บทที่ 184 ความละโมบ
เสียงของหลัวเฉิงดังก้องกังวานมีต่างอันใดกับเสียงระฆังขนาดยักษ์
บนพื้นที่ยอดเขามีความกว้างกว่าร้อยจั้ง แต่ทว่างูยักษ์เกล็ดดำก็มีความยาวกว่าสิบจั้งแล้ว อีกทั้งยามนี้หลัวเฉิงเข้าขัดขวาง กลุ่มคนเหล่านั้นจึงไม่มีทางหลบเลี่ยงการปะทะได้แม้แต่น้อย!
กลุ่มผู้คนที่เฝ้าสังเกตการณ์จากในป่าทึบ ต่างมองการกระทำเหล่านั้นด้วยความตกตะลึง
“ดูนั่นสิ! กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังจะท้าทายจั่วฉางซานและคนอื่นๆ อีก ช่างกล้านัก!”
“นี่ไม่ใช่ความกล้าแต่เป็นความแข็งแกร่ง! การที่คนคนเดียวสามารถขัดขวางงูยักษ์เกล็ดดำได้ นี่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้หรือไรกัน! งูยักษ์เกล็ดดำตัวนี้เป็นสัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาว แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของวันนั้นย่อมมิใช่น้อยแน่!”
“ฮ่าๆ ตามความเห็นข้า งูยักษ์เกล็ดดำตัวนี้คงไม่มีความแข็งแกร่งมากนัก หาไม่แล้ว ไหนเลยผู้ที่มีเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะจะสามารถขัดขวางได้กัน”
“ใช่แล้ว! มันเป็นไปไม่ได้ที่หลัวเฉิงจะสามารถขัดขวางสัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาวได้”
คนเหล่านี้ต่างยืนดูสถานการณ์จากระยะไกล จึงมิได้สัมผัสกลิ่นอายอันน่าสะพรึงของงูยักษ์เกล็ดดำโดยตรง พวกเขาเห็นเพียงว่าหลัวเฉิงเข้าสกัดงูยักษ์เกล็ดดำได้ด้วยตัวคนเดียว จึงเข้าใจผิดคิดว่างูยักษ์ตัวนี้ไม่มีความแข็งแกร่งแม้แต่น้อย
บางคนถึงกับรู้สึกเสียดาย ว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่ลงมือไปชิงผลหยวนหลิง
ระหว่างนั้น กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานก็ได้บรรลุถึงต้นหยวนหลิงแล้ว ทั้งสองต่างเร่งรีบเก็บผลหยวนหลิงให้เร็วที่สุด
“ไอ้หนู! เมื่อจบเรื่องที่นี่แล้ว สาบานเลยว่าข้าจะสับเจ้าให้เป็นหมื่นชิ้น!”
จั่วฉางซานที่ถูกหลัวเฉิงเข้าขัดขวางอยู่บ่อยครั้ง จึงมิอาจทานทนกดข่มความโกรธในใจได้ ทันใดก็พุ่งร่างตนไปยังต้นหยวนหลิงโดยไม่แยแสสิ่งใดอีก
ฟ่อ!
เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังเข้าใกล้ต้นหยวนหลิง งูยักษ์เกล็ดดำที่โกรธเกรี้ยวก็หยุดไล่ล่าหลัวเฉิงเป็นการชั่วคราว และเลื้อยร่างเคลื่อนเข้าหาจั่วฉางซานแทน
“ไสหัวไป!”
จั่วฉางซานตวาดลั่นพร้อมมองมันด้วยสายตาอำมหิต สีหน้าไม่ปรากฏแววครั่นคร้ามแม้แต่น้อย
ในเมื่อหลัวเฉิงซึ่งเป็นเพียงคนไร้ค่ายังสามารถรับมืองูยักษ์เกล็ดดำได้ แล้วอัจฉริยะเยี่ยงเขาจะไม่สามารถรับมือกับมันได้อย่างไร?
“เพลงทวนวายุคลั่ง!”
จั่วฉางซานตะคอกเสียงทุ้มต่ำ แล้วร่ายรำกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา ทวนยาวในมือกระหน่ำแทงออกไปหลายครั้ง ชั่วพริบตาปราณทวนจำนวนมากก็หลอมรวมเข้ากันกลายเป็นภาพธรรมทวนขนาดใหญ่ เจตนาเพื่อจะรับมือกับการโจมตีของงูยักษ์เกล็ดดำ
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง…
ปัง!
ภาพธรรมทวนขนาดใหญ่ที่น่าเกรงขามเมื่อครู่ถูกทำลายในพริบตา แม้แต่ทวนในมือของจั่วฉางซานยังถูกพลังมหาศาลสะท้อนกลับจนสบั้นกระเด็นหลุดมือไป
หางงูยักษ์เกล็ดดำเข้ารัดร่างจั่วฉางซานทันที ไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจหางขนาดใหญ่ก็บีบรัดร่างกำยำของจั่วฉางซานจนแหลกละเอียด มีเพียงเสียงร้องโหยหวนดังแว่วขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
“อะไร! ถูกฆ่าตายแล้วงั้นหรือ!”
“นี่มัน…มันเป็นไปไม่ได้!”
ทุกคนต่างสะดุ้งเฮือกตกใจจนตัวแข็งทื่อ
โจวรั่วและตัวเต็งสิบอันดับแรก พร้อมทั้งศิษย์บำรุงสำนักคนอื่นๆ ต่างหน้าถอดสีอย่างกะทันหัน เสียงสนทนาพลันชะงักขาดหาย ยามนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
จั่วฉางซานที่มีความสามารถเป็นรองเพียงกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานในบรรดาสิบตัวเต็ง แม้จะมีความแข็งแกร่งมากมายถึงขนาดนั้น แต่กลับถูกงูยักษ์เกล็ดดำบีบรัดล่างจนแหลกละเอียดตายในพริบตาเดียว!
ผู้ที่เคยคิดว่างูยักษ์เกล็ดดำไม่มีความแข็งแกร่ง ยามนี้พลันปิดปากเงียบสงัด จากนั้นเบนสายตามองไปทางหลัวเฉิงด้วยความตกตะลึง!
“จั่วฉางซานถูกฆ่าทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เผชิญหน้า แต่ทว่าหลัวเฉิงกลับสามารถรับมือกับมันได้เป็นเวลานานถึงเพียงนี้! เขาต้องมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน!”
“แต่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนกว่านั้น คือหลัวเฉิงแข็งแกร่งกว่าบรรดาตัวเต็งทั้งหมด! และไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากกว่าเพียงน้อยนิด แต่เหนือกว่าคนเหล่านั้นมากทีเดียว!”
ในตอนนี้ ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า มิใช่งูยักษ์เกล็ดดำนั้นไม่แข็งแกร่ง หากแต่เป็นเพราะหลัวเฉิงแข็งแกร่งเกินไป!!
ฟ่อ!
หลังจากสังหารจั่วฉางซาน งูยักษ์เกล็ดดำก็กลับมาไล่ล่าเหยื่อตัวเดิมของมัน ยามนี้มันเลื้อยร่างอันใหญ่ยักษ์เข้าหาหลัวเฉิงอีกครั้ง
“คิดว่าข้าเหมือนจั่วฉางซานหรืออย่างไร!”
หลัวเฉิงเหยียดยิ้มเยาะ ทันใดก็กวัดแกว่งกระบี่ทลายสวรรค์แทงทะลวงเข้าใส่หางงูยักษ์เกล็ดดำจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่
พริบตา หลัวเฉิงก็รีบเคลื่อนกายหลบหนีออกจากรัศมีการโจมตีของงูยักษ์เกล็ดดำทันที
ในระหว่างนั้นเอง…
“หลัวเฉิง ถอยเร็ว!”
กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานที่เก็บผลหยวนหลิงเสร็จเรียบร้อย ก็วิ่งผ่านพื้นที่ราบแล้วตะโกนทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียว ก่อนจะพุ่งลงจากยอดเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ผลหยวนหลิงอยู่กับพวกเขา!”
“รีบตามไปเร็ว!”
โจวรั่วและคนอื่นๆ ได้สติกลับมาทันที จึงเร่งฝีเท้าวิ่งตามไปด้วยความเร็วสูงสุด
“ชิงผลหยวนหลิงมาให้ได้!”
ความละโมบนั้นทำให้ผู้คนตามืดบอด แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าที่เฝ้าสังเกตการณ์เมื่อครู่ก็ไม่เว้น ยามนี้พวกเขาต่างไม่สนใจแล้ว ว่ากู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานจะเป็นตัวเต็งหรือไม่ ต่างกรูกันไล่ตามลงจากภูเขาไปด้วยกัน