ตอนที่ 24 โอกาสมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
ซูฮั่นหยวนตั้งใจจะไปหาหัวหน้าของเธอ
ก่อนหน้านี้หลินชิงอี้แทงข้างหลังและหลอกลวงเธอ เธอเพิ่งจะจดหนี้นี้ไว้ในใจ ใครจะคิดว่าโอกาสจะมาถึงอย่างรวดเร็วขนาดนี้
เธอควรใช้โอกาสนี้สั่งสอนผู้หญิงคนนั้นให้รู้สำนึก และทำให้หล่อนจ่ายคืนสำหรับสิ่งที่ทำลงไป
ไม่อย่างนั้น หลินชิงอี้คงคิดว่าคนอื่น ๆ สามารถถูกรังแกได้ง่าย!
ซูฮั่นหยวนบังเอิญเจอหนิ่วหงเซี่ยก่อนที่เธอจะไปรับอาหาร ทั้งสองคนทักทายกัน
หนิ่วหงเซี่ยเป็นผู้หญิงที่หย่าร้างและไม่มีลูก ในวัยสี่สิบ หล่อนอาศัยอยู่คนเดียว ดังนั้นอาหารสามมื้อของหล่อนจึงมักจะกินที่โรงงานก่อนที่จะกลับบ้าน
ตอนที่เห็นซูฮั่นหยวน หนิ่วหงเซี่ยเพิ่งล้างกล่องอาหารเสร็จและกำลังจะออกไป
“หัวหน้าหนิ่ว!”
“ฮั่นหยวน กินข้าวแล้วหรือ”
“กินแล้วค่ะ หัวหน้าคะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ซูฮั่นหยวนพูด
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับงานเล็กน้อย ฉันเก็บมันไว้ในใจมานานแล้ว แต่ในที่สุดฉันก็กล้าพอที่จะมาหาหัวหน้า” ซูฮั่นหยวนทำท่าทางเหมือนทุกข์ใจ “ฉันหวังว่าหัวหน้าจะช่วยชี้แนะฉันได้”
“ได้สิ” หนิ่วหงเซี่ยล้างกล่องอาหารและส่งให้เพื่อนร่วมงาน จากนั้นก็พูดว่า “ไปคุยที่ห้องทำงานฉันเถอะ”
ซูฮั่นหยวนลูบท้องและพูดว่า “ตอนนี้ฉันอิ่มมากเลยค่ะ อยากเดินย่อยสักหน่อย ขอเดินไปคุยไปได้ไหมคะ”
“ได้สิ” หนิ่วหงเซี่ยตอบตกลง หล่อนมองดูบริเวณโรงงานที่คึกคักแล้วหยุดก่อนจะพูดว่า “ไปเดินในป่าละเมาะกันเถอะ ที่นี่คนเยอะเกินไป เดี๋ยวถูกรบกวน”
“ได้ค่ะ” ซูฮั่นหยวนยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ทั้งสองคนคุยกันไปพลางเดินไปพลาง ซูฮั่นหยวนรายงานปัญหาที่เกี่ยวข้องกับงานของเธอให้หนิ่วหงเซี่ยฟัง และหนิ่วหงเซี่ยก็ให้กำลังใจเธอไปด้วย ในขณะเดียวกัน หนิ่วหงเซี่ยก็แสดงออกถึงความพอใจกับผลงานของเธอ โดยบอกว่าหล่อนหวังว่าซูฮั่นหยวนจะมีบุคลิกที่สดใสร่าเริงมากขึ้น
ซูฮั่นหยวนพยักหน้าหลายครั้ง “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะพยายามทำให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลานั้น อย่าหาว่าฉันน่ารำคาญนะคะ!”
เจ้าของร่างเดิมมีบุคลิกที่หดหู่ แต่เธอไม่ใช่แบบนั้น
“ไม่หรอก จริง ๆ แล้วแผนกประชาสัมพันธ์ของเราควรจะสดใสมากกว่านี้ รายงานบนบอร์ดและงานเขียนของเธอก็ไม่เลวเลยนะ สมควรได้รับคำชม แต่หลินชิงอี้เก่งเรื่องการสื่อสารกับผู้คนมากกว่า เธอเองก็ควรเรียนรู้ที่จะออกไปทำงานกับคนจากแผนกอื่น ๆ บ้าง” หนิ่วหงเซี่ยแนะนำ
หนิ่วหงเซี่ยเข้าใจลักษณะนิสัยของลูกน้องแต่ละคนดี และเธอก็หวังว่าพวกเขาจะเรียนรู้จากกันและกัน พัฒนาร่วมกัน และสื่อสารกันอย่างจริงจังในที่ทำงาน
“เข้าใจแล้วค่ะ” ซูฮั่นหยวนพยักหน้า
โดยไม่รู้ตัวทั้งสองก็เดินมาถึงป่าละเมาะ อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่ได้เดินลึกเข้าไปในป่า แค่เดินเล่นรอบ ๆ ขอบป่าพลางคุยกันอย่างสบายใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงของหลินชิงอี้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากข้างในป่า
หลินชิงอี้ยังคงด่าไม่หยุด และแต่ละครั้งก็ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
“คงเพราะยัยนั่นไม่ได้มีผู้ชายมานานใช่ไหม ถึงได้ทำหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่เคยเห็นหล่อนยิ้มให้ฉันเลยสักครั้ง หล่อนไม่ได้รับการดูแลจากผู้ชายมานานแถมยังไม่มีลูก ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ! เคยเห็นคนปกติที่ไหนเป็นแบบยัยนั่นกันบ้าง ดูฉันสิ ฉันเป็นคนอบอุ่นร่าเริง ฉันน่าจะไปได้ดีในแผนกอื่นเพราะฉันเข้ากับทุกคนได้ดี แล้วซูฮั่นหยวนมีค่าอะไรล่ะ? สนับสนุนเธอและปกป้องเธอจากคนอื่น! แล้วฉันล่ะ? หล่อนรู้แต่จะกดฉันให้จมดิน จริง ๆ แล้ว พวกแม่หม้ายมันร้ายกาจ หล่อนกลัวว่าฉันจะทำได้ดี แล้วฉันจะได้เลื่อนตำแหน่งและมาแทนที่หล่อน...”
เมื่อหนิ่วหงเซี่ยได้ยินเสียงนั้น ก็จำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของหลินชิงอี้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เอ่ยชื่อเธอออกมาตรงๆ แต่คนเดียวในแผนกนี้ที่หย่าร้างและไม่มีลูกก็มีเพียงเธอเท่านั้น ชัดเจนว่าหลินชิงอี้กำลังพูดถึงเธอ
หนิ่วหงเซี่ยโกรธมากจนหน้าอกขยับขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็กำมือแน่น
เธออยากจะวิ่งเข้าไปและตบลูกน้องของตัวเองให้สาสมที่ปากพล่อยพูดไปเรื่อย และอยากถอดถุงเท้าเหม็น ๆ ออกมาแล้วยัดใส่ปากสกปรก ๆ นั่น
“หัวหน้า...” เมื่อซูฮั่นหยวนได้ยินสิ่งที่เพื่อนร่วมงานพูด เธอรู้สึกเสียใจเงียบ ๆ ให้กับหลินชิงอี้ เพราะมีคำกล่าวว่าการตีใครไม่ควรตีที่หน้า และการด่าใครไม่ควรด่าจุดอ่อนของคน แต่หลินชิงอี้กลับทำตรงกันข้ามโดยตรง แทงไปที่จุดอ่อนของหนิ่วหงเซี่ย “ไปกันเถอะค่ะ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเธอเลย”
“เธอกลับไปก่อน” หนิ่วหงเซี่ยกลั้นหายใจและหันมาหาซูฮั่นหยวน “เธอต้องจริงจังกับเรื่องงาน ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ เธอทำได้แน่นอน”
ซูฮั่นหยวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันจะจำไว้ค่ะ แล้ว...ต้องการให้ฉันไปพาหลินชิงอี้มา—”
“ไม่ต้อง นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะจัดการเอง เธอไปเถอะ”