ตอนที่แล้วกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 278 ข้อมูลที่เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์มอบให้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 280 พวกเขาน่าจะเข้าไปกันหมดแล้ว!

กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 279 มหาจักรพรรดิผู้นี้จะไปแล้วกลับ!


กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 279 มหาจักรพรรดิผู้นี้จะไปแล้วกลับ!

ภายในโลกอินทนิลเร้นลับ เหนือขุนเขามากมาย

ตำหนักเซียนลอยอยู่บนท้องฟ้า เสียงดนตรีแห่งเซียนดังขึ้น

นางฟ้ามากมายกำลังร่ายรำ เสื้อผ้าสะบัดพลิ้วไหว พวกนางราวกับเทพธิดา เคลื่อนไหวอย่างงดงาม

รอบกายปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีขาว ราวกับตำหนักกว่างหาน

เบื้องหน้าตำหนัก พญาหงส์บินโฉบ แสงสว่างเจิดจ้าราวกับสายรุ้ง

นกวิเศษคาบเห็ดหลินจือมา บรรยากาศอันเป็นมงคลแผ่ออกไป ลิงวิเศษมอบผลท้อ กลิ่นหอมแผ่กระจาย สมุนไพรวิญญาณโบราณมากมาย ไหวเอนตามสายลม เมฆหมอกปกคลุม งดงามตระการตา

เบื้องหน้าดินแดนเซียน

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”

แสงสว่างมากมายพุ่งทะลวงผ่านฟ้า ผ่านภูเขา แม่น้ำ มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนั้น

รถศึกโบราณมากมายบดขยี้ห้วงมิติ ส่งเสียงดัง “ตู้ม ตู้ม” ราวกับเทพเซียนมากมายจุติ ปล่อยบรรยากาศอันน่ากลัว

ในระยะไกล ยังมีราชรถหยกขาวที่สง่างาม ขุนเขาโบราณอันยิ่งใหญ่ ตำหนักที่สว่างไสวราวกับทองคำเทพ ลอยอยู่บนท้องฟ้า ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก

พวกเขาทั้งหมดคือขุมอำนาจต่าง ๆ ที่เดินทางมาจากโลกอื่น

บนนั้นมีผู้แข็งแกร่งมากมายยืนอยู่ ปราณโลหิตแผ่กระจาย รังสีอำนาจอันยิ่งใหญ่น่ากลัวยิ่งนัก

ในระยะไกลยังมีผู้คนมากมาย เดินทางมา

บุคคลสำคัญเหล่านี้ ร่างกายสว่างไสว ปล่อยพลังเทวะอันยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้

แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ปกคลุม

พลังอำนาจที่น่ากลัว ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน หากพลังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ

แม้แต่การหายใจก็ยังเป็นเรื่องยากลำบาก

ดินแดนสืบทอดเซียนแท้ ปรากฏขึ้น ทำให้โลกทั้งสามสั่นสะเทือน

ขุมอำนาจต่าง ๆ ล้วนส่งผู้แข็งแกร่งมาที่นี่ ต้องการแย่งชิงโอกาส

“ค่ายกลทั้งหมดเบื้องหน้าดินแดนสืบทอดเซียนแท้ ถูกเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ทำลายไปแล้วหรือ”

เหนือเมฆา ชายชราคนหนึ่ง ร่างกายสว่างไสว ผมสีเงินสลวย แต่ละเส้นเปล่งประกาย รอบกายปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสุริยะแท้

เขายืนสองมือไพล่หลังมองตำหนักเซียนในระยะไกล กล่าวอย่างแผ่วเบา

พลังกึ่งจักรพรรดิแผ่กระจายออกไปราวกับดวงอาทิตย์ส่องสว่าง

“ข้อมูลข่าวสารที่ข้าซื้อมา มิได้มีวิธีการทำลายค่ายกล”

ข้างกายเขา ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมยาวสลวย ดวงตาเย็นชา เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ในมือถือง้าวยักษ์สีดำสนิท รอบกายปกคลุมไปด้วยแสงสีดำ พลังน่ากลัวยิ่งนัก

“โลกเซียนปฐพี โลกอินทนิลเร้นลับ โลกสวรรค์ก่อกำเนิด โลกทั้งสามแย่งชิงโอกาสเดียวกัน นี่คือมหาสงคราม เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูจากสองโลก ข้าหวังว่าเจ้าจะลืมเรื่องราวระหว่างเผ่าพันธุ์ของพวกเรา”

ชายชราสวมชุดคลุมสีทอง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ได้!”

ชายวัยกลางคน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าอย่างช้า ๆ

“ข้าไม่ปิดบังเจ้า เผ่าอีกาทองคำของพวกเรา ได้ซื้อโอกาสบรรลุระดับมหาจักรพรรดิจากหอคอยกลไกสวรรค์ เจ้าคงเป็นเช่นเดียวกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เป็นศัตรูกับข้า!”

ชายชราสวมชุดคลุมสีทอง ปล่อยพลังกึ่งจักรพรรดิแผ่ออกไป ปราณโลหิตของเขาราวกับมหาสมุทร ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์มากมาย

อ๋าวเสวียนและเมิ่งชิ่งจือบรรลุระดับมหาจักรพรรดิ

ทำให้ผู้นำเผ่าอีกาทองคำรู้สึกวิกฤติ

ก่อนหน้านี้ เขาเดินทางไปที่หอคอยกลไกสวรรค์เพื่อสอบถามว่าภายในดินแดนสืบทอดเซียนแท้ มีโอกาสบรรลุระดับมหาจักรพรรดิหรือไม่

คำตอบคือมี!

ตอนนี้ เบื้องหน้าดินแดนสืบทอดเซียนแท้ เขาได้พบกับกึ่งจักรพรรดิของตระกูลจักรพรรดิเย่

ด้วยความฉลาดของเขา คงสามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายซื้อข้อมูลข่าวสารอะไรมา

ภายในดินแดนสืบทอดเซียนแท้ แน่นอนว่าต้องมีวิธีการบรรลุระดับมหาจักรพรรดิ แต่คงมีไม่มาก

เพียงพอให้สองหรือสามคนบรรลุระดับมหาจักรพรรดิก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว

เขาเป็นกังวลว่าโอกาสของเขา จะตรงกับโอกาสของเย่ฉง

แม้ในใจจะมีความกังวล แต่เขาก็ไม่มีทางโง่เขลา นำข้อมูลข่าวสารที่เขาซื้อมา เปรียบเทียบกับเย่ฉง

เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา!

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เย่ฉงตอบอย่างเย็นชา

เขายังพูดไม่จบ บนท้องฟ้าก็มีเสียง “ตู้ม ตู้ม” ดังขึ้น

ฟ้าดินสั่นสะเทือน

ในระยะไกลปรากฏขุนเขาสีดำขึ้นมา สูงเสียดฟ้า ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีดำ ปล่อยบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก

บนขุนเขาสีดำ ต้นไม้โบราณมากมายตั้งตระหง่าน สัตว์ร้ายสีดำมากมาย เดินทางไปมา ทุกตนต่างปล่อยปราณชั่วร้าย

บนยอดเขา มีเงาร่างไร้ศีรษะคนหนึ่ง สวมชุดเกราะสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่ง มือข้างหนึ่งถือหอกยาวที่ชุ่มไปด้วยเลือด

เขาควบคุมขุนเขาพุ่งตรงไปยังตำหนักเซียนโดยไม่ลังเล

“เป็นคนของเผ่าผี!”

มีคนกล่าวด้วยความตกใจ

เผ่าผีในระดับหนึ่งแล้ว ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์อมตะ

เพราะเผ่าพันธุ์นี้ ไม่สามารถให้กำเนิดลูกหลานได้ จำเป็นต้องใช้การปลุกวิญญาณ สร้างเผ่าผีขึ้นมาใหม่

แต่ละตนล้วนมีเงื่อนไขที่เข้มงวด

จำเป็นต้องเกิดในสถานที่ที่มีปราณหยิน หรือสถานที่ที่มีปราณชั่วร้าย

เนื่องจากเงื่อนไขที่เข้มงวด

เผ่าผีแต่ละตนจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ยากที่จะสังหาร

ส่วนเผ่าผีที่ควบคุมขุนเขาสีดำผู้นี้ พลังของเขาอยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิ การที่เขามายังดินแดนสืบทอดเซียนแท้ ทุกคนต่างก็คาดเดาได้

เขาต้องการบรรลุระดับมหาจักรพรรดิ!

มองไปทั่วประวัติศาสตร์

เผ่าผียังไม่เคยปรากฏมหาจักรพรรดิ!

หลังจากเผ่าผีเข้าไปในตำหนักเซียน

ในวินาทีถัดมา พลังของมหาจักรพรรดิแผ่กระจายออกไป สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน

มหานทีสีเงินขาว ปรากฏขึ้นจากสุดขอบฟ้า เบื้องบนมีเงาร่างอันยิ่งใหญ่สองร่าง เดินเคียงข้างกัน

ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ไม่อาจมองเห็นใบหน้า

มหาจักรพรรดิทั้งสองราวกับเป็นตัวแทนของมรรคาสวรรค์

แสงสว่างมากมายสาดส่องลงมา ราวกับน้ำตกจากสรวงสวรรค์ สวยงามตระการตา

ตอนนั้นเอง ทุกสารทิศ เงียบสงัด

ผู้คนมากมายไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ คุกเข่าลง

ไม่ว่ามหาจักรพรรดิทั้งสองผู้นี้จะมาจากโลกใด

เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าสบตา พวกเขาทำได้เพียงคารวะ

นี่คือการให้เกียรติมหาจักรพรรดิ

“มหาจักรพรรดิก็มาถึงแล้วหรือ”

ผู้นำเผ่าอีกาทองคำยืนตัวตรง ราวกับหอกเล่มหนึ่ง ปักอยู่บนพื้นดิน แม้ว่าพลังของมหาจักรพรรดิจะกดทับลงมาราวกับภูเขา

แต่เขาก็ไม่ยอมก้มหัว

หากเขาก้มหัวจิตใจของเขาย่อมแตกสลาย

สำหรับเขาที่กำลังจะบรรลุระดับมหาจักรพรรดิ นี่คือเรื่องร้ายแรง อาจจะทำให้เขาไม่สามารถผ่านทัณฑ์มหาจักรพรรดิได้

เพราะว่าแม้เขาจะซื้อโอกาสบรรลุระดับมหาจักรพรรดิมาแล้ว

แต่ก็มิได้หมายความว่า เขาจะสามารถบรรลุระดับมหาจักรพรรดิได้อย่างแน่นอน

“เข้าไป!”

เย่ฉงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

เขามองเงาร่างของมหาจักรพรรดิทั้งสอง สีหน้าเคร่งขรึม ยกง้าวยักษ์ขึ้น เดินไปข้างหน้า หายไปในทันที ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอยู่เบื้องหน้าตำหนักเซียน

กึ่งจักรพรรดิหลายคน และมหาจักรพรรดิสองคนเปิดทาง

ทำให้ผู้คนมากมาย ตื่นเต้นอย่างยิ่ง แสงสว่างมากมายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ราวกับมหานทีแตกสลาย พุ่งตรงไปยังดินแดนสืบทอดเซียนแท้

เมื่อผู้คนมากมายเข้าไปแล้ว ณ ห้วงมิติแห่งหนึ่ง

อ๋าวเสวียนและเมิ่งชิ่งจือเดินออกมา พวกเขามองหน้ากัน ในดวงตาปรากฏรอยยิ้ม

ฟางหานที่พวกเขานำมา ถูกส่งเข้าไปในดินแดนสืบทอดเซียนแท้ก่อนแล้ว

ตอนนี้ เหลือเพียงพวกเขาสองคน ทำให้พวกเขามีเวลา

“สหายเต๋าเมิ่ง เจ้าจงวางค่ายกลที่นี่ รอข้ากลับมา พวกเราจะร่วมมือกัน สังหารศัตรูทั้งหมด!”

อ๋าวเสวียนกล่าวอย่างมั่นใจ

“รอเจ้ากลับมา?”

เมิ่งชิ่งจือมีสีหน้าแปลกประหลาด

เขานึกถึงข้อมูลข่าวสารในแผ่นหยกแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

โบกมือ กล่าวว่า “รอเจ้ากลับมาค่อยว่ากัน”

“มหาจักรพรรดิผู้นี้จะไปแล้วกลับ!”

อ๋าวเสวียนพยักหน้า หันหลังกลับ

พุ่งเข้าไปในตำหนักเซียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด