บทที่ 28
ต้นไม้ท่อนนี้ความยาวประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบเซน ถ้าตอนนั้นเขาเผลอซื้อรถตู้ไป มันจะสามารถยัดเข้าไปได้สักกี่ท่อนกันเชียว? ต้องเป็นรถกระบะสิ! บรรทุกได้เยอะและยังสะดวกกว่า
"รถกระบะนี่มันดีจริงๆ "
ซ่งซานเฉินนำท่อนไม้ที่เพาะเชื้อเห็ดแล้วใส่เข้าไปในท้ายรถกระบะ ในที่สุดก็เชื่อสายตาการตัดสินใจของซ่งถาน
เฉียวเฉียวมองดูท่อนไม้เต็มคันรถด้วยความคาดหวัง แล้วมองไปที่ลานบ้านของปู่ที่โล่งเตียน ใบหน้าเนียนใสเปื้อนไปด้วยเหงื่อ
"ขนเสร็จหรือยัง เฉียวเฉียวพักได้ตอนไหนง่า…เหนื่อยจังเลย"
"เหนื่อยอะไร! "
ซ่งซานเฉินมองเขาด้วยความไม่เห็นด้วย "แรงงานก็คือกรรมกรดีๆ ใช้เสร็จก็ต้องวนกลับมาทำใหม่! ตอนที่พ่ออายุเท่าแก เกี่ยวข้าว ปักดำทั้งวันไม่เคยได้เงยหน้าเลย! "
อู่หลานสงสารลูกชาย จึงจ้องสามีด้วยสายตาไม่พอใจ "นั่นเพราะแกต้องลำบากมาตั้งแต่เด็ก แต่ลูกชายฉันไม่เคยลำบากแบบนั้น! " แล้วหันไปมองเฉียวเฉียวที่น้ำตาคลอเบ้า
"อย่าไปสนใจพ่อเขา ดูพี่สาวหนูสิ ถ้าไม่มีเฉียวเฉียวช่วย พี่สาวต้องลำบากมากแน่ๆ เฉียวเฉียวของเรากินข้าวทีละสามชาม อย่าให้เสียเปล่า ต้องใช้แรงงานให้หมดร่างกายจะได้แข็งแรงรู้ไหม"
"เฉียวเฉียวนึกดู แต่ก่อนหนูไม่เคยได้กินเยอะเท่านี้เพราะอะไร นั่นเพราะหนูไม่เคยต้องทำงานหนักไงลูก แต่เดี๋ยวนี้กินเยอะขึ้น ก็ต้องทำงานหนักขึ้นสิครับ"
เฉียวเฉียวอ้าปากค้าง แต่คิดไม่ออกว่าจะโต้แย้งอย่างไร สุดท้ายก็ไม่ยอมกินข้าวแค่สองชาม จึงขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับด้วยความน้อยใจ ตอนนี้เขาสามารถขึ้นรถและคาดเข็มขัดนิรภัยเองได้แล้ว
"พี่สาว งานของเฉียวเฉียวเสร็จหรือยัง"
ซ่งถานลูบหัวเขา มือเปียกเหงื่อจนชุ่ม แล้วพูดปลอบน้องชาย "อีกนิดนึงนะ เดี๋ยวถึงบนเขาแล้วก็เหลือจัดท่อนไม้พวกนี้ให้เรียบร้อย เฉียวเฉียวทำได้ใช่ไหม"
ท่อนไม้ที่เพาะเชื้อเห็ดแล้ว ทยอยถูกคนในครอบครัวนำขึ้นไปบนหุบเขา ท่อนแล้วท่อนเล่า ตั้งไขว้กันเป็นรูปตัว V คว่ำ งานนี้ไม่หนักแต่ท่อนไม้มีจำนวนเยอะ จึงต้องขนไปมาหลายรอบ สุดท้ายจึงเหนื่อยอยู่ดี
แต่ซ่งถานในตอนนี้แรงเธอเยอะมากนี่นา ถึงแม้ลำต้นหนึ่งจะยาวถึงหนึ่งเมตรยี่สิบเซน แต่เธอกลับสามารถอุ้มได้ทีครั้งละเจ็ดถึงแปดลำนู่น อีกทั้งยังเดินเหินรวดเร็วราวกับเหาะบนอากาศได้ จนในที่สุดเฉียวเฉียวจึงกลายเป็นมีหน้าที่แค่ค้ำลำต้นไว้เท่านั้น เขาเป็นคนซื่อๆ ก่อนหน้านี้อู่หลานก็เอาแต่กลัวว่าลูกชายจะได้รับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงทำงานอะไรไม่ค่อยทะมัดทะแมง
ซ่งถานเร่งรีบอยากทำงานให้เสร็จไวๆ เนื่องจากปกติเธอต้องรีบกลับบ้านมากินผักป่าในมื้อกลางวัน และออมแรงไว้บำเพ็ญเพียรในเวลากลางคืนเสมอ เพราะนั่นจะทำให้คนในครอบครัวกินดีนอนหลับสบายทุกวัน สามารถกินข้าวได้ทีสามชามต่อมื้อ แรงงานอิ่มหนำสำราญขนาดนี้หากไม่ได้ใช้บ้างก็คงจะเสียดายแย่ จึงต้องใช้งานให้คุ้มค่าเสียหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะเรียกใช้ทุกคนแบบทรหดไม่กลัวร่างกายทรุดขนาดนั้นนะ เพียงแต่ค่อยๆ ลองเพิ่มภาระทีละนิด
เฉียวเฉียวเมื่อได้โอกาสก็เชิดอกอย่างภาคภูมิใจอวดคนในครอบครัว "เฉียวเฉียวทำได้! เฉียวเฉียวเก่งกว่าพ่อ! "
ซ่งซานเฉินและอู่หลานที่เพิ่งขึ้นนั่งท้ายรถกระบะมองเขาแวบหนึ่ง แล้วคิดในใจ ‘เจ้าเด็กโง่ ตัวเองยังทำงานได้ไม่เท่าพี่สาวเลย! ‘
โม้เก่ง!
ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันจนถึงเที่ยงวัน จึงสามารถค้ำต้นไม้เหล่านี้ได้สำเร็จ ต้นไม้ที่เพิ่งค้ำเสร็จเวลานี้จึงดูสวยงามเป็นพิเศษ แต่ซ่งซานเฉินกลับกังวลใจแล้ว "แบบนี้ไม่ได้นะ เชื้อเห็ดที่เพิ่งหยอดไปจะตากแดดแบบนี้ไม่ได้"
"ถานถาน ต้องเอาฟางมาคลุมไว้ด้านบนเชื้อเห็ดเหล่านี้เพื่อรักษาอุณหภูมิไว้ ไม่เช่นนั้นอุณหภูมิจะต่างกันมากเกินไป ความชื้นมันจะระเหยเร็วเกินลูก เดี๋ยวเห็ดหูหนูมันจะไม่งอกเอา เราต้องซื้อตาข่ายกันแดดมาคลุมไว้บนฟางอีกทบหนึ่งด้วย เพื่อระบายอากาศและรักษาความชื้น..."
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็อดกังวลใจไม่ได้ "ผู้เชี่ยวชาญที่หนูเคยปรึกษาไปก่อนหน้านี้ล่ะ เขาบอกเรื่องอื่นๆ อีกไหมที่เราควรระวัง เราเพิ่งทำกันเป็นครั้งแรกในพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ พ่อรู้สึกกังวลใจนิดหน่อย"
ครอบครัวของพวกเขาก็เคยปลูกเชื้อเห็ดเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาแล้ว แต่ตอนนั้นแค่เอาลำต้นวางไว้ในลานบ้านก็เพียงพอ แต่ลำต้นเต็มเนินเขาแบบนี้ คำนวณแล้วต้นหนึ่งก็ต้องใช้เงินสี่สิบหยวน ถึงแม้ว่าต้นไม้จะเป็นของตัวเองจึงช่วยประหยัดเงิน ไม่ต้องไปกว้านเสียเงินซื้อมาทำ แต่รวมแล้วตั้งแต่การเก็บกวาดเนินเขาไปจนถึงการซื้อตาข่าย ก็ต้องทุ่มเงินไปแล้วหลายหมื่นหยวน
ตอนนี้ซ่งซานเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งหมดกำลังใจ
ยังดีที่อู่หลานมีความคิดฉับไว เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถานถาน หนูกลับมาอยู่ที่นี่ได้ครึ่งเดือนกว่าแล้ว บ่ายนี้เราไปบ้านยายกันเถอะ"
"บ้านยายเหรอคะ? "
"ในหมู่บ้านเราไม่มีใครปลูกข้าวแล้ว แต่ที่ของยายหนูยังมีทั้งข้าวและข้าวสาลี ไปขอแกขนฟางแห้งกลับมาคลุมเห็ดพวกนี้สักนิดดีไหม"
"และตอนนี้อากาศมันก็อุ่นขึ้นแล้ว หมูตัวเล็กๆ หนูควรเอามาเริ่มเลี้ยงได้แล้วด้วย คอกหมูก็จำเป็นต้องมีฟางเตรียมไว้ให้เยอะๆ เหมือนกัน" ตอนกลางคืนจะได้อบอุ่นไม่หนาวสั่นเกินไป พอฟางสกปรกก็โยนลงไปในบ่อขี้หมูเลย แถมยังหมักเป็นปุ๋ยได้อีก คอกหมูก็จะได้สะอาดสดชื่น ฟางเหล่านี้มีประโยชน์มากกว่าที่ใครคาดคิด แม้หญ้าป่าอื่นจริงๆ ก็อาจใช้ได้ แต่ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าฟางแห้งแบบนี้หรอก
ได้เลย…
ช่วงนี้ซ่งถานตั้งใจกะจะไปเยี่ยมยายอยู่แล้ว พอเห็นแม่พูดแบบนี้ก็เลยเสริมว่า "แม่ งั้นเรากลับไปกินอะไรง่ายๆ ก่อนเถอะ แล้วหนูกับเฉียวเฉียวจะไปเก็บผักป่ามาเยอะๆ เอาไปฝากให้ยายกับตาชิมด้วย"
"หืม…จะเอาผักป่าไปเหรอ? "
ถึงจะปลูกเอง แต่พอคิดถึงสามสิบหยวนต่อกิโลกรัมแล้ว อู่หลานก็อดเสียดายไม่ได้ แต่ก็ช่างมัน สุดท้ายกลับยังชี้แนะว่า "ยายกับตาอายุมากแล้ว ชอบกินของนิ่มๆ ลองเก็บหัวผักกาดมาเยอะๆ น่าจะดี แล้วเราค่อยไปตลาดซื้อเนื้อมาเพิ่มอีกสักหน่อย เผื่อเอาไปห่อเกี๊ยวที่บ้านนู้นตอนบ่าย"
"กินแค่ให้พอสดชื่นนะลูก ไม่ต้องขุดเอาไปเยอะ เออนี่..เอาไปแบ่งให้ลุงหนูด้วยนะ"
พอคิดถึงพี่เขยก็อดนึกถึงพี่สาวคนเล็กไม่ได้ "ป้าหนูก็น่าจะทำธุรกิจในเมืองยุ่งๆ อยู่ช่วงนี้ วันหลังถ้าขายผักเสร็จก็เอาไปฝากเธอให้หน่อยแล้วกัน" พูดจบก็จัดแจงให้คนในบ้านเสร็จสรรพ
ซ่งซานเฉินคิดๆ ดูก็ลังเล "แล้ว..กับป้าใหญ่ของถานถานล่ะ? "
อู่หลานเหลือบมองเขา "ฉันจะบอกว่าไม่ให้ได้เหรอตาเฒ่า! "
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย แค่แจกๆ ไปก็หมดเงินหลายพันแล้ว เลยได้แต่มองลูกสาวตาปริบๆ "แม่เริ่มเห็นผักป่าบ้านอื่นก็ขึ้นบ้างแล้ว ไม่งั้นบ่ายนี้สู้เราไปลองขุดมากินดูดีมั้ย ถ้ารสชาติมันดีแบบนี้ทั้งปี เราแทบไม่ต้องกลัวขายไม่ได้เลยนะเนี่ย"
จะปลูกอะไรอีกทำไม แค่ผักป่าอย่างเดียวก็ได้เกินทุนแล้วด้วยซ้ำ
ซ่งถานอึ้ง
เธอเพิ่งฟื้นพลังจิตวิญญาณของผักป่าได้เพียงไม่กี่วันเองนะ มันจะโตทันอร่อยเหรอ…พลังลมปราณเธอก็มีจำนวนจำกัดเหมือนกัน แต่ถ้าแม่เธออยากลองก็ปล่อยไปเถอะ อย่างไรก็ตาม การปลูกพืชก็เป็นเรื่องต้องค่อยๆ ศึกษาอยู่แล้ว
"แม่ไปสำรวจบ้างก็ดีนะคะ ผักป่าพวกนี้เราเองก็เก็บเกือบทุกวันจนน่าจะแทบไม่ค่อยเหลือแล้ว พรุ่งนี้หนูจะเว้นขายผักป่าไปก่อน"
ปล่อยผักป่าส่วนใหญ่ให้ได้ฟื้นฟูตัวเองบ้างก็ดี ไม่จำเป็นต้องขายบ่อยขนาดนั้น
นอกจากนี้ ดอกของต้นถั่วสีม่วงในทุ่งก็ยังอ่อนอยู่ กำลังจะออกดอกตูม หากช่วงนี้สามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณของมันได้แม้เพียงเล็กน้อย ยืดระยะเวลาการเจริญเติบโตเพื่อให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นได้ นี่ก็จะเป็นช่วงที่มันอร่อยที่สุด
ไม่ว่าจะนำไปทำเป็นสลัดหรือผัดผักก็จะอร่อยมาก ที่สำคัญเธอยังปลูกไว้อีกตั้งหลายแปลง จึงสามารถเพียงพอต่อการขายได้อีกสักระยะเลย รวมถึงวิดีโอของเธอก็ด้วย ก่อนหน้านี้เธอได้รวบรวมรูปภาพและคลิปพืชผักต่างๆ ไว้มากมายแล้ว แต่ก็ยังแอบคิดว่า ยังไม่มากพอที่จะสามารถดึงดูดคนดูเข้ามาได้ จึงตั้งใจจะเก็บสะสมรอไปเรื่อยๆ ก่อน
โอ๊ย…ถ้าสถานที่นี้ดังได้ง่ายๆ เธอก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องยอดวิวทางออนไลน์ขนาดนี้หรอก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของป้าๆ พวกนั้นแหละ! แต่ละคนก็หวงผักป่ากันเองทั้งนั้น ต่างไม่ยอมเปิดเผยแหล่งซื้อผักป่าของเธอแก่คนอื่นเลย ทำให้ขายผักมาครึ่งค่อนเดือนแล้ว แต่สมาชิกในกลุ่มยังมีแค่ยี่สิบแปดคน
นี่เป็นผักที่ปลูกด้วยพลังลมปราณเชียวนะ!
เซียนถานถานฉุนเฉียวอย่างมาก