยวเหินคนนี้ มันเล่นใหญ่เกินไปแล้ว!

ความแข็งแกร่งของสมาคมสามวีรบุรุษนั้น ทุกคนต่างก็ประจักษ์ ถ้าไม่ใช่เพราะกองกำลังอื่นๆ ในเมืองฉางหนิงต้องการจำกัดการพัฒนาของสมาคมสามวีรบุรุษ จึงร่วมมือกันต่อต้าน ตอนนี้สมาคมสามวีรบุรุษคงกลายเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางหนิงไปแล้ว

แม้ว่าตอนนี้สมาคมสามวีรบุรุษจะไม่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าใครไปยุ่งกับพวกเขา สมาคมสามวีรบุรุษจะต้องทำให้เขารู้ซึ้งถึงอำนาจของกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางหนิงอย่างแน่นอน!

ในสายตาของทุกคน ตอนนี้ซูซินก็เหมือนกับคนตายไปแล้ว ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้หลังจากสังหารบุตรชายของหัวหน้าสมาคมสามวีรบุรุษ

ตอนนี้ สิ่งที่พวกเขากังวลเพียงอย่างเดียวคือ พรรคเหยี่ยวเหินจะเป็นอย่างไร สมาคมสามวีรบุรุษจะเล่นงานพรรคเหยี่ยวเหินเพราะเรื่องของซูซินหรือไม่?

พวกเขาไม่สนใจว่าพรรคเหยี่ยวเหินจะเป็นหรือตาย สิ่งที่พวกเขากังวลคือ จะจัดการกับดินแดนที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่พรรคเหยี่ยวเหินถูกทำลายอย่างไรมากกว่า

ดินแดนเหล่านี้จะตกไปอยู่ในมือของสมาคมสามวีรบุรุษไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้น ก็จะไม่มีใครสามารถควบคุมพวกเขาในเมืองฉางหนิงได้อีกต่อไป

ดังนั้น หลังจากได้รับข่าวสาร คนของสามพรรคสามสมาคมในเมืองฉางหนิงจึงเคลื่อนไหว ส่งคนไปที่เขตหย่งเล่อ

และในบรรดาสามพรรคสี่สมาคม พรรคเหยี่ยวเหินย่อมเป็นพรรคแรกที่ได้รับข่าวสาร

หลังจากได้ยินข่าวนี้ ซาเฟยอิงก็ปาแก้วชาในมือแตกด้วยความโกรธ พลางด่าทอออกมา

“ไอ้สารเลวนี่ มันต้องการทำอะไรกันแน่! มันต้องการทำลายพรรคเหยี่ยวเหินของเรางั้นเหรอ?”

หัวใจของซาเฟยอิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสมาคมสามวีรบุรุษ เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ

พรรคเหยี่ยวเหินก่อตั้งขึ้นก่อนสมาคมสามวีรบุรุษ

ในตอนนั้น พรรคเหยี่ยวเหินเป็นพรรคที่อ่อนแอที่สุดและอายุน้อยที่สุดในเมืองฉางหนิง

ดังนั้น เมื่อสมาคมสามวีรบุรุษเริ่มแข็งแกร่งขึ้น พรรคเหยี่ยวเหินจึงเป็นพรรคแรกที่เลือกที่จะปราบปราม

ตัวเองก็อ่อนแออยู่แล้ว ยังจะมีคนมาแย่งชิงอาหารอีก จะให้ข้าใช้ชีวิตอย่างไร?

ดังนั้น พรรคเหยี่ยวเหินจึงต่อสู้กับสมาคมสามวีรบุรุษที่กำลังแข็งแกร่งขึ้น ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด

ถ้าซาเฟยอิงไม่ยอมแพ้ ตอนนี้ก็คงไม่มีพรรคเหยี่ยวเหินอยู่ในสามพรรคสี่สมาคมของเมืองฉางหนิงแล้ว

ตงเฉิงอู่พูดด้วยสีหน้ามืดมนว่า “ข้าก็บอกแล้วว่าไอ้เด็กคนนี้มันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตอนนั้นน่าจะจัดการมันตามกฎของพรรคซะ ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”

พวกเขาล้วนเคยต่อสู้กับสมาคมสามวีรบุรุษมาก่อน พวกเขาย่อมรู้ดีว่าสมาคมสามวีรบุรุษน่ากลัวแค่ไหน

สามารถพูดได้ว่า ถ้าไม่มีกองกำลังอื่นๆ ร่วมมือกันต่อต้านสมาคมสามวีรบุรุษ แค่สมาคมสามวีรบุรุษส่งหัวหน้าห้องโถงมาคนเดียว ก็สามารถกวาดล้างพรรคเหยี่ยวเหินของพวกเขาได้อย่างราบคาบ

และในสถานการณ์ปัจจุบัน คนของพรรคเหยี่ยวเหินเป็นฝ่ายสังหารบุตรชายของเมิ่งฉางเหอก่อน แม้ว่าพรรคเหยี่ยวเหินจะถูกทำลายจริงๆ มันก็สมควรแล้ว พรรคอื่นๆ จะไม่พูดอะไรเพื่อพรรคเหยี่ยวเหินอย่างแน่นอน

“ตอนนี้พูดไปก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ควรคิดคือจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ต้องไม่ให้เรื่องของซูซินลุกลามมาถึงพวกเรา” ซาเฟยอิงพูดอย่างเย็นชา โบกมือ

ตอนนั้นที่เก็บซูซินไว้ เพราะต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือในการควบคุมตงเฉิงอู่และจวงหลี แต่ไม่คิดว่าในชั่วพริบตา ซูซินที่ดูฉลาดจะก่อเรื่องโง่เง่าแบบนี้ขึ้นมาได้

เมื่อเทียบกับการควบคุมตงเฉิงอู่และจวงหลีแล้ว ตอนนี้ซูซินกำลังทำลายพรรคเหยี่ยวเหิน!

แววตาเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตงเฉิงอู่ “ยังจะต้องคิดอะไรอีก? พวกเรารีบไปจับตัวซูซิน ส่งมันให้สมาคมสามวีรบุรุษ แสดงท่าทีอ่อนน้อมต่อพวกเขาหน่อย พวกเขาก็จะได้ทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี

แม้ว่าสมาคมสามวีรบุรุษจะแข็งแกร่ง แต่การทำสงครามระหว่างพรรคก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาก็จะไม่เล่นงานพวกเราอย่างแน่นอน”

หลินฝูหูพูดอย่างลังเล “ยังไงซะ เขาก็เป็นหัวหน้ากลุ่มเล็กของพรรคเหยี่ยวเหินของพวกเรา ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น พวกเราไม่สนใจก็แล้วไป ยังจะจับตัวเขาไปส่งให้สมาคมสามวีรบุรุษอีก แบบนี้มันจะดูแย่เกินไปหรือเปล่า? พรรคอื่นๆ จะมองพวกเราอย่างไร?”

ตงเฉิงอู่เหลือบมองหลินฝูหูด้วยความดูถูก ไม่แม้แต่จะตอบเขา

ในเวลานี้ ยังจะมาสนใจว่ามันจะดูแย่เกินไปหรือไม่เนี้ยนะ? ยังจะมาสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร? เอาตัวรอดจากวิกฤตตรงหน้าไปก่อนเถอะ!

จวงหลีที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอด พยักหน้าแล้วพูดว่า “ทำได้ แต่พวกเราต้องรีบลงมือ ถ้าซูซินหนีไปได้ พวกเราก็จะต้องรับมือกับความโกรธของสมาคมสามวีรบุรุษ”

เมื่อได้ยินคำเตือนของจวงหลี ซาเฟยอิงและคนอื่นๆ ก็เพิ่งรู้ตัว รีบพาคนไปที่เขตหย่งเล่อเพื่อตามหาซูซิน

เมื่อซาเฟยอิงและคนอื่นๆ รีบไปถึงเขตหย่งเล่อ พวกเขากลับพบว่าซูซินไม่ได้หนีไปไหน กลับยืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู

“หัวหน้าพรรคและหัวหน้าห้องโถงทั้งสาม มีธุระอะไรถึงมาที่นี่? ทำไมไม่บอกล่วงหน้า จะได้ให้พี่น้องมาต้อนรับ” ซูซินพูดด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของตงเฉิงอู่เย็นชา ก้าวออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซูซิน ไม่ต้องมาเสแสร้งแล้ว เจ้าฆ่าเมิ่งฉง ก่อความผิดมหันต์ ตอนนี้ยอมมอบตัวซะ ยังพอทรมานน้อยหน่อย!”

สีหน้าของซูซินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ถามกลับไปว่า “หัวหน้าห้องโถงตง ทำไมข้าฟังคำพูดของท่านไม่รู้เรื่องเลย? ข้าฆ่าเมิ่งฉงแล้วมันผิดตรงไหน?

ข้าเป็นคนของพรรคเหยี่ยวเหิน ส่วนเมิ่งฉงเป็นบุคคลสำคัญของกองกำลังอื่น ข้าฆ่ามันก็น่าจะเป็นเรื่องดีกับพรรคเหยี่ยวเหิน ทำไมถึงกลายเป็นความผิดมหันต์ไปได้?”

ตงเฉิงอู่พูดไม่ออกทันที

เขาก็พูดไม่ได้เต็มปากว่า เพราะพวกเรากลัวสมาคมสามวีรบุรุษ จึงต้องจับตัวเจ้าไปแลกกับการให้อภัยจากสมาคมสามวีรบุรุษ ใช่ไหม?

ที่นี่มีลูกน้องมากมายเฝ้าดูอยู่ แม้ว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้ มิฉะนั้น พวกเขาที่เป็นระดับสูงของพรรคเหยี่ยวเหินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“ยังกล้าแก้ตัวอีก!”

ตงเฉิงอู่คำรามอย่างเย็นชา ชักดาบวงเดือนที่อยู่ด้านหลังออกมา ฟันใส่ซูซินโดยตรง

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดไร้สาระกับซูซิน จับตัวมันมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

ซูซินหรี่ตาลง ครั้งที่แล้วที่ตงเฉิงอู่ลงมือกับเขา เขาทำได้เพียงหลบอย่างช่วยไม่ได้ ถูกกดดันจนสิ้นหวัง แต่ครั้งนี้ เขาจะไม่หลบอีกแล้ว!

เขาชักกระบี่ออกมา ปัดป้องดาบวงเดือนเอาไว้ ทำให้ตงเฉิงอู่ตกตะลึง

ดาบวงเดือนของเขาทั้งหนักทั้งทรงพลัง แต่ซูซินกลับปัดป้องอาวุธของเขาได้ด้วยกระบี่เล่มเล็กๆ นี่หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของซูซินไม่ด้อยไปกว่าเขาแล้ว!

“ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลาง! มันไปถึงขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลางแล้ว!”

หัวใจของตงเฉิงอู่เต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อไม่กี่วันก่อน ซูซินยังอยู่ที่ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้น ทำได้เพียงหลบการโจมตีของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลาง ที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียมแล้ว!

ดาบวงเดือนฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง กระบวนท่าของตงเฉิงอู่ราวกับพายุ รุนแรงไม่หยุดยั้ง

“ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลางแล้วอย่างไร? ข้าเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลางมาสิบกว่าปีแล้ว!”

ในการต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ ระดับขอบเขตไม่ได้เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง

วิชายุทธ์และประสบการณ์การต่อสู้ของตัวเองก็มีความสำคัญมากเช่นกัน และสิ่งเหล่านี้ ซูซินก็ไม่ได้ขาด

กระบวนท่าดาบของตงเฉิงอู่ราวกับพายุและคลื่นที่โหมกระหน่ำ ไม่หยุดยั้ง กระบวนท่าดาบแบบนี้ทั้งรุนแรงและดุเดือด ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง แต่ก็มีจุดอ่อนที่ชัดเจน นั่นคือ กลัวคนอื่นทำให้จังหวะของเขาผิดเพี้ยน!

ซูซินถอยหลังอย่างต่อเนื่องภายใต้การโจมตีของตงเฉิงอู่ แต่หลังจากผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่า เขาก็พบช่องโหว่

กระบี่แทงออกไป เจิตสังหารที่เย็นชาเล็งไปที่หน้าอกของตงเฉิงอู่ในทันที

ถ้ากระบี่เล่มนี้แทงออกไป กระบี่ของซูซินจะต้องแทงทะลุหน้าอกของเขาอย่างแน่นอน

ตงเฉิงอู่ไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับความเร็วของซูซิน เขารีบใช้มือปัดป้อง และป้องกันกระบี่เล่มนี้เอาไว้

ซูซินใช้กระบี่ในมือซ้ายแทงออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตงเฉิงอู่ถอยหลังไปทีละก้าว เขากลับก้าวไปข้างหน้าสองก้าวในพริบตา ยืนอยู่ตรงหน้าตงเฉิงอู่ แล้วชกออกไป!

หมัดที่ใช้คือหมัดสุดชัง หมัดสุดชังที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง!

ตงเฉิงอู่ไม่เคยเห็นวิชากำลังภายในที่ชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน เปลี่ยนความเกลียดชังให้เป็นพลัง ตราบใดที่ยังมีความเกลียดชังในใจ ก็จะกลายเป็นหมัดสุดชัง!

เขารีบยกดาบวงเดือนขึ้นมาบังด้านหน้า ด้านหนาของดาบกลายเป็นโล่ แต่กลับสั่นสะท้านจากหมัดเดียวของซูซิน

หมัดต่อหมัด มือของตงเฉิงอู่ชาไปหมด ใบหน้าแดงก่ำ หลังจากโดนไปเจ็ดหมัด ดาบวงเดือนก็หลุดมือไป

แววตาของซูซินเป็นประกาย กระบี่ในมือซ้ายแทงออกไป เมื่อแสงของกระบี่ผ่านเข้าไปในดวงตาของตงเฉิงอู่ กระบี่เล่มนี้ก็มาถึงคอของเขาแล้ว!

ในเวลาคับขัน ตงเฉิงอู่ไม่สามารถหลบได้ทัน จึงได้แต่ใช้มือจับใบมีดเอาไว้แน่น

ในระยะประชิดเช่นนี้ ด้วยพลังกระบี่ที่รวดเร็วของซูซิน สามารถเปลี่ยนทิศทางการแทงได้หลายทิศทาง การหลบย่อมไม่มีประโยชน์

แต่ตงเฉิงอู่ไม่ใช่หู่ซานเย่ที่ฝึกฝ่ามือทรายเหล็กมา และสามารถใช้ฝ่ามือเปล่าทุบหินให้แตกได้

ในชั่วพริบตา มือทั้งสองข้างของเขาก็ถูกใบมีดกรีดจนเป็นแผล เลือดไหลอาบท้วม และนี่เป็นเพียงการชะลอการโจมตีของซูซินชั่วคราวเท่านั้น

ในขณะนี้เอง มีดาบเมี้ยวสองคมเล่มหนึ่งฟันออกมา ปัดกระบี่ของซูซินออกไป ช่วยชีวิตตงเฉิงอู่เอาไว้ได้

จวงหลียืนอยู่ข้างๆ ตงเฉิงอู่ด้วยสีหน้ามืดมน ดาบเมี้ยวสองคมที่แคบยาวดูไม่เข้ากับรูปร่างที่เตี้ยล่ำของเขาอย่างมาก

ใบหน้าของตงเฉิงอู่แดงก่ำ แต่เมื่อกี้เป็นเพราะเลือดลมพุ่งพล่านจากการโดนหมัดสุดชังของซูซิน แต่ตอนนี้เป็นเพราะโกรธ

แพ้ต่อรุ่นเยาว์ต่อหน้าธารกำนัล เขา ตงเฉิงอู่ อับอายขายหน้าไปถึงไหนแล้ว!

“ฮ่าๆๆ พรรคเหยี่ยวเหินของพวกเจ้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ หัวหน้าห้องโถงคนหนึ่ง แพ้ให้กับเด็กที่เพิ่งผงาดขึ้นมาไม่ถึงปี แบบนี้พรรคขยะๆ แบบนี้ยังอยู่ที่เมืองฉางหนิงอีก ทำให้เมืองฉางหนิงของพวกเราเสียชื่อเสียงจริงๆ”

เสียงเยาะเย้ยที่ไม่ไว้หน้าดังขึ้น ตงเฉิงอู่หันกลับไปมองด้วยความโกรธ แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

หัวหน้าสมาคมทั้งสามของสมาคมสามวีรบุรุษพาลูกน้องกว่าร้อยคนมาที่นี่ คนที่พูดคือหนิงลั่วจวินที่ดูเหมือนคุณชายจากตระกูลขุนนาง

สีหน้าของซาเฟยอิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างมาก ลูกน้องกว่าร้อยคนที่สมาคมสามวีรบุรุษพามา ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดจุดชีพจรได้สามสิบหกจุด ก้าวเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้นแล้ว

คนเหล่านี้เกือบจะเป็นกำลังหลักของสมาคมสามวีรบุรุษแล้ว การจับกุมซูซิน แค่ส่งคนมาหนึ่งในสามก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ พวกเขากลับพาลูกศิษย์ระดับหัวกะทิทั้งหมดมาที่นี่ พวกเขาต้องการทำอะไร? อยากกวาดล้างพรรคเหยี่ยวเหินของข้าด้วยเลยงั้นเหรอ?

ตอนนี้ คนของกองกำลังอื่นๆ ก็มาถึงเกือบหมดแล้ว แต่พวกเขากลับแอบดูอยู่ห่างๆ ทำเป็นไม่สนใจ เหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

ยังไงซะ นี่ก็เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างสมาคมสามวีรบุรุษกับพรรคเหยี่ยวเหิน ตราบใดที่ดินแดนของพรรคเหยี่ยวเหินไม่ตกไปอยู่ในมือของสมาคมสามวีรบุรุษ พวกเขาก็จะไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน พวกเขากลับหวังว่าจะได้เห็นพรรคเหยี่ยวเหินใช้กำลังทั้งพรรค ทำให้สมาคมสามวีรบุรุษต้องจ่ายราคาบ้าง แบบนี้ถึงจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด