ตอนที่แล้วตอนที่ 15: หวงเจิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17: ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสอง

ตอนที่ 16: วิชา


ตอนที่ 16: วิชา

“วิชาหนามปฐพี!”

ในพื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่งของหุบเขาร้อยหญ้า สิ้นเสียงตะโกนต่ำ หนามปฐพีสามอันจึงปรากฏจากดินในทันทีขณะแทงไปข้างหน้าในแนวทแยง พลังระเบิดของมันทำให้ดวงตาของหวังฝูทอประกาย

นี่คือผลลัพธ์จากการฝึกฝนวิชาหนามปฐพีเป็นเวลาเจ็ดวันของเขา

“ตามคำอธิบายของ”วิชาปฐพีปึกแผ่น“การที่สามารถร่ายหนามปฐพีสามอันในพริบตาได้นับว่าเป็นความสำเร็จทางวิชาหนามปฐพี ไม่รู้ว่าความเร็วในการฝึกฝนช้าหรือไม่” หวังฝูตบหนามปฐพีที่แข็งประหนึ่งหิน ทำให้เขามั่นใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เทียบกับความยากลำบากของการดึงลมปราณเข้าสู่ร่างกายแล้ว การฝึกวิชาของเขาค่อนข้างไวกว่าจนสามารถร่ายหนามปฐพีได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน

หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาจึงเก็บตัวฝึกฝนในสถานที่รกร้างแห่งนี้ การฝึกฝนวิชาจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมาก แต่โชคยังดีที่มีของเหลววิญญาณมาช่วยหล่อเลี้ยง หลังจากทำทั้งหมดนี้สักพัก เขาพบว่าความเร็วของการฝึกฝนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ยังไม่ไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหนึ่งขั้นสมบูรณ์ แต่ก็นับว่ามากเพียงพอที่จะใช้วิชาหนามปฐพีได้สามครั้งติดต่อกัน

หลังจากนั้นจึงใช้วิชาหนามปฐพีในทิศทางตรงข้าม แล้วหนามสามอันจึงตรงไปที่พื้นทันที หลังจากเกิดระลอกคลื่น หนามทั้งสามจึงทะลวงเข้าสู่พื้นลงไป นอกจากดินที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้วก็ไม่มีความผิดปกติอะไรบนพื้นอีก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติตามกิจวัตรประจำวัน ซึ่งหวังฝูไม่อยากให้ใครมาพบเข้าถึงได้ลอบทำการฝึกฝนวิชาอยู่ที่นี่

กลุ่มของจูเจิ้นในหุบเขาร้อยหญ้าไม่ใช่คนจิตใจดี เขาจึงต้องรักษาขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหนึ่งเอาไว้ต่อไป

หลังจากปัดมือแล้ว หวังฝูจึงนั่งลงบนเนินเขาบริเวณใกล้เคียงพร้อมหยิบของเหลววิญญาณออกมา จากนั้นกลืนเข้าไปเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณที่หมดไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปสักพัก เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงที่วาบออกมา

“พลังวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากเป็นแบบนี้ก็น่าจะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสองได้ในเวลาไม่ถึงสามเดือน” หวังฝูสัมผัสหม้อขนาดเล็กบนหน้าอกที่กลายเป็นลวดลายด้วยความรู้สึกโล่งอก

“วิชาหนามปฐพีของข้าไปถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว เป็นการยากที่จะทะลวงได้ในเวลาอันสั้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะลองดูอีกวิชาในวิชาปฐพีปึกแผ่น ข้าไม่เชื่อว่ามันจะลึกล้ำเหมือนอย่างที่เฝิงต้าฟู่ว่า” หวังฝูหยิบ “วิชาปฐพีปึกแผ่น” ออกมาแล้วเปิดไปส่วนที่บันทึกวิชาปฐพีหลบลี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอ่านเกี่ยวกับวิชาปฐพีหลบลี้ เพียงแต่ยังไม่เคยทำการศึกษาอย่างจริงจังสักครั้ง เขาจำสิ่งที่เฝิงต้าฟู่บอกได้อย่างขึ้นใจว่าไม่มีใครในสำนักขนนกร่วงโรยฝึกฝนวิชาปฐพีหลบลี้นี้ได้สำเร็จ ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ เขาจะคิดโดยไม่รู้ตัวว่าวิชาปฐพีหลบลี้ลึกล้ำและคาดเดาไม่ได้

“ฟ้ากลมโลกเหลี่ยม ตะวันจันทราส่องแสง ผืนดินเคลื่อนตาม เดินทางไปทั่วสารทิศ…”

ขณะมองโครงร่างทั่วไปของวิชาปฐพีหลบลี้ หวังฝูจึงพึมพำเสียงต่ำ “นี่มันดูเกินจริงไปหน่อย ผืนดินเคลื่อนตาม เดินทางไปทั่วสารทิศ… ข้าไม่ได้แสวงหาการเดินทางไปทั่วสารทิศ ข้าเพียงอยากฝึกฝนให้สำเร็จเพื่อจะได้ปกป้องชีวิตก็เท่านั้น”

หวังฝูพยายามฝึกฝนจนกระทั่งตะวันตกดินและดวงดาวเคลื่อนคล้อย

แต่กลับไม่สำเร็จ

“ใช้พลังวิญญาณเพื่อจำลองความผันผวนของปฐพีเพื่อปกคลุมร่างกายทั้งหมดไว้ จากนั้นสัมผัสกลิ่นอายของดิน… ตามด้วยหลอมรวมร่างกายกับดิน… มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หวังฝูส่ายหน้าขณะเดินกลับบ้าน “ฝึกไม่ง่ายจริงด้วย ข้ามองวิชาหนามปฐพีเพียงครั้งเดียวก็จับเคล็ดได้แล้ว แต่วิชาปฐพีหลบลี้นี้ลึกล้ำและทรงพลังยิ่งกว่า”

“แต่ถ้าฝึกฝนสำเร็จก็นับว่าเป็นวิชาที่ช่วยชีวิตได้จริง”

ตกกลางคืน พื้นที่รอบบ้านไม้เงียบสงบ แมลงส่งเสียงร้องอย่างแผ่วเบา ไร้ซึ่งแสงสว่าง ไม่ทราบว่าเมฆหนาบดบังดวงจันทร์เจิดจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนดวงดาวในท้องนภายามราตรีหมองหม่นเช่นกัน ดังคำที่ว่ากลางคืนดำลมสูง [1] เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการสังหารและวางเพลิง

หวังฝูยืนอยู่ตรงสี่แยกขณะมองดูรอบบ้านไม้ จากนั้นอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวทั้งหลายที่เคยอ่านในหนังสือเรียน จากนั้นจึงแย้มยิ้มแล้วส่ายหน้า “ที่นี่คือสำนักขนนกร่วงโรยนะ จะไปมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร”

เมื่อเข้าไปในบ้าน หวังฝูยื่นมือออกไปเพื่อผลักประตู ในจังหวะนี้เอง สิ่งที่คาดไม่ถึงได้เกิดขึ้น ลูกธนูเย็นเยือกดอกหนึ่งพุ่งตรงมาที่ชุดของหวังฝูในราตรีอันมืดมิด

ด้วยผลจากการรับของเหลววิญญาณเข้าไป ทำให้การรับรู้ของหวังฝูแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกลิ่นอายเย็นเยือกอยู่ห่างออกไปหนึ่งถึงสองจั้ง เส้นขนบนแผ่นหลังจึงตั้งชูชัน แล้วความรู้สึกถึงหายนะอันแรงกล้าทำให้เขากลิ้งไปข้างหน้าเพื่อพังประตูเข้าไปตามสัญชาตญาณ ขณะเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดทั่วร่าง เขามองทางหางตาก่อนจะพบว่าลูกธนูน้ำยาวสามฉื่อทอประกายเย็นเยือกเลือนรางพุ่งเข้ามาที่บ้านไม้

ตูม!

สิ้นเสียงตูม ลูกธนูน้ำระเบิด แล้วโต๊ะ เก้าอี้กับม้านั่งถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที แม้กระทั่งตัวบ้านยังหลงเหลือเพียงรูขนาดใหญ่เอาไว้

หวังฝูหลั่งเหงื่อเย็นออกมา

“นั่นใคร…” เขาตะโกนพลางซ่อนตัวอยู่หลังประตู แต่เพียงชั่วพริบตา เขาก็เดาได้ในทันที เห็นได้ชัดว่าวิชานี้วิชาศรวารี ดูจากพลังของมันแล้ว หวังฝูจึงได้ข้อสรุปขึ้นมา

“หวงเจิง… ข้ารู้ว่าเป็น…”

หวังฝูยังไม่ทันเอ่ยคำจบประโยค ลูกธนูน้ำอีกดอกจึงพุ่งเข้ามาหาเขา กลิ่นอายเย็นเยือกและพลังวิญญาณที่ระเบิดออกมาทำให้ลูกตาของเขาหดลง แม้พลังจะด้อยกว่าวิชาหนามปฐพีของเขา แต่ถ้าใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียวย่อมไม่อาจต้านทานได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกลิ้งตัวหลบไปมาเท่านั้น

เนื่องจากยังไม่ได้ฝึกวิชาป้องกัน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม หากโดนขึ้นมา ต่อให้ไม่ตายก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ต้องเป็นหวงเจิงไม่ผิดแน่ นึกไม่ถึงว่ามันจะทำสำเร็จ” จริงสิ มันมาถึงเร็วกว่าเราสิบเดือน การที่สามารถทะลวงสู่ขอบเขตลมปราณระดับหนึ่งได้จึงนับว่ามีเหตุผล หากไม่ใช่เพราะสมบัติอย่างหม้อใบน้อย เกรงว่าเราต้องใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งปี“หวังฝูครุ่นคิดกับตัวเอง เขาชำเลืองมองไปข้างนอกอย่างระแวดระวัง ด้วยแสงดาวอันเบาบางจึงทำให้เห็นร่างสีดำบางยืนอยู่ไม่ไกลจากบ้านไม้”ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหนึ่งสามารถปลดปล่อยศรวารีได้อย่างมากสามถึงสี่ดอก… แต่เราต้องระวังวิชาอื่นไว้ด้วย แถมยังไม่รู้ว่าวิชาอะไรที่บันทึกในหนังสือของหวงเจิงและฝึกฝนสำเร็จไปมากน้อยแค่ไหนด้วย…”

น้ำเสียงหยิ่งทะนงดังมาจากนอกบ้านไม้ อย่างที่หวังฝูคาดเดาไว้ เป็นหวงเจิงนั่นเอง

หลังจากทะลวงถึงขอบเขตกลั่นลมปรารระดับหนึ่งก็ไม่ได้ลงมือแก้แค้นหวังฝูในทันที เขาเป็นคนที่มีนิสัยระแวดระวัง แม้จะทะลวงถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหนึ่งแล้ว แต่พละกำลังของหวังฝูก็นับว่าน่าทึ่งไม่เบา หากไร้ซึ่งวิชา หวงเจิงยังนับว่าอ่อนแอเล็กน้อย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาฝึกฝนวิชาได้สำเร็จ เมื่อนั้นเองที่เขาอยากบดขยี้หวังฝูด้วยสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด

มันจะได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างเซียนกับมนุษย์เสียที

“หวังฝู เจ้าตายหรือยัง หากยังไม่ตายจงรีบออกมาเสีย ตอนนี้ข้าคือผู้ฝึกตนเป็นเซียนชั้นสูงแล้ว จงรีบออกมาคุกเข่าซะ”

“ฮ่าฮ่า…”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหวงเจิง หวังฝูจึงขมวดคิ้วขณะเดินออกจากบ้านไม้

“หืม เจ้าไม่เป็นไรเลยหรือ?” หวงเจิงประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหวังฝูอยู่ในสภาพครบถ้วน เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดมนุษย์ถึงอยู่รอดปลอดภัยเมื่อเผชิญหน้ากับวิชาทรงพลัง

“เจ้าแปลกใจที่ข้าไม่เป็นไรหรือ? มันก็แค่วิชาศรวารี” หวังฝูยืนห่างจากหวงเจิงเพียงสามจั้งขณะเย้ยหยัน

“ทั้งที่กำลังจะตายแต่ยังมาเสแสร้งอีกหรือ ต่อให้อวดเก่งยังไงก็เป็นได้แค่มนุษย์ จงตายเสียเถอะ!”

หวงเจิงเดือดดาล แล้วความอัปยศอดสูในอดีตจึงระเบิดออกมาในตอนนี้ ทำให้พลังโทสะขับเคลื่อนวิชาทั้งสองออกมาทันที

กระแสน้ำไหลมาบรรจบกันขณะพลังวิญญาณเคลื่อนไปรอบข้างหวังฝูโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า จากนั้นจึงกลายเป็นเชือกน้ำหนาเพื่อพันธนาการหวังฝู ในเวลาเดียวกัน วิชาศรวารีค่อยก่อตัวขึ้นตรงหน้าหวงเจิงราวกับเป็นการเค้นกำลังทั้งหมดออกมา ทำเอาใบหน้าของเขาซีดเซียว

“นี่คือ... วิชาพันธนาการวารี!”

หวังฝูมองเชือกน้ำที่ก่อตัวขึ้นรอบข้างขณะส่งเสียงร้องด้วยความตื่นกลัวพร้อมกับกลิ้งตัวไปด้านข้าง แม้การเคลื่อนไหวจะรวดเร็วมากแต่ยังไม่สามารถหลบหนีจากระยะของวิชาพันธนาการวารีได้ ขาของเขาถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาจนยากที่จะเป็นอิสระได้ในเวลาอันสั้นด้วยกำลังที่มีในตอนนี้

อีกด้านหนึ่ง วิชาศรวารีของหวงเจิงก็ก่อตัวขึ้นสำเร็จ เขาอยู่ในสภาพกึ่งคุกเข่ากับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า แต่รอยยิ้มโหดเหี้ยมฉายชัดบนใบหน้า “เหอะเหอะ… ทีนี้ก็ซ่อนตัวไม่ได้แล้ว จงตายซะเถอะ”

วิชาศรวารีเย็นเยือกพุ่งออกไปโดยเล็งที่จุดสำคัญของหวังฝู

“พยายามจะฆ่ากันเลยหรือ…” หวังฝูไม่คาดคิดว่าหวงเจิงจะกล้าลงมือฆ่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะมาโทษข้าไม่ได้”

“วิชาหนามปฐพี!”

หวังฝูร่ายผนึกขณะพลังวิญญาณรวมตัวกันก่อนจะถ่ายทอดไปยังพื้น เพียงพริบตา ดินเกิดการปูดโปนขณะหนามปฐพีแข็งกระด้างโผล่ขึ้นมาประหนึ่งหน่อไม้ วิชาศรวารีหักในพริบตาจนกลายเป็นแอ่งน้ำที่ตกลงสู่พื้น จากนั้นหนามปฐพีจึงปรากฏตรงหน้าหวงเจิง อีกฝ่ายกรีดร้องเสียงหลงขณะถอยหลังซ้ำไปมา ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงคือหนามปฐพีปรากฏขึ้นจากด้านหลังเขาเช่นกัน

เสียงพรวดดังขึ้น!

โลหิตไหลนอง

[1]: หมายถึงสถานการณ์อันตรายอย่างใหญ่หลวง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด