บทที่ 181 ไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน
“ช่างแปลกยิ่งนัก แม้แต่หยวนจื่อหลานก็ต้องการเข้าร่วมกับหลัวเฉิง!”
เมื่อหยวนจื่อหลานก้าวออกมาเพื่อร่วมกลุ่มกับหลัวเฉิง ไม่เพียงแค่จั่วฉางซาน คนอื่นๆ ก็ต่างพากันตกตะลึงเช่นเดียวกัน
กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลาน ทั้งสองคนนี้ถือเป็นตัวเต็งที่มีโอกาสคว้าอันดับหนึ่งมากสุดในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้!
แต่ตอนนี้ ทั้งสองคนกลับเปลี่ยนทีม และเลือกเข้าร่วมทีมกับหลัวเฉิง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก!
“หรือว่าพวกเขาพบอะไรบางอย่าง...”
โจวรั่วที่มีใบหน้างดงามเหมือนดอกท้อเหลือบมองทั้งสองคน จากนั้นชายตาไปมองหลัวเฉิง สีหน้าของนางคล้ายกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง
จั่วฉางซานแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าคิดว่าพวกเขาคงสับสนมากกว่า! ที่ไปเชื่อวาจาเหลวไหลของเจ้าเด็กหนุ่มหลัวเฉิงคนนั้น! ฮึ! คิดว่าเขาจะมีโอกาสหกหรือเจ็ดส่วนที่จะเก็บผลหยวนหลิงได้จริงๆ งั้นหรือ? น่าขันสิ้นดี!”
หลัวเฉิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าเขาก็พยักหน้าให้หยวนจื่อหลาน
“นับเจ้าอีกคน ตอนนี้เราสามคนก็พอแล้ว! ไปกันเถอะ!”
โดยไม่รีรอ หลัวเฉิงหันหลังเดินออกจากป่าทึบทันที
กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเดินตามหลัวเฉิงไปอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ พวกเขาคิดว่าจะไปเก็บผลหยวนหลิงด้วยกันแค่สามคนจริงหรือ?”
ผู้คนที่เหลือจ้องมองด้วยความตะลึงลาน
โจวรั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
จั่วฉางซานจ้องมองแผ่นหลังของหลัวเฉิงแล้วหัวเราะเยาะ
“ในเมื่อเขาชอบอวดความสามารถตนก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ! สัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาว ความแข็งแกร่งของมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เรามารอดูกันเถอะว่าเขาจะตายอย่างไร!”
“ให้พวกเขาออกหน้าก่อน เราก็รอจนกว่าพวกเขาจะสู้กับงูยักษ์ แล้วค่อยหาโอกาสเข้าไปเก็บผลหยวนหลิง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวรั่วและคนอื่นๆ ก็มีแววตาเปล่งประกาย
หลัวเฉิงและอีกสองคนกำลังจะเดินพ้นจากป่า
หยวนจื่อหลานทอดสายตาไปยังงูยักษ์เกล็ดดำที่ดุร้าย ทันใดนางก็อดใจถามมิได้
“หลัวเฉิง เจ้ามีแผนเช่นไร?”
“แผนงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงเพียงยิ้มน้อยๆ
“ง่ายมาก ข้าจะถ่วงเวลางูยักษ์ตัวนั้นไว้ให้ ส่วนพวกเจ้าก็ไปเก็บผลหยวนหลิง”
“อะไรนะ! เจ้าจะสู้กับงูยักษ์ตัวนั้นคนเดียวงั้นหรือ? แต่นั่นมันคือสัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาว...”
น้ำเสียงของหยวนจื่อหลานเปลี่ยนไปเป็นกังวลทันที
เดิมนางคิดว่าหลัวเฉิงต้องมีแผนการที่รัดกุมรอบคอบกว่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเรียบง่ายและบ้าบิ่นเช่นนี้!
กู่หลิงเฟิงแสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
สัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาวนั้นเป็นราชาของสัตว์อสูรสองดาวทั้งปวง ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์สิบคนในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ก็มิแน่ว่าจะสามารถรับมือกับมันได้
ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงร่วมมือกันสังหารมันไปแล้ว ไยต้องรอถึงตอนนี้
การที่หลัวเฉิงกล่าวว่าจะต่อสู้กับงูยักษ์เกล็ดดำเพียงคนเดียว จะไม่ทำให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร
แต่หากเขาสามารถทำได้ดั่งที่กล่าว นั่นหมายความว่าหลัวเฉิงได้ก้าวข้ามคนรุ่นเดียวกันและไร้เทียมทานในระดับพลังยุทธ์เดียวกัน!
“ข้ารู้ดี ข้าแค่จะถ่วงเวลามันไว้เท่านั้น ไม่ได้คิดจะสู้กันซึ่งหน้า”
หลัวเฉิงยิ้มน้อยๆ ขณะแววตามองไปยังคนที่อยู่ข้างหลัง
“นกจ้องจับจั๊กจั่น แต่มีอสรพิษซ่อนอยู่ข้างหลัง พวกเราต้องระวังตัวให้ดี เมื่อพวกเจ้าได้ผลหยวนหลิงแล้วให้รีบออกไปจากที่นี่ทันที ไม่ต้องห่วงข้า เราจะพบกันอีกครั้งที่จุดขึ้นเรือสำเภา”
หยวนจื่อหลานยิ้มอย่างยั่วยวน แล้วมองหลัวเฉิงด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
“เจ้าเชื่อใจพวกเราถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
หลัวเฉิงตอบน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้ามั่นใจในฝีมือตัวเองต่างหาก”
วาจานี้ทำให้กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานถึงกับตะลึงตะไล
น้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมาดมั่น นั่นหมายถึงหลัวเฉิงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ ต่อให้ทั้งสองร่วมมือกันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาแม้แต่น้อย!
“ข้าเคยเห็นคนมั่นใจมามาก แต่ไม่เคยเห็นใครมั่นใจอย่างเจ้ามาก่อน” หยวนจื่อหลานยิ้มหวาน สะคราญตายิ่งนัก
ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้น สามคนก็เดินพ้นออกจากป่าแล้ว
ฟ่อ!
งูยักษ์ตัวนี้คล้ายกำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด เมื่อเห็นสามคน มันก็แสยะเขี้ยวร่ำร้องคำรามทันที
คลื่นลมอันรุนแรงพัดกระหน่ำผ่านพื้นดิน ส่งกลิ่นอายอันดุร้ายแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่ากลัวจริงๆ!”
ผู้คนในป่าต่างได้รับผลกระทบจากแรงกดดันนี้มิต่างกัน
ผู้ที่จิตวิญญาณไม่กล้าแข็งก็พลันตัวแข็งทื่อ คล้ายวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง
“ไป!”
หลัวเฉิงไม่มีแววครั่นคร้ามมันแม้แต่น้อย เขาชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่งูยักษ์ตัวนั้นทันที
กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานจึงรีบหาหนทางอื่นเพื่ออ้อมออกจากงูยักษ์ตัวนี้ แล้วตรงไปเก็บผลหยวนหลิงตามที่ได้คุยกันไว้
แววตาแดงฉานดุจโคมไฟขนาดใหญ่ของงูยักษ์เต็มไปด้วยความกระหายเลือด แม้ร่างกายของมันจะมหึมา แต่ความรวดเร็วนั้นมิใช่น้อย
บูม!
ก้อนหินขนาดใหญ่เท่าบ้านพุ่งตรงไปยังหลัวเฉิงอย่างฉับพลัน