ตอนที่แล้วบทที่ 37 ความลับของหลี่ฮ่วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 ก่อเรื่อง

บทที่ 38 หู่ซานเย่ผู้เสียใจ


บทที่ 38 หู่ซานเย่ผู้เสียใจ

ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเหยี่ยวเหินกับพรรคไผ่เขียวนั้นชัดเจน พรรคไผ่เขียวถูกโจมตีจนยับเยิน หมดสิ้นคุณสมบัติที่จะท้าทายพรรคเหยี่ยวเหินอีกต่อไป  ภายในพรรคจึงมีทั้งคนดีใจและคนโศกเศร้า

ผู้ที่ยิ่มเย้ยอย่างแน่นอนคือหัวหน้าพรรคซาเฟยอิง  และคนอื่นๆ การยึดครองเขตการค้าได้ถึงหนึ่งเขตครึ่งในครั้งเดียว เพียงพอสำหรับพรรคเหยี่ยวเหินที่จะใช้เวลาในการดูดซึมผลประโยชน์อยู่พักใหญ่

ส่วนผู้ที่โศกเศร้าก็คือ หู่ซานเย่!

สำหรับ ซูซิน บุตรบุญธรรมผู้นี้ หู่ซานเย่ในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะสามารถควบคุมเขาได้

ในแง่ของความสามารถส่วนบุคคล ซูซินมีผลงานการลอบสังหารไต้ชงเป็นเครื่องพิสูจน์

ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาในการต่อสู้กับหลัวเจิ้นแห่งพรรคไผ่เขียวยิ่งทำให้หู่ซานเย่ ผู้คร่ำหวอดในยุทธจักรเมืองฉางหนิงถึงกับตกตะลึง

พวกเขารู้เบื้องลึกของหลัวเจิ้นเป็นอย่างดี คนผู้นี้เคยฝึกฝนวิชากำลังภายในที่แท้จริง ซึ่งเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์แบบครึ่งๆ กลางๆ อย่างพวกเขาอยู่มาก

ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวเจิ้นเริ่มฝึกวิชาตอนอายุมาก ทำให้ความสำเร็จมีจำกัด พรรคไผ่เขียวเล็กๆ แห่งนี้คงไม่สามารถรองรับยอดฝีมือเช่นเขาได้

การที่ซูซินสามารถเอาชนะหลัวเจิ้นได้ในการต่อสู้ที่ยุติธรรม ย่อมเพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว

ในแง่ของอำนาจ ลูกน้องเกือบสองร้อยคนที่ฝึกฝนวิชากำลังภายในและวิทยายุทธ์ของซูซิน แม้จะเทียบกับศิษย์ของห้องโถงสงครามไม่ได้ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังมีลูกน้องทั่วไปอีกกว่าพันคน

ด้วยความหวาดระแวงในความแข็งแกร่งของซูซิน หลังจากที่รู้ว่าถังไท่เหอถูกทำให้พิการ หู่ซานเย่จึงอดทน ทำเป็นไม่รู้เรื่อง และไม่ได้ลงโทษอะไร

แต่ในวันนี้ เขาโกรธจนขว้างแก้วน้ำ

“ไอ้เด็กเวรนี่มันต้องการอะไรกันแน่!? มันยังมีความเคารพต่อผู้อาวุโสอยู่หรือไม่? ข้าเป็นบิดาบุญธรรมของมัน! เป็นหัวหน้าของมัน! มันยังอยากอยู่ในพรรคเหยี่ยวเหินอีกหรือเปล่า!”

หู่ซานเย่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับจะกินคน

อาจารย์หลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี

สิ่งที่ซูซินทำเมื่อวานนี้ เกือบทำให้หู่ซานเย่โกรธจนตาย

จริงๆ แล้ว เรื่องราวก็เรียบง่าย หลังจากที่ซูซินแสดงบทเรียนให้กับพ่อค้าในเขตหย่งเล่อ พวกเขาก็ยอมจำนนทันที ภายในสามวันก็ส่งเงินค่าคุ้มครองทั้งหมดมา

ซูซินนับดู มีเงินถึงหกหมื่นตำลึง ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าตกใจมาก

ตามหลักการแล้ว เงินจำนวนนี้ควรจะมอบให้หู่ซานเย่สองส่วนก่อน จากนั้นหู่ซานเย่จะแบ่งจากสองส่วนนี้อีกสองส่วนส่งให้พรรค

แต่ซูซินเกือบจะแตกหักกับหู่ซานเย่แล้ว ตอนนี้จะส่งเงินให้เขาทำไม?

ดังนั้น เขาจึงส่งเงินส่วนที่พรรคควรจะได้รับด้วยตนเอง ส่วนที่ควรจะเป็นของหู่ซานเย่ เขาไม่ได้พูดถึงแม้แต่น้อย

ผู้รับผิดชอบดูแลเงินคือ จวงหลี หัวหน้าห้องโถงการเงิน หลังจากที่เขาได้รับเงินค่าคุ้มครอง เขาก็บอกเรื่องนี้กับหู่ซานเย่ ทำให้หู่ซานเย่โกรธจนขว้างแก้วน้ำทันที

ซูซินข้ามหน้าเขาไปส่งเงินค่าคุ้มครองให้พรรคโดยตรง นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่สนใจบิดาบุญธรรมผู้นี้แล้ว เพราะเหตุนี้ หู่ซานเย่จะไม่โกรธได้อย่างไร ใช่ไหม?

“ไอ้บุตรทรพี ไอ้บัดซบจอมเนรคุณ! ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าควรจะตบมันตายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!” หู่ซานเย่ร้องตะโกนอย่างโกรธแค้น

ตอนนี้เขาเสียใจจริงๆ เสียใจที่ตอนนั้นเชื่อคำยุยงของซูซิน ไม่เพียงแต่ไม่ได้ลงโทษเขา ยังรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมอีก ผลลัพธ์คือตอนนี้เขากลายเป็นปัญหาใหญ่ที่กำจัดไม่ได้

ตอนนั้น ซูซินบอกว่า เฉินเต้าหมายปองตำแหน่งของเขา หู่ซานเย่ย่อมรู้เรื่องนี้ แม้ว่าซูซินจะไม่ได้ฆ่าเฉินเต้า หู่ซานเย่ก็จะหาโอกาสกำจัดเขาเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองอยู่ดี

การรับซูซินเป็นบุตรบุญธรรม หู่ซานเย่วางแผนที่จะเกษียณตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า ให้ซูซินขึ้นเป็นใหญ่ แล้วเขาจะอยู่เบื้องหลังเป็นเหมือนจักรพรรดิผู้อยู่หลังม่าน

แต่เขาก็คำนวณผิดไปอย่างหนึ่ง ซูซินไม่ใช่เฉินเต้า!

เฉินเต้าใช้เวลาถึงยี่สิบปีกว่าจะทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคาม แต่ซูซินใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนก็สามารถขึ้นมาเทียบเท่า หรือแม้กระทั่งแข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว!

หู่ซานเย่ในตอนนี้ยังไม่อยากเกษียณ เขายังอยากอยู่ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มเล็กต่อไป ดังนั้น เขาต้องกำจัดซูซิน!

“นายท่านหู่ ขอท่านใจเย็นๆ เถอะ ซูซินส่งเงินให้พรรคหมดแล้ว ท่านจะโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์”

อาจารย์หลี่ปลอบใจ แต่ในใจก็ถอนหายใจอย่างหนัก

หู่ซานเย่ในตอนนี้ขรามากแล้วจริงๆ

หู่ซานเย่ในอดีตมีนิสัยเย็นชาและเจ้าเล่ห์ เกือบจะสามารถเก็บอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เหมือนตอนนี้ ที่แค่ข่าวของซูซินก็ทำให้เขาโมโหได้ขนาดนี้

ในบรรดาหัวหน้ากลุ่มเล็กทั้งสิบสามคน แม้ว่าความแข็งแกร่งของหู่ซานเย่จะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาดที่สุด มีเพียงเขาเท่านั้นที่จ้างอาจารย์หลี่ ผู้สอบตกจากการเป็นบัณฑิต มาเป็นกุนซือที่ปรึกษา

แต่น่าเสียดาย หู่ซานเย่ผู้ชาญฉลาดกลับพลาดท่าเรื่องของซูซินอย่างสิ้นเชิง

ถ้าเขาสนับสนุนซูซินมาตลอด แม้ว่าซูซินจะขึ้นเป็นใหญ่ ซูซินก็น่าจะยังคงเคารพเขา ไม่เช่นนั้น ชื่อเสียงอันโด่งดังของซูซินในพรรคเหยี่ยวเหินก็จะกลายเป็นคำสาปแช่ง

อย่างน้อยที่สุด หากหู่ซานเย่ยังคงเงียบ ไม่สนับสนุนหรือปราบปราม ซูซินก็จะยังคงระลึกถึงบุญคุณของเขาอยู่

ท้ายที่สุดแล้ว ในตอนเริ่มต้น ซูซินก็อาศัยชื่อเสียงของหู่ซานเย่ในการตั้งหลักในพรรคเหยี่ยวเหิน

แต่ตอนนี้ หู่ซานเย่กลับแอบเล่นเกมสกปรก การประชุมพรรคครั้งที่แล้วก็ช่างมันเเเหละ แต่ครั้งนี้ ถังไท่เหอไปหาเรื่องซูซินจนถูกทำให้พิการ เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วพรรคเหยี่ยวเหิน ใครที่ไม่ใช่คนโง่ก็เดาเรื่องราวได้เกือบหมด

จริงๆ แล้ว อาจารย์หลี่ก็เคยเตือนหู่ซานเย่หลายครั้ง แต่หู่ซานเย่ที่เป็นผู้มีอำนาจในพรรคเหยี่ยวเหินมานานหลายปี เขาไม่เหลือความเฉลียวฉลาดเหมือนตอนหนุ่มอีกแล้ว กลายเป็นคนดื้อรั้นและหัวแข็ง

ในอดีต หากมีเรื่องอะไร ทั้งสองคนยังสามารถปรึกษาหารือกันได้ แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อาจารย์หลี่ทำได้แค่เสนอแนะ ส่วนจะใช้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหู่ซานเย่เอง

เห็นได้ชัดว่า ในเรื่องของซูซิน คำแนะนำของอาจารย์หลี่ถูกหู่ซานเย่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

หลังจากขว้างแก้วน้ำไปหลายใบ อารมณ์ของหู่ซานเย่ก็สงบลง

“อาจารย์หลี่ ท่านว่า ถ้าข้าเสนอให้หัวหน้าพรรคยึดพื้นที่ของซูซินกลับมาเป็นของพรรคจะเป็นอย่างไร? ตอนนี้เขามีทั้งเขตหย่งเล่อและถนนไคว่ฮั่วหลิน พื้นที่ของเขามากกว่าหัวหน้ากลุ่มเล็กสามคนรวมกันเสียอีก!” หู่ซานเย่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

อาจารย์หลี่รีบส่ายหน้า “นายท่านหู่ ท่านอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด หัวหน้าพรรคจะไม่เห็นด้วย

การแบ่งผลงานทางทหารเป็นหลักการสำคัญของพรรคเหยี่ยวเหิน หากเปลี่ยนแปลง พรรคทั้งหมดจะเกิดความวุ่นวาย”

ผลงานทางทหารสำคัญที่สุด นี่คือหลักการสำคัญของพรรคเหยี่ยวเหิน

ใครยึดครองพื้นที่ได้ พื้นที่นั้นก็เป็นของคนนั้น หากไม่สามารถรับประกันได้แม้แต่เรื่องนี้ ลูกน้องของพรรคเหยี่ยวเหินจะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน?

เมืองฉางหนิงมีสามพรรคสี่สมาคม ไม่จำเป็นต้องอยู่กับพรรคเหยี่ยวเหินเพียงพรรคเดียว หากเปิดช่องโหว่นี้ คาดว่าวันรุ่งขึ้น ลูกน้องส่วนใหญ่ที่รู้สึกสิ้นหวังก็จะไปเข้าร่วมกองกำลังอื่น

“นายท่านหู่ ไม่สู้เราเลิกต่อสู้กับซูซินดีกว่า ไม่ได้ประโยชน์อะไร แถมยังทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเราอีก” อาจารย์หลี่เสนออย่างระมัดระวัง

หู่ซานเย่พูดอย่างเย็นชา “ไม่ได้! ถ้าไม่ปราบซูซิน ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ซูซินข้ามหน้าข้าไปส่งเงินค่าคุ้มครองให้พรรค เป็นหัวหน้าห้องโถงจวงที่บอกข้า ถ้าเขาบอกข้าได้ คนอื่นก็รู้ได้เช่นกัน

ข้ารู้จักพวกนั้นดี พวกเขาต้องแอบหัวเราะเยาะข้าที่เลี้ยงบุตรบุญธรรมมาสองคน แต่กลับกลายเป็นปัญหาทั้งคู่!”

อาจารย์หลี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ได้ยินคนเข้ามารายงาน “นายท่านหู่ หัวหน้ากลุ่มเล็ก โหวทง มาเยี่ยมขอรับ”

“เขามาทำอะไร?”

อาจารย์หลี่และหู่ซานเย่ต่างก็ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยดี

ในบรรดาหัวหน้ากลุ่มเล็กสิบสามคนของพรรคเหยี่ยวเหิน หู่ซานเย่ไม่มีคนที่สนิทเป็นพิเศษ แต่คนที่ไม่ถูกกันมากที่สุด ย่มอเป็นโหวทงผู้นี้

จะพูดว่า ทุกคนในพรรคเหยี่ยวเหินต่างก็ไม่ชอบโหวทงก็ได้!

ในฐานะหัวหน้ากลุ่มเล็กของพรรคเหยี่ยวเหิน โหวทงมีตำแหน่งสูง แต่เขามีนิสัยที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง นั่นคือ… การพนัน

โหวทงเป็นนักพนันที่ไม่ดี เมื่อแพ้ เขาจะเหมือนนักพนันที่บ้าคลั่ง ไม่ยอมเลิกจนกว่าจะได้ทุนคืน

จริงๆ แล้ว รายได้ของหัวหน้ากลุ่มเล็กในพรรคเหยี่ยวเหินย่อมถือว่าไม่เลว เขตหย่งเล่อของซูซินเพียงเขตเดียวก็มีรายได้ถึงมากกว่าสามแสนตำลึง

ส่วนโหวทงดูแลเพียงหนึ่งในสี่ของเขตชางผิง แม้ว่าเงินค่าคุ้มครองจะกำหนดไว้ไม่สูงเท่าซูซิน แต่ก็มีเงินหลายหมื่นตำลึงต่อเดือน

เงินเหล่านี้นอกจากจะส่งให้พรรค และหักส่วนที่แบ่งให้ลูกน้องแล้ว เงินที่เหลือก็เพียงพอสำหรับโหวทงที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

แต่โหวทงกลับเอาเงินเหล่านี้ไปเล่นการพนัน บวกกับโชคของเขาไม่ค่อยดี เงินเหล่านี้ก็ถูกเขาผลาญไปภายในเวลาไม่กี่วัน

เมื่อไม่มีเงิน โหวทงก็เริ่มเบี้ยวหนี้ ทำให้เจ้าของบ่อนพนันไม่อยากทำธุรกิจกับเขาอีกต่อไป

เมื่อเขาไม่มีเงินจริงๆ เขาก็เริ่มยืมเงินจากหู่ซานเย่และหัวหน้ากลุ่มเล็กคนอื่นๆ ผลลัพธ์ก็คือ ยืมแล้วไม่คืน!

ในที่สุด ชื่อเสียงของโหวทงก็เสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครอยากจะให้เขายืมเงิน แม้กระทั่งการขอเงินจากคนอื่น เขาก็ต้องตื๊อเท่านั้นถึงจะได้

สำหรับคนแบบนี้ หู่ซานเย่ไม่ต้องการติดต่อด้วย แน่นอน เขาจึงคิดจะสั่งให้ลูกน้องปฏิเสธไปว่าเขาไม่อยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงดังก้องกังวานมาจากในลานบ้าน

“ฮ่าๆๆๆ! หู่ซานเย่! ได้ยินมาว่าเจ้าโดนบุตรบุญธรรมคนใหม่ที่เพิ่งรับมาหักหลัง เขาส่งเงินค่าคุ้มครองให้พรรคโดยตรง ไม่สนใจเจ้าเลย เรื่องจริงหรือเปล่า?”

ชายวัยกลางคนที่มีอายุอ่อนกว่าหู่ซานเย่เล็กน้อยเดินเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้คนแจ้ง หัวเราะเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจ

มองโหวทงที่เดินเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต หู่ซานเย่พูดอย่างเย็นชา “เจ้ามาทำบ้าอะไร?”

โหวทงเล่นกับถ้วยชาบนโต๊ะ พูดอย่างเฉื่อยชา “ก็มาขอยืมเงินเจ้านิดหน่อยไง รอข้าพลิกเกมได้แล้ว จะคืนให้เจ้าเป็นสองเท่า”

หู่ซานเย่หัวเราะเยาะ “คำนี้เจ้าพูดมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว อย่าฝันไปเลย ที่นี่ไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว”

นึกถึงคำพูดของโหวทงเมื่อกี้ หู่ซานเย่ก็โกรธอย่างมาก

เจ้ามาขอยืมเงิน แต่กลับเข้ามาเยาะเย้ยข้า ไม่ไล่เจ้าออกไปก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังอยากจะยืมเงินอีก?

โหวทงยิ้มแห้งๆ “หู่ซานเย่ อย่าใจร้อนสิ ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาขอเปล่าๆ เอาอย่างนี้ ข้าช่วยเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าให้ข้ายืมเงินหน่อย เป็นไง?”

“เจ้าจะช่วยข้าเรื่องอะไรได้?” หู่ซานเย่มองหัวหน้ากลุ่มเล็กที่อยู่อันดับเกือบท้ายสุดคนนี้ด้วยความดูถูก

มุมปากของโหวทงเผยรอยยิ้ม “เรื่องใหญ่อย่างเช่น ช่วยเจ้าจัดการกับบุตรบุญธรรมที่ไม่เชื่อฟังอย่างซูซิน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด