ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1259 ราชสำนักของจักรวรรดิต้าเซี่ย (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1259 ราชสำนักของจักรวรรดิต้าเซี่ย (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
เมฆล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า หลี่เฟิงหยวนยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด
หลังจากได้ยินข่าวของนาง เขารีบมาที่มณฑลยงโจวทันที แต่นี่คือภาพที่เขาเห็น
ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า เดิมทีมันเป็นฤดูที่พืชพรรณเจริญเติบโต แต่ตอนนี้มันมีเพียงพื้นดินที่รกร้างว่างเปล่า
ไม่มีนกบนท้องฟ้าหรือปลาในน้ำ แม้แต่ทะเลทรายของมณฑลซื่อโจวและดินแดนหิมะของมณฑลฉวงโจวก็ยังไม่เงียบเชียบเช่นนี้
ราชามนุษย์วิหคผู้หนึ่งกล่าว “ราชาของข้า ข้าได้ยินมาว่านางเปิดถ้ำปีศาจที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยงโจว ตอนนี้ภาคเหนือของมณฑลยงโจวเต็มไปด้วยปราณปีศาจ พื้นที่รัศมีหลายร้อยกิโลเมตรถูกปนเปื้อน แม้แต่เผ่าปีศาจก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้กับนาง แล้วท่านยังจะช่วยนางอีกงั้นหรือ?”
หลี่เฟิงหยวนมองท้องฟ้า “นางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าอีกต่อไป นางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใดอีกแล้ว เราจะกลับมณฑลอวิ๋นโจว! ไม่ เราจะไปที่ทะเลตะวันออกโดยตรงเพื่อหนีจากดินแดนแห่งปัญหานี้!”
ราชามนุษย์วิหคทั้งหมดกล่าวพร้อมกันว่า “ราชาฉลาดที่สุด!”
ทันใดนั้นหลี่เฟิงหยวนก็หันกลับไป เขาได้ยินเสียงระฆังลอยมา
ราชามนุษย์วิหคไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย พวกเขาถามด้วยความสงสัย “ราชา เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ไม่มี ไปกันเถอะ!”
เมฆลอยขึ้นและพุ่งไปทางทิศตะวันออกก่อนจะหายลับไปที่ขอบฟ้า
“เคร้ง...”
เสียงระฆังดังขึ้นขณะที่เสี่ยวอันลอยออกมาจากป่าและลงจอดอย่างนุ่มนวลในเมืองแห่งหนึ่ง นางเหยียบลงบนอาคารสูงที่สุดอย่างแผ่วเบาด้วยเท้าเปล่าก่อนจะทะยานขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ระฆังปลุกวิญญาณที่เอวของนางสั่วไหวและส่งเสียงดังในกระบวนการนี้
บนถนนที่พลุกพล่าน ภายในโรงเตี้ยม เสียงระฆังดังก้องไปทั่ว มันปลุกเร้าจิตวิญญาณและทำให้พวกเขากลายเป็นคบเพลิงมนุษย์ทันที ประกายไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทีละดวงตามหลังนางไป
นางดูเหมือนกำลังท่องเที่ยวไปในโลกกว้างอย่างไร้จุดหมายโดยมีเส้นแสงสีขาวนับไม่ถ้วนติดตามไปข้างหลัง นางเดินผ่านภูเขาสูงและเหวลึกทั้งกลางวันและกลางคืน
.....
มณฑลหลงโจว
ภูเขานับไม่ถ้วนเรียงรายเหมือนคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำ พวกมันรวมตัวอยู่รอบๆภูเขาสูงลูกหนึ่งที่เหมือนมังกรยักษ์กำลังเงยหน้าขึ้นจากมหาสมุทรและโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
นี่คือภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ภูเขาศีรษะมังกร!
มีข่าวลือว่าภูเขาลูกนี้เกิดจากซากศพของมังกรที่แท้จริง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อล้านปีก่อน ขณะที่เผ่ามังกรทิ้งโลกนี้ไปนานแล้ว ดังนั้นข่าวลือมากมายไม่สามารถพิสูจน์ได้อีกต่อไป
อาคารที่มีความสูงสามร้อยเมตรตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา พุ่งทะยานขึ้นเหนือทะเลเมฆ เหมือนเสาที่ค้ำยันท้องฟ้า ราวกับมันตั้งอยู่เหนือมณฑลทั้งเก้า
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง มันเรืองแสงหลากหลายสีสัน มันดูงดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยพื้นฐานแล้วสิ่งนี้ดูไม่เหมือนกับการสร้างสรรค์ของมนุษย์หรือเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อมนุษย์
นั่นคือความจริงบางส่วนเพราะมันคือสภาสูงที่เหล่าทวยเทพในยุคอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้น
เทพเจ้าของแต่ละเผ่าพันธุ์จะส่งตัวแทนมาที่นี่เพื่อร่วมประชุม สมาชิกสภาสูงจากทั้งเจ็ดเผ่าพันธุ์จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยนความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ หารือกลยุทธ์ต่อต้านเผ่าปีศาจ ตลอดจนปราบปรามการก่อกบฏของทาส
นอกจากมนุษย์พฤกษา รูปร่างและรูปปั้นของเหล่าทวยเทพลล้วนอยู่ในร่างมนุษย์ กล่าวกันว่าพวกเขาสร้างอาคารใหญ่โตขนาดนี้ภายใต้อิทธิพลของเผ่ามังกร
เพื่อเฉลิมฉลองให้กับการมาถึงของยุคใหม่และเสริมสร้างเกียรติยศให้กับเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ทุกเผ่าพันธุ์จึงอุทิศตนเพื่อสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
เดิมทีมันไม่ควรมีภูเขาที่สูงขนาดนี้อยู่บนโลกใบนี้ แต่เผ่ามนุษย์หินทำให้ภูเขาศีรษะมังกรมีความสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่เผ่ามนุษย์เงือกเปลี่ยนเส้นทางแม่น้ำหลายร้อยสายทำให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่งดงามตามธรรมชาติ
สถาปนิกที่ยิ่งใหญ่ของชนเผ่ารัตติกาลผสมผสานสถาปัตยกรรมของเผ่าต่างๆเข้าด้วยกันและออกแบบรูปลักษณ์ดั้งเดิมของอาคารหลังนี้
มนุษย์วิหคมีชื่อเสียงในเรื่องของความสว่างาม แต่พวกเขาคุ้นเคยกับการใช้เวลาอยู่บนก้อนเมฆ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้ลดตัวลงมาทำงานต่ำต้อยบางอย่างเช่นการขนส่งวัสดุจากดินแดนห่างไกลหรือแม้แต่มหาสมุทรเพื่อก่อสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
ในความเป็นจริงครั้งหนึ่งเผ่ามนุษย์วิหคเคยออกแบบบันไดเมฆที่พันรอบภูเขาศีรษะมังกรจนถึงยอดเขา แต่บันไดนั้นถูกทำลายโดยไฟสงครามในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับสวนลอยฟ้าที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยเผ่ามนุษย์พฤกษา
อย่างไรก็ตามก้อนหินที่หลอมขึ้นมาโดยเผ่ามนุษย์เพลิงและชิ้นส่วนโลหะที่สร้างขึ้นโดยเผ่ามนุษย์โลหะไม่สามารถทำลายได้โดยง่าย
นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เหล่าเทพเจ้าทุ่มเทความพยายามร่วมกันเพื่อสร้างบางสิ่งบางอย่าง หลังจากนั้นแม้เผ่าปีศาจจากพิภพปีศาจจะบุกเข้ามา มันก็ยังเต็มไปด้วยแผนการและความขัดแย้ง พวกเขากระทั่งหวังให้เผ่าพันธุ์อื่นถูกเผ่าปีศาจทำลายล้าง
ทาสคือแรงงานชั้นดีที่สุด โดยเฉพาะมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเผ่าปีศาจได้ทุกเมื่อ ในทางกลับกัน สัตว์ปีศาจสามารถใช้เป็นพาหนะ
แต่ในยุคนั้น มนุษย์มีนิกาย สำนัก และความเชื่อเป็นของตนเอง ผู้ฝึกตนจากรุ่นสู่รุ่นบุกเบิกเส้นทางโดยการพัฒนาวิธีการบ่มเพาะมาตลอดเพื่อลดช่องว่างระหว่างพวกเขากับเผ่าพันธุ์เทพเจ้าเหล่านั้น ผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน ฝ่ายสัตว์ปีศาจสามารถผลิตราชาปีศาจจำนวนมากเช่นกัน ปีศาจแต่ละตนมีความสามารถโดยกำเนิดและนิสัยที่ดื้อรั้น
ในที่สุดวันหนึ่งทั้งเทพเจ้าและเผ่าปีศาจต่างประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ ทาสได้รับอิสรภาพ และสัตว์พาหนะก็หลุดจากบังเหียน
เมื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินทางไปทั่วเก้ามณฑลพร้อมกับอินทรีย์และหมาป่า และปีนขึ้นภูเขาศีรษะมังกร เทพเจ้าเหล่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว ขณะที่หอประชุมของเหล่าทวยเทพกลายเป็นราชสำนักปกครองเก้ามณฑลต่อไป
ขณะนี้จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าเซี่ยประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรทอง รูปลักษณ์ภายใต้มงกุฎของเขาเต็มไปด้วยความสง่างามและทรงอำนาจ
ราชสำนักเต็มไปด้วยขุนนาง พวกเขายืนอยู่สองข้าง
ในห้องโถงที่กว้างใหญ่ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รูปร่างของมนุษย์จะดูไร้นัยสำคัญ แต่กลิ่นอายที่พวกเขาปลดปล่อยออกมากลับทำให้พวกเขาดูเหมือนยักษ์ และนั่นยังเป็นผลจากความตั้งใจที่จะยับยั้งกลิ่นอายของตนเอาไว้ มิเช่นนั้นกลิ่นอายของคนเพียงคนเดียวก็สามารถเติมเต็มห้องโถงทั้งหมดได้แล้ว
เสียงที่ดุดันดังขึ้นในห้องโถง “ดังที่ใต้เท้ามณฑลยงโจวรายงาน ศัตรูของพระพุทธเจ้าอาละวาดไปทั่วมณฑลยงโจว นอกจากเมืองหลวง เมืองต้าเหลียง และที่ซึ่งราชาต้นไทรบรรพกาลตั้งอยู่ นิกายอื่นๆถูกทำลายหมดแล้ว ผู้ฝึกตนจำนวนมากล่าถอยไปที่เมืองต้าเหลียง ปีศาจของมณฑลยงโจวได้รับการแจ้งเตือนจากราชาต้นไทรบรรพกาลและซ่อนตัวอยู่ใต้ดินรอบๆต้นไทรหรือหลบหนีออกจากมณฑลยงโจว”
เทพอินทรีย์หยุดก่อนจะสรุป “มณฑลยงโจวจบสิ้นแล้ว”
ห้องโถงเงียบสงัด อันตรายจากศัตรูของพระพุทธเจ้ารุนแรงมากจนทำให้ทุกคนประหลาดใจ
พวกเขาทั้งหมดมองไปยังตำแหน่งของสามมหาเสนาบดี ปรมาจารย์ตงไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป ขณะที่ใบหน้าของอีกสองคนมืดมนลง
เดิมที เมื่อยืนอยู่ในตำแหน่งของพวกเขา สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องพิจารณาคือการก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์และขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสูง ภัยคุกคามแห่งความตายไม่มีอยู่มานานแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
แม้แต่ปรมาจารย์ตงก็ยังตายอย่างไร้ความหมาย มันเป็นการตายแบบสังหารหมู่อย่างไม่เลือกหน้า ตายอย่างไร้คุณค่าเหมือนมนุษย์ธรรมดา เดิมทีสิ่งนี้คือการท้าทายจักรวรรดิต้าเซี่ยโดยตรง แต่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะไม่แยแสจักรวรรดิต้าเซี่ยแม้แต่น้อย
จักรพรรดิถาม “ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
“เราไม่สามารถระบุตำแหน่งของนางได้ นางอาจมาถึงมณฑลหลงโจวแล้ว”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในห้องโถง พวกเขาจะทำอย่างไรหากศัตรูของพระพุทธเจ้ามาเยือนมณฑลหลงโจว พวกเขาควรซ่อนตัวอยู่บนภูเขาศีรษะมังกรหรือไม่ แต่ทั้งนิกายและบ้านของพวกเขากระจัดกระจายอยู่ทั่วมณฑลหลงโจว สิ่งสำคัญคือหากพวกเขาล่าถอยหรือหลีกเลี่ยงนาง นั่นคงเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างยิ่ง