บทที่233 ค่ำคืนนองเลือด
หลังจากที่อิทาจิเดินเข้าสู้ตระกูล นินจาหน่วยราก็ได้โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดันโซที่เดินออกมาจากกลุ่มราก
“ใช้คาถาผนึกปิดกั้นบริเวณรอบ ๆ เราต้องไม่ปล่อยให้ใครปล่อยข่าวออกไป... คืนนี้หากมีใครหนีออกนอกตระกูล ฆ่าให้หมด ส่วนเรื่องข้างใน ปล่อยให้อุจิวะ อิทาจิจัดการไป” ดันโซออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“ครับ!” รากทั้งหมดตอบรับเสียงดัง จากนั้นพวกเขาก็แยกกันไปรอบ ๆพื้นที่ตระกูลแล้วใช้คาถาผนึก แบ่งแยกพื้นที่ภายนอกและตระกูลออกจากกันโดยสิ้นเชิง
ภายในตระกูล
อิทาจิซ่อนตัวอยู่ในเงามืดรากวับภูตผี ดาบด้านหลังชักออกอย่างช้า ๆแล้วเดินไปทางใจกลางพื้นที่ตระกูล
“อิทาจิ?” นินจาลาดตระเวนตระกูลอุจิวะเลิกคิ้วเมื่อเห็นอิทาจิ
ด้วยความมืด เขาเองก็ตกใจที่มีคนโผล่มา แต่พอเห็นเป็นอิทาจิ เขาก็ถอนหายใจโล่งอก ทว่าพริบตาต่อมาเขาก็เห็นดาบในมืออิทาจิ แววตาก็ฉายความสงสัยออกมา
ฟุ่บ!
เพียงชั่วกระพริบตา ดาบในมือของอิทาจิก็เสียบดาบแทงเข้าไปในลำคอของนินจาลาดตระเวณตระกูลอุจิวะคนนั้น
เลือดสีแดงสงไหลลงมาจากลำคอ ร่างกายของนินจาคนนั้นทรุดฮวบลงไปนอนกับพื้น
อิทาจิมองร่างของเพื่อนร่วมตระกูลที่ตายไปก็ดวงตาสั่นเทา ความเจ็บปวดถูกเก็บเอาไว้ในใจ ตอนนี้เขาต้องเด็ดขาด สังหารทุกคนเพื่อนให้น้องชายของเขารอดชีวิตและยุติความขัดแย้งของตระกูลกับหมู่บ้านเสียเดี๋ยวนี้
เด็กชายยังคงมุ่งหน้าต่อไป ยิ่งอิทาจิเดินผ่านใคร คนคนนั้นก็ถูกดาบของเขาสังหารราวกับใบไม้ร่วง
หลังจากตัดหัวเพื่อนร่วมตระกูลไปหลายคน จิตสังหารของอิทาจิก็ท่วมท้น ดวงตาแดงก่ำราวกับวิญญาณร้าย
ความเจ็บปวดจากการฆ่าเพื่อนร่วมตระกูลก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาไม่รู้จบ
“อย่างที่คิดเลย สมกับเป็นอุจิวะ อิทาจิ แม้ว่าจะเป็นคนในตระกูลตัวเองก็ไม่มีความเมตตา” ทันใดนั้นเสียงประชดประชันก็ดังมาจากทางด้านหลัง
ชายลึกลับสวมหน้ากากลวดลายน้ำวนปรากฏขึ้น
“รีบลงมือต่อสิ ถ้านานไป กลิ่นเลือดมันจะปลุกคนในตระกูลให้ตื่นขึ้นมามากกว่านี้นะ มันคงไม่ง่ายเหมือนตอนนี้แล้ว” โทบิหรือโอบิโตะกล่าวยุยง
อิทาจิไม่ได้หันกลับมามอง เขาสะบัดเลือดบนดาบแล้วมุ่งหน้าต่อ
“เรื่องยิบย่อยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” โอบิโตะกล่าวเบาพอให้อิทาจิได้ยิน
หลังจากนั้นโอบิโตะก็หัวเราะเย้ยหยันทุกสิ่งออกมา เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา บางทีอาจเป็นเพราะการตายของโนฮาระ ริน เขาจึงเก็บงำความโกรธต่อทุกคนบนโลกเอาไว้ และตระกูลอุจิวะคือที่แรกที่เขาจะแก้แค้น
โทบิ เป็นบุคคลลึกลับที่เขาติดต่อด้วยก่อนหน้านี้ โดยเขาเรียกตัวเองว่าอุจิวะ มาดาระ ว่ากันว่าเขาไม่พอใจที่ถูกตระกูลทรยศจึงได้กลับมาแก้แค้น
แน่นอนว่าอิทาจิไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่มันไม่สำคัญ ตราบใดที่สามารถช่วยเขาสังหารครอบครัวของเขาได้ ภายใต้หน้ากากมันก็ไม่สำคัญว่าเขาเป็นใคร
ทั้งสองคนแยกจากกัน และงานเลี้ียงเลือดก็ได้เริ่มขึ้น
ภายใต้การเข่นฆ่าของทั้งสองคน ชิ้นส่วนอวัยวะของคนในตระกูลอุจิวะก็กระจัดกระจายไปทั่ว
ตระกูลอุจิวะเป็นตระกูลใหญ่ การสังหารคนไปมากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจ ภายในตระกูล มีบางคนต้องการหลบหนีออกจากเขตตระกูล ทว่าก็ถูกรากของดันโซสังหารไปทีละคน
อุจิวะ อิทาจิเดินไปตามทางเดินเงียบ ๆ ด้านหลังเต็มไปด้วยกองซากศพ ในที่สุดเขาก็เดินไปถึงบ้านของตัวเอง
“อิทาจิ!” ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ร่างอิทาจิหยุดชะงักเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
อุจิวะ ฟุกาคุเดินออกมาจากเงามืดภายใต้อาคารบ้าน “อิทาจิ พ่อภูมิใจในตัวลูก ลูกมีสายเลือดตระกูลอุจิวะของเราไหลเวียนอยู่ แต่ว่า... พ่อเองก็คือหัวหน้าตระกูลคนหนึ่ง ลูกอย่าลืมเรื่องนี้นะ”
“พ่อ” อิทาจิพึมพำเบา ๆ
เด็กชายที่เกือบจะบรรลุนิติภาวะแล้วอย่างอิทาจิได้กลืนน้ำลาย กระชับดาบในมือแน่น สายตาของเขามองพ่อตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เพราะว่าตอนนี้ดวงตาของพ่อเขา มีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาเบิกเอาไว้อยู่
“พ่อจะรอลูกอยู่ที่บ้าน ตระกูลอุจิวะและโคโนฮะควรจะยุติเรื่องราวลงได้แล้ว” จากนั้นอุจิวะ ฟุกาคุก็ระเบิดออกกลายเป็นควัน
ปุ้ง!
“ร่างแยก?” อิทาจิถอนหายใจ “พ่อเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาแล้ว งั้นต่อไปคงเป็นการต่อสู้ระหว่างวิชาเนตรของฉันกับพ่อสินะ”
อิทาจิถอยไม่ได้อีกแล้ว เขาได้แต่มุ่งหน้าต่อไป สองเท้าพาเขาไปยังลานบ้านตัวเอง ภาพภายในลานดูคุ้นเคย มันเป็นที่ที่เขาใช้เวลาตอนเด็กกับพ่อแม่เขาอย่างมีความสุข
“อิทาจิ ทางนี้!” เมื่ออิทาจิเข้ามาในลานบ้าน เสียงของอุจิวะ ฟุกาคุก็ตะโกนออกมาจากภายในตัวบ้าน
เด็กหนุ่มลังเลนิดหน่อยและตรวจสอบให้แน่ใจก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน
“เข้ามาสิ ไม่มีกับดักอยู่หรอก” เสียงของฟุกาคุดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่ออิทาจิตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร เขาก็เปิดประตูเข้าไป ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจ เพราะว่าพ่อกับแม่ของเขากำลังนั่งคุกเข่าบนพื้น ราวกับกำลังรอการมาถึงของเขา
“อิทาจิ... นี่คือสิ่งที่ลูกเลือกสินะ” อุจิวะ ฟุกาคุไม่ได้มองหน้าอิทาจิ แต่น้ำเสียงของเขามีความสงบนิ่ง
“ใช่” อิทาจิพูดอะไรแทบไม่ออก คำตอบของเขาที่พูดออกไปก็ดูห้วน
เพียงได้ยินคำพูดธรรมดาของพ่อเขา ความเจ็บปวดในใจของอิทาจิก็กลายเป็นควบคุมไม่ได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว หากใครขวาง เขาก็จะฆ่าคนคนนั้น แต่วินาทีที่เขาเห็นพ่อกับแม่นั่งคุกเข่าตรงหน้า เขาก็รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไป เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของเขาเพียงคนเดียว
“พ่อ แม่ ผม...”
“แม่เข้าใจจ้ะอิทาจิ...” อุจิวะ มิโคโตะสังเกตเห็นความเจ็บปวดของลูกชายคนโตของเธอ เธอจึงเผยแววตาความสงสารออกมา
“มาเริ่มกันเถอะ เราไม่ต้องการฆ่าลูกกับมือตัวเอง” ฟุกาคุหลับตากล่าวอย่างสงบ
อิทาจิยกดาบในมือเขาขึ้นอย่างสั่นเทา แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำใจลงดาบได้
“อิทาจิ สัญญากับพ่อ เรื่องซาสึเกะ... ได้โปรดไว้ชีวิตของน้องด้วยเถอะ” อุจิวะ ฟุกาคุกล่าวขอร้องอิทาจิเป็นครั้งสุดท้าย
“ผม... ทราบแล้วครับพ่อ” ดวงตาของอิทาจิเต็มไปด้วยน้ำตา ความเจ็บปวด ความสิ้นหวังทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก แล้วตอนนี้เขาก็ไม่สามารถกวัดแกว่งดาบของเขาได้เลย
ฟุกาคุรู้สึกได้ถึงความลังเลของลูกชาย เขาก็กล่าวเสียงเข้ม “อย่าลังเล ความเจ็บปวดของเราเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของลูก... ถึงเราจะคิดต่างกัน แต่พวกเราก็ภาคภูมิใจในตัวลูกมากนะ อิทาจิ”
“อิทาจิ แม่รักลูกนะ” มิโคโตะยิ้มให้กับอิทาจิเป็นครั้งสุดท้าย
มันเป็นรอยยิ้มที่อิทาจิจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตนี้
“พ่อ แม่ ผมขอโทษครับ แล้วก็...” อิทาจิกัดฟัน “ขอบคุณครับ”
ในวินาทีนั้นเอง ดาบในมือของอิทาจิก็ตวัดลงมา เลือดของพ่อกับแม่ของเขาย้อมพื้นห้องจนเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นทุกสิ่งก็กลับสู่ความสงบ...
******************