ตอนที่แล้วบทที่ 227 ค่ำคืนนี้เจ้าไปเที่ยวที่ใดมา เหตุใดจึงอ่อนล้านัก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 229 อ๋องแห่งเหอเป่ยเหนือในที่สุดก็ขึ้นสู่อำนาจ

บทที่ 228 ลูกแกะส่งถึงประตู จะไม่รับได้อย่างไร?


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 228 ลูกแกะส่งถึงประตู จะไม่รับได้อย่างไร?

หลินเป่ยฟานประหลาดใจอย่างยิ่ง! นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในราชสำนัก ขุนนางระดับสูงคนแรกที่เขาขัดแย้งคือ เกาเทียนเหยา เสนาบดีกรมขุนนาง ทั้งสองถือได้ว่าเป็นศัตรูทางหลวงนคร ไม่เคยคิดติดต่อกันแม้นจะเสียชีวิต

ไม่คาดคิดเลยว่า วันหนึ่ง เกาเทียนเหยาจะมาหาเขา!

“ต้าหลี่ ไปบอกเขาให้รอสักครู่ และเตรียมน้ำชาหนึ่งถ้วยด้วย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” หลินเป่ยฟานสั่งคนรับใช้ของเขา

“ขอรับ นายท่าน!”

ครู่ต่อมา หลินเป่ยฟานก็เห็นเกาเทียนเหยาในห้องโถงใหญ่ เขาทักทายเขาด้วยมือประสานและรอยยิ้ม “ท่านเกา แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้เอง! ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาเยี่ยมข้า! ฮ่าฮ่า!”

“อะแฮ่ม…” ใบหน้าของเกาเทียนเหยาค่อนข้างผิดธรรมชาติ เขาฝืนยิ้มผ่านริ้วรอยบนใบหน้าและพูดว่า “ท่านหลิน ข้าไม่มีอะไรสำคัญจะทำ แค่อยากคุยส่วนตัวกับท่าน นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้านำมา โปรดยอมรับด้วย”

หลินเป่ยฟานมองไปรอบๆ และพบว่าเกาเทียนเหยานำของขวัญมาไม่น้อย มีตัวอักษรประดิษฐ์และภาพวาด งานแกะสลักหยก ทั้งหมดล้วนสง่างามและมีค่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ในหมู่พวกมัน มีผลงานการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดโดยปรมาจารย์ ซึ่งมีราคา 6,000 ตำลึงในตลาดแล้ว

มูลค่าของสิ่งอื่นๆ ก็มีมากเช่นกัน

อาจกล่าวได้ว่าเกาเทียนเหยาใส่ใจกับของขวัญเหล่านี้มาก

“เนื่องจากเป็นของขวัญจากท่านเกา ในฐานะข้าหลวง ข้ายินดีรับไว้! ต้าหลี่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของดี ย้ายไปที่ห้องหนังสือของข้าโดยตรง!” หลินเป่ยฟานพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับ นายท่าน!” ต้าหลี่พร้อมด้วยเสี่ยวกุ้ย ย้ายของไปด้านหลัง

เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยฟานรับของขวัญโดยไม่แสดงความไม่พอใจ เกาเทียนเหยาก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้น เสี่ยวกุ้ยก็เสิร์ฟน้ำชาแล้วจึงคัดกรองบริเวณโดยรอบ เหลือเพียงหลินเป่ยฟานและเกาเทียนเหยา

“ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ท่านเกา เชิญพูดอย่างเปิดอก ข้าตั้งใจฟัง!” หลินเป่ยฟานกล่าว

“อะแฮ่ม ท่านหลิน ข้าขอพูดตรงประเด็นเลย ครั้งนี้ข้ามาในนามของตระกูลเกาแห่งทางเหนือ” เกาเทียนเหยากล่าวอย่างจริงจัง แต่สีหน้าของเขายังคงดูผิดธรรมชาติอยู่บ้าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “พวกเราตระกูลเกา หวังว่าจะได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายปูนกาว ข้าหวังว่าท่านจะช่วยเหลือพวกเราในเรื่องนี้”

หลินเป่ยฟานหัวเราะคิกคักอยู่ในใจ ตอนนี้ถึงตาเจ้ามาขอร้องข้าแล้วสินะ!

ตระกูลเกาในทางเหนือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สืบทอดกันมาหลายพันปี ตระกูลนี้ไม่ธรรมดาและมีบัณฑิตที่โดดเด่นมากมายที่ได้เป็นข้าหลวงในทุกราชวงศ์ ความร่ำรวยของพวกเขานั้นน่าเกรงขาม ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ประมาณหนึ่งในสามของข้าหลวงในราชสำนักมาจากตระกูลของพวกเขา ซึ่งมีอิทธิพลต่อนโยบายของอาณาจักร แม้แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็ต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของพวกเขาในการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม ด้วยการดำเนินการตามระบบการสอบของอาณาจักรและความพร้อมของหนังสือที่แพร่หลายออกไป ทำให้สถานะของพวกเขาลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงมีอิทธิพลอย่างมากในราชสำนัก

เกาเทียนเหยาเป็นตัวแทนที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นของพวกเขา โดยได้ขึ้นเป็นเสนาบดีอันดับสองในราชสำนักปัจจุบัน เขาถือได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงยิ่ง นำโชคลาภมาสู่ตระกูลเกาทั้งหมด

ตระกูลที่มีชื่อเสียงทุกตระกูลต้องการทรัพยากรทางหลวงเงินเพื่อการพัฒนา ในช่วงเวลาสำคัญนี้ หลินเป่ยฟานได้ยกปูนกาวขึ้นมา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มหัศจรรย์ ตระกูลเกาจะไม่สนใจได้อย่างไร? ดังนั้น ตระกูลเกาจึงตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเกาเทียนเหยาให้เข้าหาหลินเป่ยฟาน

ไม่ว่าเกาเทียนเหยาจะไม่อยากมาแค่ไหน เขาก็ต้องมาและมอบของขวัญให้หลินเป่ยฟานและขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อตระกูลเกา

“ท่านเกา เรื่องนี้ค่อนข้างยากที่จะจัดการ” หลินเป่ยฟานกางมือออกด้วยสีหน้าอมทุกข์ “ในบัญชีรายชื่อของจักรพรรดิระบุไว้ว่ามีเพียงผู้สนับสนุนสิบอันดับแรกเท่านั้นที่สามารถได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายปูนกาว! ถ้าข้าฝ่าฝืนกฎ ก็เท่ากับหลอกลวงองค์จักรพรรดินี ซึ่งอาจนำไปสู่การประหารชีวิตของข้า ข้าไม่สามารถเสี่ยงเช่นนั้นได้!”

เกาเทียนเหยาเหลือบมองหลินเป่ยฟานด้วยความดูถูก

เจ้าทำผิดกฎและหลอกลวงองค์จักรพรรดินีกี่ครั้งแล้ว?

ข้าไม่อยากจะพูดถึงมันด้วยซ้ำ!

“ท่านหลิน ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ยาก แต่ข้าหวังว่าท่านจะยืดหยุ่นได้ภายในกฎ ตัวอย่างเช่น…” เกาเทียนเหยากระซิบ “ท่านช่วยบอกข้าได้ไหมว่าตอนนี้ตระกูลเกาอยู่ในอันดับที่เท่าไรในแง่ของการบริจาค ใครอยู่ข้างหน้าเรา และพวกเขาบริจาคไปแล้วเท่าไหร่? ด้วยวิธีนี้ ข้าก็พอสามารถผ่อนปรนได้บ้าง”

ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบธนบัตรมูลค่า 100,000 ตำลึงออกจากกระเป๋า

หลินเป่ยฟานกระพริบตาแล้วพูดว่า “ท่านเกา เพิ่มอีกหน่อย!”

ปากของเกาเทียนเหยากระตุก และเขาก็หยิบธนบัตรออกมาอีกสองใบ รวมเป็นเงิน 200,000 ตำลึง

“ขอบคุณท่านเกา!” หลินเป่ยฟานยิ้มกว้างและเก็บเงินใส่กระเป๋า “เนื่องจากท่านเกาใจกว้าง ข้าก็ไม่สามารถตระหนี่ได้ เช่นนั้นให้ข้าบอกท่านแล้วกัน”

หลินเป่ยฟานก้มศีรษะลงและกระซิบว่า “อันดับการบริจาคของตระกูลเกาอยู่ในอันดับที่สิบสองในขณะนี้ สำหรับผู้ที่อยู่ข้างหน้าพวกท่าน พวกเขาคือ…”

เมื่อได้ยินชื่อและเงินบริจาคของตระกูลที่อยู่อันดับก่อนพวกเขา ใบหน้าของเกาเทียนเหยาก็ซีดเผือด “ข้าไม่คิดว่าตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นจะใจกว้างขนาดนี้! และตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยบางตระกูลก็ยังมี ปกติไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่กลับรวยขนาดนี้!”

หลินเป่ยฟานส่ายหัวและถอนหายใจ “ข้าก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะมีคนรวยกว่าเราเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะปูนกาวผุดขึ้นมา ข้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่ออกมาแบบนี้แน่!”

“ขอบคุณที่บอก ข้าจะต้องกลับไปเตรียมตัว!” เกาเทียนเหยารีบจากไป

เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะสะสมเงินบริจาคให้เพียงพอที่จะติดหนึ่งในสิบอันดับแรก

หลินเป่ยฟานมองร่างที่จากไปของอีกฝ่ายและรู้สึกยินดีในใจ

อันที่จริง ตระกูลเกาอยู่ในอันดับที่แปด ซึ่งนับว่าสูงไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ และหลินเป่ยฟานสั่งห้ามมิให้พวกเขาเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร

นี่ทำให้เขาได้เปรียบมาก!

เขาสามารถหาเงินได้ง่ายๆ และยังได้กำไรจากทรัพยากรบางอย่าง ทำไมเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ล่ะ?

ขณะที่หลินเป่ยฟานจิบชา เขากำลังจะกลับไปที่ห้องหนังสือของเขาเพื่อเพลิดเพลินกับตัวเองต่อ แต่ต้าหลี่ก็มาอีกครั้งและพูดว่า "ท่านเฉียน เสนาบดีกรมคลังมาขอรับ เขาบอกว่าต้องการคุยกับท่านเกี่ยวกับบางอย่าง!"

หลินเป่ยฟานยิ้ม ดูเหมือนว่าจะมีคนเอาเงินมาให้อีกแล้ว

เบื้องหลังเสนาบดีกรมคลังเฉียน มีหลายตระกูลคอยสนับสนุนเขา

บางทีอาจกล่าวได้ว่าข้าหลวงระดับสูงส่วนใหญ่ในราชสำนักล้วนมีตระกูลใหญ่หนุนหลัง

มิเช่นนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ ได้

ตระกูลยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้ช่วยให้พวกเขามีอำนาจ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะตอบแทนบุญคุณแล้ว!

"เชิญท่านเข้ามา!"

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลินเป่ยฟานลอบพบกับคนหลายคน

พวกเขาทั้งหมดต้องการสอบถามเกี่ยวกับการจัดอันดับการบริจาคจากหลินเป่ยฟาน และยังหวังว่าเขาจะสามารถช่วยพวกเขาได้รับสิทธิ์โดยตรงได้

หลินเป่ยฟานจัดการสถานการณ์อย่างชำนาญ รับคำเยินยอหวานๆ ทั้งหมด ในขณะที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายไว้กับตัวเอง

เขาจะแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับอันดับการบริจาคของพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้พยายามเพิ่มการบริจาคของพวกเขา แต่การให้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายโดยตรงนั้นเป็นไปไม่ได้

เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายปูนกาว บางคนมาหาเขาสองครั้ง สามครั้ง ทุกครั้งล้วนมีของตอบแทนให้

ผลก็คือ หลินเป่ยฟานหาเงินได้ง่ายๆ ห้าล้านตำลึง

หลังจากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคของพวกเขาจากหลินเป่ยฟาน พ่อค้ารายใหญ่และตระกูลที่มีชื่อเสียงก็รีบกลับไปเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นและเพิ่มการบริจาคของพวกเขา การแข่งขันดุเดือดมาก เหมือนสายน้ำที่ไม่สิ้นสุด!

ผลก็คือ การสนับสนุนการก่อสร้างนครใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!

มากแค่ไหน?

มากจนหลินเป่ยฟานสามารถจ่ายคืนให้กับราชสำนักได้ เมล็ดข้าวทั้งหมดที่ใช้ในการบรรเทาทุกข์ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จนมันแทบเกินส่วนที่เหลืออยู่!

ส่วนทรัพยากรอื่นๆ ก็มีมากมายเช่นกัน!

เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงให้กับราชสำนัก!

ในระหว่างการประชุมราชสำนักช่วงรุ่งสาง องค์จักรพรรดินีทรงชมเชยหลินเป่ยฟานอย่างตื่นเต้น "ท่านหลิน การมอบความไว้วางใจเรื่องนี้ให้ท่านนั้นถูกต้องแล้ว! ไม่เพียงแต่ท่านจะเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นได้สำเร็จเท่านั้น แต่ท่านยังทำให้ราชสำนักของเราร่ำรวยอีกด้วย! ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! ความดีความชอบของท่านจะถูกจดจำไว้ในตอนนี้และจะได้รับรางวัลในภายหลัง!"

"ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!" หลินเป่ยฟานตอบเสียงดัง

ในใจเขาคิดว่า ไม่เพียงแต่ราชสำนักจะร่ำรวยเท่านั้น แต่ตัวข้าก็ร่ำรวยด้วย!

แต่ในวินาทีต่อมา หลินเป่ยฟานก็รู้สึกหนาวสั่นที่หลัง ราวกับว่าเขากำลังถูกจับตามอง

ในตอนเย็น เกาเทียนเหยา เสนาบดีกรมขุนนาง ได้มาเพื่อขอความรับผิดชอบจากเขา

เขาพูดอย่างโกรธแค้นว่า "ท่านหลิน ข้าได้ยินมาว่าท่านบอกเสนาบดีเฉียนเกี่ยวกับอันดับการบริจาคfh;psinv?"

หลินเป่ยฟานยังคงสงบมากและพูดว่า "ใช่! เสนาบดีเฉียนมาด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง และข้าไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ใช่หรือไม่เล่า? ท่านเกา ท่านก็รู้ ข้าไม่สามารถต้านทานทอง เงิน และเพชรพลอยได้!"

เกาเทียนเหยาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก "แต่ข้าได้ตรวจสอบกับเขาแล้ว ทำไมเขาถึงพูดต่างออกไป?"

หลินเป่ยฟานยังคงสงบ "ข้าคงได้แต่บอกว่าการจัดอันดับการบริจาคเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น เป็นธรรมดาที่ข้อมูลอาจแตกต่างกันไป ข้าหวังว่าท่านเกาจะเข้าใจ!"

เกาเทียนเหยาโกรธมากขึ้น "ไร้สาระ! เพียงแค่เวลาชงชาหนึ่งถ้วย มันก็เปลี่ยนไปแล้วหรือ?"

หลินเป่ยฟาน "..."

"ท่านหลิน อย่ามาหลอกข้า! บอกมาเลยว่าท่านต้องการเงินเท่าไหร่เพื่อให้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายปูนกาวแก่ตระกูลเกา? บอกราคาเจ้ามาตรงๆ หยุดเล่นตัวได้แล้ว!" เกาเทียนเหยากล่าวอย่างใจร้อน

หลินเป่ยฟานยกสามนิ้วขึ้น "สองล้านตำลึง!"

"สองล้านตำลึง! ท่านล้อข้าเล่นหรือ?" เกาเทียนเหยาโกรธจัด

หลินเป่ยฟานกล่าวด้วยความคับข้องใจ "ท่านขอให้ข้าบอกราคาเอง!"

เกาเทียนเหยาโกรธจนกระโดด "ข้าขอให้ท่านให้ราคา ไม่ใช่ให้มาขูดรีดข้า! สองล้านตำลึง ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะหาคืนได้ไหม! ท่านมีเหตุผลหน่อยไม่ได้หรือ?"

"เอาล่ะ งั้นก็หนึ่งล้านตำลึง! ตราบใดที่ได้รับเงิน ตระกูลเกาจะได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายหนึ่งสิทธิ์แน่นอน!" หลินเป่ยฟานพูดอย่างไม่เต็มใจ ราวกับว่าเขากำลังสูญเสียเงินจำนวนมาก

หนึ่งล้านตำลึง เกาเทียนเหยายังคงรู้สึกว่ามันมากเกินไป!

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาสามารถได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายล่วงหน้าหนึ่งสิทธิ์และหลีกเลี่ยงการบริจาคทรัพยากรไม่รู้จบ มันก็คุ้มค่า!

เกาเทียนเหยากัดฟัน "ก็ได้! ตกลง!"

พวกเขากลับมาคืนดีกันอีกครั้งและดื่มสุราด้วยกันอย่างมีความสุข

ระหว่างดื่ม เกาเทียนเหยาถามอย่างครุ่นคิด "ท่านหลิน แล้วนโยบายภาษีสำหรับนครใหม่ล่ะ? ท่านพอจะให้ประโยชน์แก่ตระกูลเกาบ้างได้ไหม? ไม่ต้องห่วง ท่านจะไม่ได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว!"

หลินเป่ยฟานทำท่าตกใจ "ท่านเกา ท่านไม่โลภเกินไปหน่อยเหรอ? นอกจากสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายปูนกาวแล้ว ท่านยังต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับโรงงานใหม่อีกด้วย?"

เกาเทียนเหยารู้สึกเขินอายเล็กน้อย

ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย หลินเป่ยฟานก็ยกห้านิ้วขึ้น "เช่นนั้น ขอเพิ่มอีกห้าแสนตำลึง!"

"บัดซบเถอะ!" เกาเทียนเหยาอุทาน

ใครกันแน่ที่โลภกว่ากัน?

หลังจากได้รับคำสัญญาจากหลินเป่ยฟาน เกาเทียนเหยาก็รีบกลับไปหาเงินทันที!

เมื่อมองดูร่างที่จากไป หลินเป่ยฟานก็ยิ้มด้วยดวงตาที่หรี่ลง

อันที่จริง อันดับการบริจาคของตระกูลเกาได้ติดหนึ่งในสามอันดับแรกแล้ว พวกเขาคงได้สิทธิเป็นแน่แท้!

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีลูกแกะมาส่งถึงประตูเรือน แล้วจะไม่ฉวยโอกาสเอามันมาครองได้อย่างไร?

ต่อมา เสนาบดีกรมคลังก็มาขอความรับผิดชอบ เสนาบดีกรมยุติธรรมก็มาขอความรับผิดชอบ เสนาบดีกรมพิธีการก็มาขอความรับผิดชอบ...

หลินเป่ยฟานทำตามกลยุทธ์เดิม และจากตระกูลผู้มีชื่อเสียงอื่น ๆ แต่ละตระกูล เขาก็สามารถรีดเงินได้ถึงหนึ่งล้านห้าแสนตำลึง รวมเป็นสิบห้าล้านตำลึง เขายังคงเรียกเก็บเงินเพิ่มจากพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง!

ถ้าพวกเขารู้เข้า คงต้องกระอักโลหิตออกมาท่วมปากเป็นแน่!

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด