ตอนที่แล้วบทที่ 49 การชักชวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51  เมื่อภัยมา  ต่างคนต่างหนี

บทที่ 50 เจ้ากำลังบีบข้าให้สังหารเจ้า


บทที่ 50 เจ้ากำลังบีบข้าให้สังหารเจ้า

แม้ว่าจะถูกเมิ่งฉงตบหน้า แต่เขาก็ไม่กล้าบ่นแม้แต่คำเดียว

เขาไม่ใช่พวกมือใหม่ใจร้อนที่ไม่รู้อะไรแบบนี้ ในเมื่ออยู่ในพรรคเหยี่ยวเหินมานานขนาดนี้ เขาย่อมรู้ว่าใครควรยุ่ง หรือใครไม่ควรยุ่ง

ความแข็งแกร่งของสมาคมสามวีรบุรุษนั้น ทุกคนเห็นตรงกัน แม้แต่ซูซินในตอนนี้ก็ไม่กล้ายุ่ง แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงซาเฟยอิง!

“เฒ่าหวง เกิดอะไรขึ้น?” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก

หวงปิ่งเฉิงแอบลอบร้องแย่แล้วในใจ พอหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นหลี่ฮ่วยที่กำลังลาดตระเวนกลับมา

เขาย่อมรู้จักนิสัยของหลี่ฮ่วยดี เขาไม่เคยให้เกียรติใคร แม้แต่หู่ซานเย่ในอดีต เขาก็ไม่เคยสนใจ มีเพียงซูซินเท่านั้นที่ทำให้เขายอมสยบ

คนผู้นี้ ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!

เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของหวงปิ่งเฉิง ดวงตาของหลี่ฮ่วยก็ฉายแววสังหารออกมาทันที

เขามีนิสัยเย็นชา ในพรรคเหยี่ยวเหินทั้งหมด เขาก็สนใจแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือหัวหน้าซูซิน ส่วนอีกคนก็คือหวงปิ่งเฉิงที่สนิทสนมกับเขามากที่สุด

ในใจของเขา เขาถือว่าหวงปิ่งเฉิงเป็นพี่น้องของเขาไปแล้ว

หลี่ฮ่วยหันไปมองเมิ่งฉงและคนอื่นๆ

ไม่ต้องถาม เขาก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของคนนอกพวกนี้แน่

คนที่มากับเมิ่งฉง ไม่ได้มีหน้าที่แค่มาชักชวนเท่านั้น พวกเขายังมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของเมิ่งฉงด้วย

หลี่ฮ่วยฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาย่อมแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ตอนนี้เผยออกมา ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

แน่นอนว่าเมิ่งฉงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารนี้ แต่เขากลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับหัวเราะเสียงดัง

“ดี! ดีมาก! พรรคเหยี่ยวเหินพวกเจ้าช่างกล้าจริงๆ ไม่เพียงแต่กล้าขวางข้า แล้วยังคิดจะลงมือกับข้าอีก ถ้าวันนี้พวกเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่นิดเดียว เชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะฆ่าลูกน้องของซูซินให้หมด แม้แต่ซาเฟยอิงก็ไม่กล้าผายลมใส่!”

“ดี งั้นเจ้าก็ลองฆ่าดูสิ!” ประตูทางเข้าถูกเปิดออก ซูซินเดินออกมาจากข้างใน

เมื่อเห็นซูซินเดินออกมา คนที่มากับเมิ่งฉงก็เผยสีหน้าระแวดระวังออกมาทันที

พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้น แต่พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากซูซิน แต่กลับไม่สามารถมองทะลุความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้

จริงๆ แล้ว ซูซินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่สามารถออกมาได้

เพราะเขากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของการบุกทะลวงขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลาง ถ้าหยุดลงกลางคัน ไม่เพียงแต่จะสูญเสียพลังทั้งหมด แล้วยังอาจได้รับบาดเจ็บจากปราณแก่นแท้ย้อนกลับได้

ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงตั้งสมาธิอย่างเงียบๆ เพื่อเปิดจุดชีพจรทั้งเจ็ดสิบสองจุด ทำให้จุดชีพจรของเขาดำเนินไปตามจำนวนเจ็ดสิบสองของปราณหยินในที่สุด เขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการบุกทะลวงขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นกลาง

แต่พึ่งจะออกมา เขาก็ได้ยินคำพูดที่บ้าบิ่นของเมิ่งฉง

แน่นอนว่าเขารู้เรื่องของสมาคมสามวีรบุรุษ แต่ต่อให้สมาคมสามวีรบุรุษจะให้ราคาสูงแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษอย่างแน่นอน

เขายังมีภารกิจของระบบอยู่ ถ้าเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษ เขาก็จะถูกลงโทษเพราะภารกิจล้มเหลว นี่มันไม่คุ้มกันเลย

ถ้าพูดดีๆ ซูซินก็คงไม่ไป แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่เมิ่งฉงยังมาตบหน้าหวงปิ่งเฉิงอีก

เมิ่งฉงมองซูซินด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “หัวหน้ากลุ่มเล็กซูช่างทำตัวใหญ่โตจริงๆ ข้าเชิญตั้งนานสองนานถึงจะออกมา”

“ข้าก็ไม่ได้เชิญเจ้ามา ถ้าเจ้าทนไม่ไหว งั้นก็เชิญกลับไปได้เลย” ซูซินพูดอย่างไม่แยแส

เมิ่งฉงโกรธจนหัวเราะออกมา “ได้ยินมาว่าเจ้า ซูซิน เป็นคนหยิ่งยโส วันนี้ข้าถือว่าได้เห็นกับตาแล้ว แต่ข้าไม่ได้มาทะเลาะกับเจ้าหรอกนะ สมาคมสามวีรบุรุษของข้าต้องการตัวเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษ ข้าจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”

ลูกน้องของสมาคมสามวีรบุรุษที่มากับเมิ่งฉง ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ก่อนหน้านี้ หัวหน้าสมาคมได้กำชับพวกเขาเป็นอย่างดี บอกให้พวกเขาดึงตัวซูซินมาให้ได้

แต่ไม่คิดว่าซูซินจะไม่ยอมออกมา แถมเมิ่งฉงก็ยังใจร้อน ทั้งสองคนจึงมีปากเสียงกันตั้งแต่แรกพบ

โชคดีที่บุตรชายหัวหน้าสมาคมยังคงรู้จักหนักเบา วางเรื่องบาดหมางไว้ก่อน รอให้เรื่องใหญ่สำเร็จก่อนค่อยว่ากัน

แต่คำพูดต่อมาของเมิ่งฉง ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในเหวลึก

จู่ๆ เมิ่งฉงก็พูดขึ้นว่า “แต่ลูกน้องสองคนของเจ้านี่ ทำให้ข้าไม่พอใจจริงๆ คนที่ไม่มีมารยาทแบบนี้ สมาคมสามวีรบุรุษของข้าไม่ต้องการ

ให้พวกมันคุกเข่าคำนับ แล้วตบหน้าตัวเองสิบที ข้าจะให้พวกมันเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษพร้อมกับเจ้า”

ลูกน้องของซูซินต่างก็โกรธจนตาแดง ส่วนลูกน้องของสมาคมสามวีรบุรุษก็รู้สึกใจหาย

เมิ่งฉงกำลังจะทำลายซูซิน!

ในฐานะหัวหน้า ถ้าไม่สามารถปกป้องลูกน้องของตัวเองได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุด เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าที่สุด

ดังนั้น ตอนที่ลอบสังหารไต้ชง ถ้าซูซินยอมแพ้ เลือกที่จะอดทน เขาก็คงไม่ได้รับความเคารพจากคนเหล่านี้ และตอนนี้ก็เช่นกัน

ตอนนี้ ถ้าซูซินยอมให้หวงปิ่งเฉิงและหลี่ฮ่วยคุกเข่าคำนับ แล้วตบหน้าตัวเองสิบทีเพื่อที่จะเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษ ชื่อเสียงของซูซินก็จะเสียหายอย่างสิ้นเชิง คาดว่าลูกน้องของเขาคงไม่มีใครยอมไปสมาคมสามวีรบุรุษกับเขาเกินสองส่วนแน่!

หัวหน้าที่ยอมขายลูกน้องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ใครจะอยากติดตาม?

“ถ้าข้าไม่ยอมเข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษล่ะ?” ซูซินพูดอย่างไม่แยแส

“ไม่เข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษ?” ดวงตาของเมิ่งฉงฉายแววสังหารออกมา “ในเมื่อเจ้าไม่เข้าร่วมสมาคมสามวีรบุรุษ ก็แปลว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน กล้าดียังไงถึงไม่เคารพข้า งั้นข้าจะฆ่าคนในเขตหย่งเล่อของเจ้าให้หมด!”

ซูซินถอนหายใจ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

เขาดูคนไม่ผิด เมิ่งฉงไม่ใช่คนใจกว้างอย่างแน่นอน อีกฝ่ายพูดว่าจะฆ่าคนของเขา ซูซินไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องตลก

อีกฝ่ายไม่เพียงแต่คิดแบบนั้น แล้วยังมีฝีมือทำแบบนั้นได้จริงๆ

แม้ว่าวันนี้เขาจะปล่อยอีกฝ่ายไป เขตหย่งเล่อของเขาก็คงวุ่นวายไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาปล่อยอีกฝ่ายไปจริงๆ และอดทนกับเรื่องนี้ ชื่อเสียงที่เขาสร้างมาอย่างยากลำบากในพรรคเหยี่ยวเหินก็จะหายไปมากกว่าครึ่ง

หัวหน้าที่ขี้ขลาดตาขาว ใครจะอยากติดตาม?

“นายน้อยเมิ่ง เจ้ากำลังบีบข้าสินะ? เจ้ากำลังบีบข้าให้สังหารเจ้า!”

ซูซินถอนหายใจ ทำให้ลูกน้องของสมาคมสามวีรบุรุษต่างก็หวาดกลัว รีบเข้าไปขวางหน้าเมิ่งฉง

แต่เมิ่งฉงกลับผลักพวกเขาออกไป หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าอยากสังหารข้า? วันนี้ข้ายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ลองดูสิว่าเจ้ามีปัญญาสังหารข้าหรือเปล่า!?”

ซูซินส่ายหน้า “หัวหน้าสมาคมทั้งสามของสมาคมสามวีรบุรุษสร้างฐานะขึ้นมาจากศูนย์ ข้า ซูซิน นับถือพวกเขามาก แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้รับเชื้อปัญญาของพวกเขามาแม้แต่หนึ่งส่วน

ตอนนี้สมาคมสามวีรบุรุษเป็นพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองฉางหนิง ทำไมถึงไม่รีบไปยึดครองกองกำลังอื่นๆ? เพราะตราบใดที่สมาคมสามวีรบุรุษกล้าพูดว่าอยากเป็นใหญ่ในเมืองฉางหนิง กองกำลังอื่นๆ ก็จะละทิ้งความบาดหมางทั้งหมด แล้วร่วมมือกันทันที

สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า แม้แต่กระต่ายที่จนตรอกก็ยังสู้คน แม้ว่าคำเปรียบเปรยนี้จะไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่มันก็เป็นแบบนี้แหละ เวลาทำอะไรก็ควรเว้นทางถอยไว้บ้าง อย่าทำร้ายคนจนตรอก เจ้าจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

ตอนนี้เจ้าถึงกับพูดว่าจะสังหาราคนในเขตหย่งเล่อของข้าให้หมด ในเมื่อข้าต้องตายอยู่แล้ว ทำไมข้าถึงไม่กล้าสังหารเจ้า? สังหรเจ้าตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังมีคนตายไปพร้อมกับข้า!”

น้ำเสียงของซูซินเบามาก ไม่ได้แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาแม้แต่น้อย แต่ลูกน้องของสมาคมสามวีรบุรุษกลับหวาดกลัวอย่างมาก พวกเขารีบเข้าไปขวางหน้าเมิ่งฉง ชายคนหนึ่งตะโกนว่า “นายน้อย รีบไปเร็วเข้า!”

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ซูซินก็ขยับตัวแล้ว

ฝ่ามืออาฆาตแค้น! แค้นลึกล้ำดั่งห้วงสมุทร!

ความแค้นขีดสุด ต้องล้างแค้นด้วยโลหิต!

ลูกน้องของสมาคมสามวีรบุรุษคนหนึ่งอยากจะเข้าไปขวาง แต่ฝ่ามือนี้กลับทำลายเส้นชีพจรของเขาโดยตรง!

ฝ่ามืออาฆาตแค้น คนตาย แค้นหายสิ้น!

เมิ่งฉงพาคนมาด้วยทั้งหมดห้าคน พวกเขาทั้งห้าคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้น ถ้าอยู่ในพรรคเหยี่ยวเหินหรือพรรคไผ่เขียว พวกเขาก็สามารถเป็นหัวหน้ากลุ่มเล็กได้แล้ว แต่ตอนนี้ กลับถูกซูซินฆ่าตายด้วยฝ่ามือเดียว!

ซูซินก้าวไปข้างหน้า ยืนอยู่ตรงหน้าเมิ่งฉงแล้ว

แม้ว่าเมิ่งฉงจะมีฝีมือระดับขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้น แต่ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาน้อยเกินไป

ตอนที่อยู่ในสมาคมสามวีรบุรุษ แม้ว่าเขาจะเคยมีส่วนร่วมในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของสมาคม แต่เขากลับไม่เคยได้สัมผัสกับการต่อสู้จริงๆ ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับซูซินที่จู่โจมอย่างรวดเร็ว เขากลับลืมแม้กระทั่งการชักกระบี่ออกมาตอบโต้

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะลืม คนอื่นๆ กลับไม่ลืม

ลูกน้องคนหนึ่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว ชักดาบที่เอวออกมาฟันใส่ซูซินทันที

ดาบของเขาเป็นดาบของทางการ เถี่ยอู๋ฉิงและมือปราบคนอื่นๆ ต่างก็พกดาบแบบนี้ แม้ว่าจะเล็กและเบา แต่กลับคมมาก และสามารถชักดาบออกมาได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเร็ว ทว่าซูซินกลับเร็วกว่า

ชักกระบี่ออกมาด้วยมือซ้าย แต่ซูซินกลับจับด้ามกระบี่ ยื่นด้ามกระบี่ออกไปปะทะกับดาบเล่มนั้น ทำให้ดาบเล่มนั้นเบี่ยงเบนทิศทาง เฉียดไหล่ของซูซินไป

ในขณะเดียวกัน ซูซินก็ก้าวไปด้านข้างแล้วชกหมัดออกไปด้วยมือขวา!

หมัดสุดชัง!

โกรธ! แค้น! ชิงชัง! แค้นสวรรค์! ชังฟ้าดิน!

หน้าอกของลูกน้องคนนั้นยุบลง ร่างกายลอยกระเด็นออกไป

“เคร้ง!”

กระบี่ที่เย็นเยียบถูกชักออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ด้ามกระบี่ แต่เป็นปลายกระบี่ที่แทงเข้าที่คอของเมิ่งฉง!

ตอนนี้ เมิ่งฉงได้แต่ท่องประโยคหนึ่งในใจซ้ำๆ นั่นก็คือ “เขาจะฆ่าข้า! เขากล้าฆ่าข้าจริงๆ เหรอ? เขากล้าฆ่าข้าจริงๆ!”

ในช่วงเวลาคับขัน ศักยภาพของเมิ่งฉงก็เหมือนจะถูกกระตุ้นออกมา เขาก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว หลบกระบี่เล่มนี้ไปได้ แต่พึ่งจะเอื้อมมือไปหยิบกระบี่ที่เอว เขาก็พบว่ามือของเขาคว้าได้แต่อากาศ

ครั้งนี้เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องลงมือ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พกอาวุธมาด้วย!

เขาอยากจะขอความช่วยเหลือจากลูกน้องอีกสามคนที่เหลือ แต่เมื่อเห็นว่าซูซินฆ่าคนไปแล้วสองคนด้วยหมัดเดียว พวกเขาก็หวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น

สมาคมสามวีรบุรุษปฏิบัติต่อพวกเขาไม่เลว แต่พวกเขาก็ไม่ยอมตายเพื่อเมิ่งฉงหรอกนะ

ปลายกระบี่ที่เย็นเยียบเฉียดผ่านคอของเมิ่งฉง เขาเบี่ยงตัวหลบโดยไม่รู้ตัว แต่กลับรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ปลายกระบี่ของซูซินแทงเข้าที่หน้าอกของเขาแล้ว!

เมิ่งฉงล้มลงด้วยความไม่เต็มใจ ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

ในใจของหวงปิ่งเฉิง นอกจากจะซาบซึ้งที่ซูซินยอมลงมือฆ่าเมิ่งฉงเพื่อเขาแล้ว เขายังรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย

สำหรับเมืองฉางหนิงแล้ว สมาคมสามวีรบุรุษก็เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์!

เทียบกับเรื่องครั้งนี้แล้ว การที่ซูซินฆ่าโหวทงในตอนนั้น ก็เหมือนกับการตบแมลงวันตัวหนึ่งตาย แค่รังเกียจนิดหน่อย ไม่มีผลกระทบอะไรเลย

แต่ครั้งนี้ กลับอาจถึงตายได้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด