บทที่ 37 ความลับของหลี่ฮ่วย
บทที่ 37 ความลับของหลี่ฮ่วย
สำหรับบางคน การพูดเหตุผลกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์เท่ากับการใช้กำลัง
พ่อค้าในเขตหย่งเล่อก็เป็นแบบนี้
เพราะมีบทเรียนจากคนก่อนหน้า พวกเขาจึงไม่กล้าบ่นอะไรอีก ต่างก็ยอมรับข้อเรียกร้องเงินรายเดือนห้าสิบตำลึงอย่างว่าง่าย
ส่วนที่ซูซินพูดทิ้งท้ายไว้ว่า จะลงโทษลูกน้องที่รีดไถพ่อค้าอย่างหนัก พ่อค้าหลายคนก็แอบเบะปาก
สุนัขเลิกกินอาจมได้ นั่นถึงจะแปลก!
หลังจากไล่พ่อค้าเหล่านั้นออกไป ซูซินก็ประเมินเงินรายเดือนที่เขาจะได้รับ อาจจะสูงถึงหกหมื่นตำลึง!
พ่อค้าในเขตหย่งเล่อมีมากกว่าหนึ่งพันคน แม้ว่าจะหักร้านค้าเล็กๆ ที่ไม่สามารถจ่ายเงินรายเดือนได้ออกไป รายได้ที่ได้รับก็มากพอแล้ว
ตอนที่พรรคไผ่เขียวยังอยู่ พวกนั้นก็ดูดเลือดอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่ร้านขายอาหารเช้า พวกเขาก็ยังกล้าเก็บเงินไม่กี่เหรียญ
แต่หลังจากที่ซูซินเข้ามาดูแลเขตหย่งเล่อ กฎเหล่านี้ก็ถูกยกเลิกโดยหวงปิ่งเฉิง
เพื่อเงินไม่กี่เหรียญ ยังกล้าไปรีดไถชาวบ้านที่ลำบาก ซูซินไม่กล้าทำแบบนั้น
“เฒ่าหวง เรียกพี่น้องเก่าๆ มาให้หมด ตอนนี้ลูกน้องของพวกเรามีเยอะแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องส่งคนไปจัดการบ้าง”
ตอนนี้ลูกน้องของซูซินมีมากกว่าหนึ่งพันคน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มเล็ก แต่ก็มีลูกน้องมากกว่าหัวหน้ากลุ่มเล็กบางคน จำเป็นต้องเลื่อนตำแหน่งหัวหน้าระดับล่างแล้ว
ลูกน้องมากกว่าสองร้อยคนที่ติดตามซูซินตั้งแต่แรก ต่างก็มารวมตัวกัน ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับข่าวแล้ว รู้ว่าหัวหน้าต้องการเลื่อนตำแหน่งลูกน้อง
“ก่อนที่จะตีเขตหย่งเล่อ ข้าเคยบอกพวกเจ้าแล้วว่า ถ้าอยากจะกินเนื้อ อยากจะร่ำรวย ก็ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง!
การต่อสู้ครั้งนี้ พวกเจ้าทำได้ดีมาก ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเลื่อนตำแหน่งสิบคนเป็นไป๋จ่าง ดูแลคนร้อยคน และไป๋จ่างแต่ละคนจะมีซือจ่างสิบคน ดูแลลูกน้องสิบคน”
จริงๆ แล้ว ตำแหน่งไป๋จ่างและซือจ่างที่ซูซินตั้งขึ้น เป็นตำแหน่งในกองทัพ ร้อยคนเป็นหนึ่งกองร้อย สิบคนเป็นหนึ่งหมู่
เขาเป็นแค่คนในพรรค ใช้ตำแหน่งในกองทัพย่อมดูแปลกๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก
ตอนนี้ตำแหน่งของซูซินก็แค่หัวหน้ากลุ่มย่อย จะให้เขาเลื่อนตำแหน่งลูกน้องเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยได้อย่างไร? นั่นไม่ใช่การสร้างความวุ่นวายหรอกเหรอ?
แต่ลูกน้องข้างล่างไม่สนใจเรื่องตำแหน่ง ขอแค่มีอำนาจที่แท้จริงก็พอแล้ว
ตามการจัดสรรของซูซิน พวกเขาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นไป๋จ่างและซือจ่าง
หวงปิ่งเฉิงมองซูซินด้วยความคาดหวัง ลูกน้องของเขามีตำแหน่งกันหมดแล้ว ตอนนี้ถึงตาเขาแล้วใช่ไหม?
ซูซินพูดต่อว่า “การจกดการเรื่องราวทั้งหมดในสำนักงาน และการเลื่อนตำแหน่งของซือจ่าง จะให้หวงปิ่งเฉิงเป็นคนดูแล ส่วนหลี่ฮ่วยจะดูแลเรื่องการลงโทษ
กฎของถนนไคว่ฮั่วหลิน จะใช้ในเขตหย่งเล่อเช่นกัน พวกเจ้าล้วนเป็นคนเก่าแก่ที่ติดตามข้าซูซิน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้ มีพวกเจ้าคอยควบคุมคนใหม่ ข้าถึงสบายใจได้”
ลูกน้องข้างล่างต่างก็รู้สึกหวาดกลัว พวกเขาไม่ลืมการลงโทษด้วยไม้หลายสิบครั้งที่ซูซินเคยทำในถนนไคว่ฮั่วหลิน
เทียบกับเงินเดือนรายเดือนสิบตำลึงที่ซูซินให้ การเอาเปรียบพ่อค้าเล็กๆ น้อยๆ จะสำคัญอะไร?
ไม่มีใครโง่ ทำเรื่องโง่ๆ ที่ได้ไม่คุ้มเสีย แม้แต่ลูกน้องที่ไม่รู้หนังสือก็ไม่ทำ
ยิ่งกว่านั้น คนที่ดูแลเรื่องการลงโทษคือหลี่ฮ่วย คนหน้าบึ้งคนนั้น!
ตอนที่อยู่ที่ถนนไคว่ฮั่วหลิน พวกเขาถูกหลี่ฮ่วยฝึกฝนจนมีปมในใจ
คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะพูดคุยด้วยง่ายๆ ถ้าตกอยู่ในมือเขา ผลลัพธ์ก็คงจะไม่ดี
“เอาล่ะ ข้าพูดแค่นี้ ต่อไปให้เฒ่าหวงประกาศรายชื่อไป๋จ่างและซือจ่าง” ซูซินโบกมือ หวงปิ่งเฉิงก็รีบขึ้นมาประกาศรายชื่อ
รายชื่อไป๋จ่างถูกกำหนดไว้แล้วโดยซูซินและหวงปิ่งเฉิง
การต่อสู้ที่แท้จริงสามารถแสดงให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือความสามารถ
สิบคนนี้คือคนที่โดดเด่นที่สุดในการต่อสู้ครั้งนั้น
ในสิบคนนี้ มีหลี่ชิงอยู่ด้วย คนผู้นี้ซูซินตั้งใจจะฝึกฝนเป็นพิเศษ
ความแข็งแกร่งของหลี่ชิงอาจจะไม่ติดหนึ่งในสามของลูกน้องทั้งหมด แต่เขาเป็นคนฉลาดและมีน้ำใจ ซูซินก็ยินดีที่จะฝึกฝนคนแบบนี้
ส่วนรายชื่อซือจ่าง ซูซินไม่ได้เข้าไปยุ่ง ให้หวงปิ่งเฉิงเป็นคนจัดการทั้งหมด
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซูซินไม่เคยคิดที่จะเก็บไว้ในมือตัวเอง แบบนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองยุ่ง แต่ยังทำให้ตัวเองดูเป็นคนใจแคบ
หวงปิ่งเฉิงทำงานได้ดีในช่วงนี้ อำนาจเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับ
หลังจากจัดสรรอำนาจเสร็จ ซูซินก็พูดเสียงดังว่า “เพื่อฉลองที่พวกเราตีเขตหย่งเล่อได้ วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่จุ้ยเยว่โหลวในถนนไคว่ฮั่วหลิน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกจากสำนักงาน พวกเจ้าแค่สนุกให้เต็มที่ก็พอ!”
“ขอบคุณหัวหน้า!”
ลูกน้องข้างล่างต่างก็ตื่นเต้น โห่ร้องออกมา
จุ้ยเยว่โหลวในถนนไคว่ฮั่วหลิน เป็นสถานที่ที่พวกเขาเคยได้แต่มองจากข้างนอก สถานที่แบบนี้ พวกเขาไม่มีปัญญาเข้าไป
แม้ว่าซูซินจะให้เงินเดือนรายเดือนสิบตำลึง แต่เงินจำนวนนี้ในจุ้ยเยว่โหลว ทำได้แค่สั่งสุราดีๆ สักหนึ่งขวด แม้แต่จะจับมือสาวๆ ก็ยังทำไม่ได้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาบางคนเก็บเงินไม่อยู่ พอได้เงินเดือน ก็แค่ไปหาความสุขที่หอนางโลมเล็กๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ไปจุ้ยเยว่โหลว ถือว่าคุ้มค่ามากจริงๆ
หวงปิ่งเฉิงดึงซูซินเบาๆ พูดเบาๆ ว่า “หัวหน้า การจองจุ้ยเยว่โหลวหนึ่งวัน อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหลายพันตำลึง พวกเราทำแบบนี้ไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยเหรอ?”
ตอนนี้เขาเป็นคนดูแลเรื่องการเงิน คนจนๆ อย่างเขา เห็นซูซินใช้เงินแบบนี้ เขาก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้
ซูซินยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องใช้เงินของพวกเราสักเหรียญ นี่เป็นการสนับสนุนจากเถ้าแก่หลิวของจุ้ยเยว่โหลว”
“เขาใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวงปิ่งเฉิงสงสัย
พ่อค้าพวกนี้ล้วนเป็นคนขี้เหนียว การเก็บเงินรายเดือนห้าสิบตำลึงจากพวกเขา ยังราวกับจะฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัว ตอนนี้กลับให้พวกเขาไปเที่ยวหอนางโลมฟรีๆ เนี้ยนะ?
“อย่ามองพ่อค้าเหล่านี้เป็นคนโง่ คนที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ มีสักกี่คนที่โง่กัน? เถ้าแก่หลิวผู้นี้เป็นคนฉลาด” ซูซินยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อวาน เถ้าแก่หลิวมาหาซูซินด้วยตัวเอง เพื่อพูดเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ขออะไรจากซูซิน
ต่างก็เป็นคนฉลาด ซูซินก็พอจะเดาความหมายของเถ้าแก่หลิวได้ เขาคงอยากจะเปิดสาขาของจุ้ยเยว่โหลวในเขตหย่งเล่อ
หอนางโลมแบบนี้ ไม่ได้แข่งกันที่ปริมาณ แต่แข่งกันที่คุณภาพ!
จุ้ยเยว่โหลวเคยเป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางหนิง บวกกับคำแนะนำของซูซิน คุณภาพก็ไม่ต้องพูดถึง
แต่ถ้าเขาอยากจะเปิดในเขตหย่งเล่อ แน่นอนว่าจะต้องถูกศัตรูจากหอนางโลมอื่นๆ ในเขตหย่งเล่อ แม้แต่ถูกกลั่นแกล้งลับหลัง
เพราะไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาแย่งชิงผลประโยชน์ของตัวเอง
ตอนนี้เถ้าแก่หลิวก็ต้องพึ่งพาซูซิน มีบุญคุณแบบนี้อยู่ ถ้าเถ้าแก่หลิวเจอปัญหาอะไร ก็แค่ซูซินพูดคำเดียวก็จบ
คิดในระยะยาว การที่เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อเอาใจซูซิน ถือว่าคุ้มค่ามาก!
ตอนนี้ลูกน้องข้างล่างต่างก็วิ่งไปที่ถนนไคว่ฮั่วหลิน กลัวว่าไปช้าจะไม่ได้สาวๆ สวยๆ ซูซินไม่ได้คิดจะไปด้วย เขาตั้งใจจะกลับบ้าน
ซูซินไม่ใช่คนไม่ชอบผู้หญิง เพียงแต่เขามีมาตรฐานสูง
ในชาติที่แล้ว เขาก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงิน แต่ไม่เคยใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาทางเพศ
แม้แต่จะไปเที่ยวผับ เขาก็ต้องดูหน้าตาสาวๆ ก่อนตัดสินใจ
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขาอยู่ในโลกแห่งยุทธภพ ซูซินยอมใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนดีกว่า
แต่พอหันหลังกลับไป เขาก็เห็นว่าหลี่ฮ่วยไม่ได้ไปด้วย
“ทำไมไม่ไปเที่ยวกับคนอื่นๆ เจ้าไปที่จุ้ยเยว่โหลว เถ้าแก่หลิวคงจะให้สาวๆ สวยๆ กับเจ้าแน่ๆ” ซูซินพูดติดตลก
“ขอโทษ หัวหน้า ข้าเหนื่อยหน่อย” สีหน้าของหลี่ฮ่วยไม่ค่อยดี พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ซูซินขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ
สภาพของหลี่ฮ่วยตอนนี้แปลกๆ ปกติเขาเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยพูด แต่เพราะนิสัยเขาเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้หลี่ฮ่วยดูเหมือนอารมณ์ไม่ดี
ซูซินดึงหวงปิ่งเฉิงที่กำลังจะวิ่งไปที่เซิ่งหลงโหลวไว้ ถามว่า “หลี่ฮ่วยเป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
หวงปิ่งเฉิงเกาหัวด้วยความสงสัย “ไม่มีนะ สองสามวันนี้เขาก็ปกติดี”
พูดถึงตรงนี้ หวงปิ่งเฉิงก็นึกอะไรขึ้นได้ พูดเบาๆ ว่า “ข้าพอจะรู้แล้ว เรื่องวันนี้อาจจะไปสะกิดแผลในใจของหลี่ฮ่วย”
“แผลในใจอะไร? อย่าอ้ำอึ้ง”
หวงปิ่งเฉิงดึงซูซินไปที่มุมหนึ่ง จึงพูดว่า “ข้าก็ได้ยินคนอื่นพูดมา หลี่ฮ่วยเคยต่อสู้กับคนอื่น แล้วบาดเจ็บที่หว่างขา ทำให้เขาเป็นแบบนั้น
ก่อนหน้านี้ นิสัยเขาแม้จะเก็บตัว แต่ก็ไม่เหมือนตอนนี้ พอต่อสู้ก็เหมือนคนบ้า ชอบความรุนแรง
หลังจากเรื่องนั้น เขาก็กลายเป็นแบบนี้ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิง แต่ในฐานะผู้ชาย เจอเรื่องแบบนั้น ไม่บ้าก็แปลก หลี่ฮ่วย ณ ปัจจุบัญนี้ ย่อมถือว่าดีกว่าแต่ก่อนแล้ว”
“เอาล่ะ เจ้าไปเที่ยวเถอะ” ซูซินพูด
“หัวหน้า ท่านไม่ไปเหรอ?”
ซูซินส่ายหน้า สายตาของหวงปิ่งเฉิงมองไปที่หว่างขาของซูซินอย่างลับๆ หัวหน้าก็เป็นแบบนั้นเหรอ?
“มองอะไร? ไสหัวไป!” ซูซินด่าหวงปิ่งเฉิงไปหนึ่งที ไล่เขาออกไป แต่ตัวเองก็นึกอะไรขึ้นได้
เขาเปิดประตูห้องเดี่ยวในสำนักงาน หลี่ฮ่วยกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียง
เห็นซูซินเข้ามา หลี่ฮ่วยก็พูดว่า “หัวหน้า พวกเจ้าไปเที่ยวเถอะ ข้าไม่สนใจผู้หญิง มีเวลาว่างก็ฝึกฝนดีกว่า ข้ารู้สึกว่าข้าใกล้จะเปิดจุดชีพจรที่สามสิบแล้ว”
ซูซินไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นตำราเล่มหนึ่งให้หลี่ฮ่วย
“วิชากระบี่เล่มนี้ ข้าคิดว่าเหมาะกับเจ้ามากกว่า”
บนหตำราเล่มนั้นมีตัวอักษรอยู่สี่ตัว 《คัมภีร์กระบี่ปราบมาร》!(พีเซี่ยเจี้ยนปู้)
ซูซินไม่ได้พูดอะไร หันหลังเดินจากไป
การบาดเจ็บที่หว่างขา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจของหลี่ฮ่วยมาก แต่ก็ไม่ได้ทำลายเขา ดังนั้น ซูซินจึงไม่ได้ปลอบใจ ยิ่งกว่านั้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร
หลี่ฮ่วยสามารถเปลี่ยนความเจ็บปวดนี้เป็นความปรารถนาในวิถียุทธ และความกระหายในการต่อสู้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ
เทียบกับหลินผิงจือ(ลิ้มเพ้งจื้อ) หลี่ฮ่วยเหมาะสมกับวิชากระบี่ปราบมารมากกว่า