บทที่ 183 การเคลื่อนไหว
“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่สอง สะบั้นเมฆา!”
แสงกระบี่ส่องประกายสว่างไสวคล้ายคลื่นเมฆาตัดผ่านอากาศฟาดเข้าใส่งูยักษ์!
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!...
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่ว ร่างงูยักษ์เกล็ดดำยามนี้ปรากฏบาดแผลนึกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละรอยแผลนั้นมีความลึกเกือบชุ่น
ฟ่อ!
แม้นเป็นเช่นนั้น แต่ทว่าบาดแผลเหล่านี้กลับไม่ทำให้งูยักษ์เกล็ดดำสะท้านแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้อารมณ์ของงูยักษ์ฉุนเฉียวมากขึ้น
ดวงตางูยักษ์เกล็ดดำคล้ายตะเกียงขนาดใหญ่ของมันจับจ้องหลัวเฉิง ร่างของมันเริ่มแผ่กลิ่นอายคล้ายควันสีดำจางๆ ออกมา พริบตาหางขนาดมหึมาฟาดเข้าใส่หลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว!
“แย่แล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายจากการโจมตีครั้งนี้ หัวใจของหลัวเฉิงเต้นระรัว ดีดร่างตนเองกระโจนหลบอย่างฉับพลัน
บูม!
เมื่อตอนที่หางมันฟาดกระทบพื้น ส่งเสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าคํารณ พานให้หุบเขาทั้งลูกสะบั้นสั่นคล้ายถูกเขย่า!
แคร่ก!
พื้นที่ที่หลัวเฉิงยืนอยู่เมื่อครู่ แยกเป็นรอยแตกยาวกว่าสิบจั้ง แต่ละรอยนั้นลึกกว่าสามฉื่อ ทำเอาหลัวเฉิงรู้สึกหนาวกระดูกสันหลังอย่างยิ่ง!
“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! กลิ่นอายสีดำนั่น น่าจะเป็นตัวตนพลังที่แท้จริงของสัตว์อสูร! งูยักษ์เกล็ดดำตัวนี้เริ่มหลอมรวมปราณสัตว์อสูรแล้ว แสดงว่าตบะของมันกำลังจะก้าวหน้าเข้าสู่สัตว์อสูรระดับสามดาว!”
หลัวเฉิงมองยังรอยแตกขนาดใหญ่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก
ความแข็งแกร่งของงูยักษ์เกล็ดดำตัวนี้ เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากทีเดียว
หนำซ้ำงูยักษ์เกล็ดดำตัวนี้ยังมีสายเลือดของสัตว์อสูรบรรพกาล หากตอนนี้ตบะมันใกล้บรรลุสามดาว เท่ากับว่ากลายเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังจนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหกยากจะต้านทานได้!
ฟ่อ!
เมื่อพบว่าการโจมตีอันรุนแรงของมันไม่เป็นผลสำเร็จ งูยักษ์เกล็ดดำก็เลื้อยร่างของมันเข้าหาหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว
“สะท้านขุนเขา!”
“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่หนึ่ง สวรรค์ถล่มสายลมชะงัก!”
“ย้ายภูผาเคลื่อนมหาสมุทร!”
หลัวเฉิงไม่กล้าเผชิญหน้ากับงูยักษ์เกล็ดดำโดยตรง และโคจรปราณไปรวมยังฝีเท้าเพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หากครั้งใดไม่สามารถหลบเลี่ยงการปะทะได้ เขาจะใช้วิชายุทธ์เพื่ออาศัยแรงปะทะผลักตัวเองให้ห่างออกไป
ปัง! ปัง! ปัง!...
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรไล่ล่ากันไปทั่วพื้นที่ ทั้งเศษหินฝุ่นดินต่างปลิวกระจายว่อน พานให้ผู้พบเห็นต่างรู้สึกครั่นคร้ามมิใช่น้อย!
ขณะเดียวกันนี้ กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานเองก็ได้เข้าใกล้ต้นหยวนหลิงแล้ว!
เมื่อเห็นภาพนี้ จั่วฉางซานที่จับจ้องรอโอกาสอยู่ ก็แสดงสีหน้าโกรธแค้นไม่พอใจเป็นที่สุด
“เดรัจฉานอย่างไรเสียมันก็คือเดรัจฉาน ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
จั่วฉางซานสบถออกมาด้วยความโกรธและตะโกนว่า “งูยักษ์เกล็ดดำถูกหลัวเฉิงหลอกล่อไปแล้ว พวกเราต้องอาศัยจังหวะนี้เข้าไปเก็บผลหยวนหลิง!”
“ตกลง!”
ผลหยวนหลิงนับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเขตแดนลึกลับได้ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ หรือแม้แต่ตัวเต็งสิบอันดับแรกก็ต่างจ้องมองตาเป็นมัน พริบตาก็ต่างพุ่งตรงเข้าหาต้นหยวนหลิงทันที
“คิดจะฉวยโอกาสแย่งผลประโยชน์จากข้างั้นรึ ฝันไปเถอะ!”
หลัวเฉิงสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของจั่วฉางซานและคนอื่นๆ มุมปากก็พลันยกขึ้นเป็นยิ้มเยาะ แล้วหลบเลี่ยงการไล่ล่าของงูยักษ์เกล็ดดำ หลอกล่อให้มันเคลื่อนตัวตามเขาไปทางกลุ่มคนเหล่านั้นทันที
ฟ่อ!
งูยักษ์เกล็ดดำแสยะเขี้ยวคำรามอย่างโกรธแค้น ด้วยร่างขนาดใหญ่ยักษ์ ยามที่มันเคลื่อนตัวชนหินไม่ว่าก้อนใดก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง
ตอนนี้มันเคลื่อนตัวเข้าใกล้กับกลุ่มของจั่วฉางซานแล้ว แต่จู่ๆ มันก็ยกหางขึ้นฟาดใส่ก้อนหินขนาดใหญ่จนแตกกระจาย เศษหินแหลมคมพุ่งเข้าหากลุ่มชาวยุทธราวกับห่าฝน
หลัวเฉิงอาศัยประสาทการรับรู้อันเฉียบคม เลี่ยงหลบการจู่โจมของงูยักษ์เกล็ดดำได้อย่างเฉียดฉิว
ปัง!
ศิษย์คนหนึ่งที่เพิ่งย่างเท้าออกมาจากป่า สัมผัสรับรู้ไม่ได้เฉียบคมนักจึงยากจะหลบเลี่ยง พริบตาก็ถูกเศษหินขนาดใหญ่ฟาดเข้าใส่จนร่างปลิวพร้อมกระอักเลือดคำโต
“บัดซบ! แยกย้ายกันไปคนละทาง!”
จั่วฉางซานเห็นเช่นนั้นก็เกรี้ยวกราดจนดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ก่อนตะโกนสั่งให้ผู้อื่นแยกย้ายกันเคลื่อนไหว ส่วนตนนั้นหลบหลีกไปทางด้านซ้ายของพื้นที่เปิดโล่ง
“ย้ายภูผาเคลื่อนมหาสมุทร!”
หลัวเฉิงไหนเลยจะยอมให้พวกเขาหนีไปได้ จึงโคจรพลังชกหมัดเข้าใส่งูยักษ์เกล็ดดำ แล้วอาศัยแรงปะทะส่งร่างตนพุ่งไปทางซ้ายทันที
“พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้คิดฝัน ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าผ่านไปได้แม้แต่ก้าวเดียว!”