บทที่ 39 เปลี่ยนแปลงสู่ขอบเขตผิวหนังหิน!
บทที่ 39 เปลี่ยนแปลงสู่ขอบเขตผิวหนังหิน!
ซื่อหวินมีพลังของวงแหวนอยู่ในร่าง
วงแหวนสีเขียวที่ใช้เพื่อเร่งความเร็วการฝึก
และวงแหวนสีแดงที่ใช้เพื่อทะลวงขีดจำกัด
วงแหวนสีเขียว ซื่อหวินได้ใช้ไปหลายครั้งแล้ว
เช่น วิชาดาบบิน ซื่อหวินก็อาศัยวงแหวนสีเขียวเพื่อเร่งความเร็วการฝึก จึงสามารถปาเข้าเป้าได้ทุกครั้งภายในระยะเวลาอันสั้น!
แต่วงแหวนสีแดงเพื่อทะลวงขีดจำกัด ซื่อหวินยังไม่เคยใช้เลย
แต่ตอนนี้ การฝึกผิวหนังของซื่อหวินได้ไปถึงขีดจำกัดแล้ว
ตัวเขาเองก็รู้สึกได้ถึงขีดจำกัดอย่างชัดเจน
ขีดจำกัดนั้นเหมือนกับภูเขาใหญ่ที่กดทับอยู่บนตัวของซื่อหวิน
ขีดจำกัดนี้มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้
แต่ซื่อหวินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันมีอยู่จริง
ถ้าไม่ทะลวงขีดจำกัดนี้ ก็ไม่มีทางทำให้ผิวหนังที่บาดเจ็บเปลี่ยนแปลงได้
"วู้มมม!"
เมื่อสัญลักษณ์การฝึกผิวถูกย้ายไปอยู่ในวงแหวนสีแดง
ทันใดนั้น ร่างกายของซื่อหวินก็เร่มสั่นสะเทือน
ในหัวของเขาไม่ได้มีข้อมูลใดๆปรากฏขึ้น
แต่ในร่างกายของเขากลับเหมือนมีอะไรระเบิดออกมา
กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
ซื่อหวินรู้สึกได้ว่าผิวหนังบนมือของเขาร้อนขึ้นเล็กน้อย
"นี่มัน..."
ซื่อหวินยกมือขึ้น
เดิมทีผิวหนังบนมือของเขามีสีดำและเป็นหนังด้านหนา
แต่ตอนนี้ มือของเขากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ผิวหนังของเขาราวกับกำลังถูกบีบอัด
ฝ่ามือที่เคยมีหนังด้านหนาตอนนี้กลับเล็กลง
และหนังที่ด้านก็เหมือนกับกำลังถูกบีบอัดเรื่อยๆ
จนกระทั่งไปถึงขีดจำกัด!
ในความรู้สึกนี้ ซื่อหวินรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่แตกสลายไป
ฝ่ามือของเขาไม่เพียงแต่เล็กลงเท่านั้น
แต่ผิวหนังบนมือทั้งสองข้างกลับมีประกายแสงบางอย่างปรากฎขึ้น
"ทะลวงสำเร็จแล้วรึ?"
"นี่น่ะรึ…ขอบเขตผิวหนังหิน?"
ซื่อหวินรู้สึกได้ว่ากระแสความอบอุ่นในมือหายไปอย่างรวดเร็ว
และวงแหวนทะลวงขีดจำกัดสีแดงก็กลายเป็นสีเทา
เห็นได้ชัดว่าเขาใช้วงแหวนสีแดงต่อไม่ได้แล้ว
ถ้าจะใช้ต่อ ก็คงต้องรอนาน
วงแหวนสีเขียวของเขาใช้เวลาเพียงสามวันก็กลับมาใช้ได้อีกครั้งแล้ว
แต่วงแหวนสีแดงคงจะต้องรอนานกว่านั้น
บางทีอาจจะสิบวัน หนึ่งเดือน สามเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น
ซื่อหวินเองก็ไม่รู้
เขาต้องรอกระทั่งวงแหวนสีแดงกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เขาถึงจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นฟูพลังแต่ละครั้ง
ซื่อหวินรู้สึกได้ว่ามือของเขาเปลี่ยนไป
แต่เปลี่ยนไปมากแค่ไหนหรือเปลี่ยนเป็นขอบเขตผิวหนังหินหรือยัง ซื่อหวินเองก็ไม่แน่ใจ
"ลองดูสักหน่อยก็แล้วกัน"
ซื่อหวินมองไปที่ใต้เตียงในห้อง
ใต้เตียงนั้น มีก้อนหินแข็งๆอยู่หลายก้อน
เขาใช้หินหนุนเตียงเพื่อไม่ให้เตียงที่ผุพังถล่มลง
ซื่อหวินเดินไปที่ก้อนหินแข็งๆเหล่านั้น
เขายื่นนิ้วชี้ไปและจิ้มลงบนก้อนหินอย่างแรง
"ตู้มม"
ก้อนหินนั้นเกิดเสียงขึ้น
นิ้วของซื่อหวินแค่รู้สึกสั่นเล็กน้อย
จากนั้น ซื่อหวินก็มองดูอย่างตั้งใจ
บนก้อนหินนั้น มีรอยนิ้วมือที่จิ้มลึกลงไปอย่างน้อยสองนิ้วปรากฏอยู่
ภาพนี้ทำให้ซื่อหวินถึงกับเบิกตากว้าง
ขอบเขตผิวหนังหิน!
นี่ต้องเป็นพลังของขอบเขตผิวหนังหินแน่ๆ!
ถ้าเป็นแค่ขีดจำกัดของการฝึกผิว จะไม่มีทางทิ้งรอยไว้บนก้อนหินที่แข็งขนาดนี้ได้
จากนั้น ซื่อหวินจึงลองจิ้มไปที่ผนังห้อง
"ซุ่บบ"
นิ้วของซื่อหวินทะลุเข้าไปในผนังห้องได้อย่างง่ายดาย
ผนังนี้เปราะบางราวกับกระดาษเมื่อเทียบกับนิ้วของเขา
ถึงแม้ว่าผนังจะทำจากอิฐดินเผาที่ไม่ได้แข็งมาก
แต่ต่อให้อิฐที่เผาด้วยไฟ เขาก็ยังสามารถจิ้มทะลุได้
ซื่อหวินรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ
จากการฝึกผิวสู่ขอบเขตผิวหนังหิน มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขนาดนี้เชียวหรือ?
ระดับฝึกผิว จริงๆแล้วก็ยังถือว่าปกติ
แค่ฝึกฝนเป็นเวลานานจนผิวหนังมีหนังที่ด้านหนาก็ทำให้ผิวหนังมีความเหนียวแน่นมากแล้ว
แต่เมื่อไปถึงขอบเขตผิวหนังหิน มันก็จะไม่ใช่แค่ความเหนียวแน่นธรรมดา
ตอนนี้นิ้วของซื่อหวินแทบจะเทียบเท่ากับอาวุธได้เลย!
เมื่อต้องสู้อย่างประชิดตัว ซื่อหวินแทบจะนึกไม่ออกว่าจะมีใครบ้างที่สามารถต้านทานนิ้วชี้ของนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตผิวหนังหินของโรงฝึกดัชนีทองได้!
ร่างกายที่ทำจากเลือดเนื้อธรรมดา
นักศิลปะการต่อสู้ของโรงฝึกดัชนีทองสามารถเข้าไปประชิดตัวแล้วจิ้มให้เป็นรูพรุนได้
มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ!
"นี่แหละ นักศิลปะการต่อสู้ นักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง!"
หัวใจของซื่อหวินเต้นแรง
โรงฝึกดัชนีทองไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเดียวเท่านั้น
แต่วิทยายุทธของโรงฝึกก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เหนือขอบเขตผิวหนังหินก็ยังมีขอบเขตที่แข็งแกร่งกว่าอีก
อย่างเช่นอาจารย์จินฝู
เขาใช้นิ้วทั้งห้านิ้วบีบค้อนหินให้แตกได้อย่างง่ายดาย
แม้แต่แผ่นเหล็กก็ยังต้านทานนิ้วของจินฝูไม่ได้
พลังระดับนั้นมันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ซื่อหวินเชื่อว่า ตราบใดที่เขาพยายามมากพอ
เมื่อรวมกับพลังของวงแหวนสีแดง เส้นทางวิทยายุทธของเขาจะต้องไปถึงจุดสูงสุดได้แน่นอน!
แต่ซื่อหวินก็กลับมาตั้งสติใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้เขาต้องการสถานะของนักศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะสถานะศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทอง
ไม่เช่นนั้น ถ้าหากเกิดเรื่องขัดแย้งกับตระกูลหวังขึ้นมา
แค่ขอบเขตผิวหนังหินของเขาตอนนี้ก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก
แม้ว่าจะใช้วิชาดาบบินด้วยก็ตาม
เพราะซื่อหวินไม่สามารถกระโดดข้ามกำแพงได้
เขาเป็นคนที่มีขาพิการ!
ถ้าหากถูกล้อม เขาก็คงหนีไปไหนไม่ได้
ดังนั้น สถานะศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทองจึงสำคัญที่สุด!
"พรุ่งนี้ข้าจะต้องไปที่โรงฝึกแล้ว..."
ซื่อหวินพึมพำกับตัวเอง
แค่ได้เป็นศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทอง ปัญหาทั้งหมดก็จะแก้ไขได้
...
ณ โรงฝึกดัชนีทอง
ในช่วงเช้าตรู่ เซี่ยเหอได้มาถึงลานด้านหลังของโรงฝึก
ช่วงนี้ มีศิษย์ฝึกหัดมาสมัครที่โรงฝึกดัชนีทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เซี่ยเหอจึงยุ่งมาก
เขาต้องมาโรงฝึกแต่เช้าทุกวัน
เขามีพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
ขอบเขตผิวหนังหินก็คงเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว
หากจะทะลวงไปอีกก็คงเป็นไปไม่ได้
ไม่อย่างงั้น ก็คงไม่ถูกส่งให้มาสอนศิษย์ฝึกหัดหรอก
ศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง ล้วนได้รับการสอนจากอาจารย์จินฝูโดยตรง
เซี่ยเหอมาถึงลานด้านหลัง
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ
ทันใดนั้น เซี่ยเหอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
แต่เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนี้ เซี่ยเหอกลับรู้สึกประหลาดใจ
"ซื่อหวินรึ? นี่เขายังกลับมาอีกรึเนี่ย?"
"หรือว่า เขายังไม่ยอมแพ้?"
"วันนี้ก็เป็นวันที่สิบแล้วที่เขาไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิว แต่ต่อให้พยายามต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์…."
"ถ้าหากไม่มีพรสวรรค์ก็คือคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ต่อให้ฝึกผิวต่อไปอีกหนึ่งเดือน หนึ่งปี ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ"
เซี่ยเหอส่ายหัว
ดูเหมือนว่าซื่อหวินจะยังไม่ยอมแพ้
เขาอยู่ในโรงฝึกดัชนีทองมานานหลายปีและได้เห็นคนแบบซื่อหวินที่ไม่ยอมแพ้มานับไม่ถ้วน
ทุกคนต่างคิดว่าความพยายามจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้และรอคอยปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้น
แต่สุดท้าย ทุกคนก็ต้องออกจากโรงฝึกไปด้วยความผิดหวัง
พวกเขาเสียเงินไปเปล่าๆ
เขาไม่อยากเห็นซื่อหวินอยู่ที่โรงฝึกต่อไปอย่างเสียเงินไปเปล่าๆโดยที่ทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์
ดังนั้น เซี่ยเหอจึงเดินไปหาซื่อหวิน
"ซื่อหวิน เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่อีกนะ"
"เจ้าควรจะเก็บเงินไว้แล้วกลับบ้านไปทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆดีกว่า อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอเลี้ยงชีพได้"
"เส้นทางวิทยายุทธสำหรับเจ้า…มันจบลงแล้ว!"
เสียงของเซี่ยเหอดังขึ้นด้านหลังซื่อหวิน..