ความฝันแรก (14)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 23>
3. ความฝันแรก (14)
****
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
อารอนก็เพิ่มกิจวัตรประจำวันอีกอย่างหนึ่ง
นั่นคือการเขียนไดอารี่ก่อนนอน
จะเรียกว่าไดอารี่ก็ได้
หรือจะเรียกว่าจดหมายถึงตัวเองก็ได้
เขาก็ไม่แน่ใจนัก
มีทั้งกระดาษและปากกาอยู่มากมาย
อารอนจึงเริ่มเขียน
เขารู้อะไรบ้าง?
เริ่มตั้งแต่ความทรงจำที่เก่าแก่ที่สุด จนถึงความทรงจำก่อนถูกอัญเชิญ
'มีตั้งหลายเรื่องที่เขาไม่รู้'
ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งตระหนักได้
ว่าความทรงจำส่วนใหญ่ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอก
ความทรงจำเก่าๆ มักจะเป็นแบบนี้
มันจะชัดเจนเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าประทับใจเท่านั้น ส่วนรายละเอียดรอบข้างนั้นเลือนรางราวกับภาพลวงตา
เขามีความทรงจำดีๆ ตอนที่ไปเที่ยวกับน้องสาว
แต่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น?
น้องสาวเขาพูดอะไร? เธอมีสีหน้ายังไง?
รายละเอียดเหล่านั้นเลือนหายไปหมดแล้ว ราวกับผืนทรายหลังน้ำลด
เขาเขียนมันด้วยความสิ้นหวัง
ถ้าจำไม่ได้ เขาก็จะแต่งเรื่องขึ้นมา
เขาพยายามปะติดปะต่อเศษเสี้ยวความทรงจำที่กระจัดกระจาย
เขารู้ว่ามันคงใช้เวลาไม่นาน วันหรือสองวันคงไม่พอ
เขาเดาว่าการเดินทางครั้งนี้คงต้องใช้เวลาหลายปี
แต่ที่นี่ เวลามีอยู่เป็นอนันต์
เขาไม่จำเป็นต้องลังเล
ในตอนเช้าและตอนกลางวัน เขาฝึกฟันดาบไม่หยุดหย่อน เรียนรู้จากซาจิน พันผ้าพันแผลรอบมือที่เต็มไปด้วยหนังด้าน
ในตอนกลางคืนและตอนเช้ามืด เขาเขียนจดหมายและไดอารี่เพื่อที่จะรื้อฟื้นความทรงจำที่หายไป
บาดแผลบนมือที่ฉีกขาด
เลือดที่ไหลออกมามากมาย
เหงื่อที่ไหลออกมาจากความพยายามมากพอที่จะเติมถังน้ำได้หลายใบ
กระดาษที่ใช้แล้วกลายเป็นตั้งๆ กองเป็นภูเขา จนใส่ถังขยะใบใหญ่ไม่หมด
—————————————————————————————————————
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
วันหนึ่ง เด็กชายเอ่ยขึ้นว่า
"นี่"
"ครับ?"
"ระหว่างตัวนายที่อยู่ในทาวน์เนียกับตัวนายในตอนนี้ อันไหนคือตัวจริงกันแน่?"
"ทำไมถึงพูดแบบนั้นแหละครับ?"
"มันแปลกน่ะ" เด็กชายยิ้มเจ้าเล่ห์
"นายอยู่ในห้องพักนั้นประมาณหนึ่งปี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น?"
"คงงั้นมั้งครับ"
"แต่นายใช้เวลามากกว่านั้นเยอะเลยที่นี่ ถ้าอย่างนั้น ตัวจริงของนายก็ต้องอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? อารอนที่นั่นกลายเป็นของปลอมไปแล้ว"
อารอนมองเด็กชายด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงโกรธที่ถูกดูถูก
"จำได้ไหม? ตอนที่นายอยู่ที่นั่น นายคิดอะไรอยู่? เธอรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นั้น? ตอนนี้...นายยังรู้สึกถึงตัวตนในตอนนั้นได้อย่างชัดเจนไหม?"
อารอนไม่สามารถตอบได้
เด็กชายยิ้มอย่างสดใสและพูดว่า
"ถ้ามาอยู่ที่นี่ นายจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งมหัศจรรย์ มนุษย์ ความรู้สึก ทุกอย่างมันดูไร้ค่าไปหมด"
"..."
“ในอดีตมีคนมาที่นี่เยอะนะ”
เด็กชายมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอดีต
อดีตอันแสนไกล
"ทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยานอันแรงกล้า ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ความปรารถนาของฉันจะไม่มีวันดับ! ถึงจะต้องกลายเป็นเรื่องน่าอายในอดีตก็ตาม นายคงเข้าใจใช่ไหม?"
อารอนพยักหน้า ฃฃ
คนที่มาที่นี่ต้องมีความตั้งใจแน่วแน่แบบนั้น
เขาเองก็เช่นกัน
"แต่ทุกคนก็ได้รู้ ในช่วงเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความรู้สึกของมนุษย์ ความตั้งใจ มันไม่จีรังยั่งยืน"
เด็กชายพูดต่อ
ความหลงใหลที่เคยลุกโชนด้วยความฝัน
ความรักของคู่รักที่เคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ความปรารถนาที่จะอยู่กับครอบครัว
สุดท้ายแล้วมันก็จะจางหายไป
เหมือนเปลวไฟที่มอดไหม้
เหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน
"กาลเวลาที่ยาวนานไม่เหลืออะไรไว้ให้กับมนุษย์เลย"
อารอนตระหนักได้ว่าตอนนี้เด็กชายกำลังเตือนเขา
"แล้วคนที่ถูกกาลเวลากลืนกินจะเป็นยังไงครับ?"
"เขาจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เพราะเขาไม่รู้สึกอะไรเลย เขาจะกลายเป็นผี เป็นวิญญาณเร่ร่อน มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว"
เด็กชายหมุนหอกไปมา
นี่ไม่ใช่หอกไม้สำหรับฝึกซ้อมธรรมดา
เงาสีดำปรากฏขึ้นอย่างเป็นลางร้ายจากปลายหอกที่หมุนวน
หอกสีดำสนิทที่มีชื่อว่า ‘รูน’
อาวุธวิเศษที่นายท่านโลกิสร้างขึ้นเพื่อเด็กชาย
"หนึ่งในหน้าที่ของฉันคือการกำจัดวิญญาณเร่ร่อนพวกนั้น"
"..."
"คนที่ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แต่ก็ไม่สามารถถอยกลับได้ พวกเขาจะถูกขังอยู่ในกาลเวลาและกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน"
เด็กชายจ้องมองอารอน
ไม่มีพรสวรรค์จึงไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่ก็ไม่ยอมแพ้
ชัดเจนว่าเขากำลังพูดถึงใคร
"จำคำพูดของฉันไว้นะ"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เด็กชายกำลังเตือนอารอนถึงจุดจบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
'เขาจะฆ่าอารอนถ้าเกิดอารอนกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนงั้นเหรอ?'
การแสดงออกของอารอนแข็งทื่อ
ในเวลานั้นเอง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
เด็กชายระเบิดหัวเราะออกมา
หอกในมือของเขาหายไปแล้ว
เขายิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"กลัวเหรอ? กลัวฉันจะฆ่านาย? นายกลัวใช่ไหม? นายกลัวมากจนคิดว่าจะฆ่านายใช่ไหม?”
"...เปล่าครับ"
อารอนรู้สึกไม่พอใจจึงปิดปากเงียบ
"เฮ้ ฉันล้อเล่นน่า! ฉันจะฆ่านายจริงๆ ได้ยังไง?"
อารอนขมวดคิ้ว
"โอ๊ะ น้อยใจเหรอ? น้อยใจแล้ว! ดูสิ! นายกำลังน้อยใจ!"
"ผมไม่ได้น้อยใจ"
"คนที่น้อยใจก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ทำไมใจแคบจัง? คนเราต้องใจกว้างสิ! เหมือนฉันไง!"
"...เฮ้อ"
หรือว่าเขาจะกังวลไปเอง?
และแล้ว เวลาก็ผ่านไป 10 ปี