บทที่ 179 ปีศาจหลัวเฉิง
หลัวเฉิงยามนี้คุกรุ่นไปด้วยโทสะ จึงใช้กระบี่ฟันแขนขวาของหลินจินไท่จนขาดกระเด็น แววตาเยือกเย็นจับจ้องหลินจินไท่แล้วตวาดเสียงแข็งกร้าว
“บอกมา! ผู้ใดเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้า!”
เขาและหลินจินไท่เคยพบกันแค่ครั้งเดียว และไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะรู้ภูมิหลังของเขาเช่นนี้!
หลินจินไท่เจ็บปวดจนใบหน้าซีดเผือด มือข้างหนึ่งกดที่แขนแน่น ดวงตาแดงก่ำจ้องหลัวเฉิงด้วยความโกรธ แล้วเปิดปากตะคอก
“สวะเยี่ยงเจ้ากล้าทำร้ายข้า! ชีวิตเจ้าจบสิ้นแล้ว! ไม่มีผู้ใดสามารถยื่นมือเข้าช่วยเจ้าได้อีก! รอให้ข้ากลับไปก่อนเถอะ....”
แววตาของหลินจินไท่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันรุนแรง
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาและการมีผู้อาวุโสเหอเป็นที่พึ่ง ตั้งแต่เข้ามาในสำนักซวนหยวน เขายังไม่เคยประสบความน่าอับอายเช่นนี้มาก่อน ทว่าวันนี้หลัวเฉิงกลับกล้าตัดแขนของเขา! ความโกรธแค้นที่ปะทุในใจทำให้เขาเกือบคลั่ง!
ฉัวะ!
ทันใดประกายแสงกระบี่วาวก็วูบวาบ แขนซ้ายหลินจินไท่ก็ถูกฟันขาดอย่างทันตา พร้อมกับเลือดสาดกระเซ็น
อ๊าก!
หลินจินไท่เจ็บปวดจนถึงขีดสุดพานให้เกือบสิ้นสติ ชักดิ้นกับพื้นไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน
ทุกคนที่เป็นเหตุการณ์นั้นต่างแสดงความตื่นตระหนก แววตาส่องประกายความไม่อยากจะเชื่อ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก
ทั้งสองเพิ่งประมือกันได้ไม่ถึงสองกระบวนท่า แต่ทว่าหลินจินไท่กลับถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส!
หลินจินไท่เป็นถึงหนึ่งในสิบตัวเต็ง แต่กลับถูกผู้มีวิญญาณยุทธ์ขยะทำร้ายจนสิ้นสภาพอย่างง่ายดาย!
“กลับไปงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงจ้องหลินจินไท่ ทันใดก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ข้าว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสกลับไปแล้ว!”
“เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงของหลัวเฉิง หลินจินไท่ก็พลันสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว ใช้สองเท้ายันพื้นพยายามถอยร่างหนี
ฉึก!
หลัวเฉิงไม่ให้เวลาเขาได้ไตร่ตรอง ชั่วพริบตาเขาก็แทงกระบี่ใส่ขาของหลินจินไท่จนทะลุ
อ๊าก!
หลินจินไท่ครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ในสายตาของหลินจินไท่ยามนี้ หลัวเฉิงไม่ต่างอันใดจากปีศาจกระหายเลือด!
เมื่อเห็นหลัวเฉิงยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง จิตใจที่มั่นคงดั่งขุนเขาของหลินจินไท่ท้ายที่สุดก็พังทลายลง หยาดน้ำตาเอ่อล้นนองหน้าอย่างน่าเวทนา
“บอกแล้ว! ข้ายอมบอกแล้ว! เป็นศิษย์ฝ่ายนอกหลินหานคง! เรื่องราวของเจ้าพวกเราได้ยินมาจากเขา! และคนที่ต้องการชีวิตเจ้าก็เป็นเขา! ก่อนการทดสอบชิงอวิ๋นจะเริ่มขึ้น เขามาพบผู้อาวุโสเหอ โดยเจตนาเขาต้องการจะให้เจ้าตายบนเกาะแห่งนี้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั่นต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเรื่องราวมันจะลึกซึ้งมากถึงเพียงนี้
“หลินหานคง!”
แววตาหลัวเฉิงทอประกายแสงเยือกเย็นพร้อมแผ่จิตสังหารอันรุนแรงออกมา
ตัวเขาเองก็คาดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นชายผู้นี้
แต่ว่า เพียงแค่หลินหานคงคนเดียว ไหนเลยจะมีอำนาจสั่งการเช่นนี้ได้!
ผู้ที่สามารถสั่งให้ผู้อาวุโสเหอยอมทำตามได้เช่นนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
องค์ชายลำดับแปดแห่งราชวงศ์ต้าเยว่และดำรงตำแหน่งศิษย์หลัก จินหมิน!
“หลัวเฉิง พวกเราทั้งสองเพียงมีเรื่องบาดหมางกันเล็กน้อยเท่านั้น เราต่างไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกัน สิ่งที่ข้าต้องบอกก็ได้บอกไปหมดแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยข้าไปเถอะ…”
หลินจินไท่วอนขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนึ่งในสิบตัวเต็ง จั่วฉางซานซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับหลินจินไท่ เห็นท่าทางน่าเวทนาเช่นนั้นจึงอดเปิดปากมิได้
“หลัวเฉิงการมีความเมตตาต่อผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งดี ตอนนี้หลินจินไท่ก็ถูกทำให้พิการไปแล้ว เช่นนั้นก็เพียงพอแต่เท่านี้เถิด!”
หลัวเฉิงไม่แยแสต่อวาจานั้น เขาจ้องหลินจินไท่แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “หากเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงปล่อยเจ้าไปแล้ว แต่น่าเสียดาย เจ้ากล่าววาจาล่วงข้ามากไป!”
“คนเราต้องรู้จักรับผิดชอบต่อวาจาและการกระทำของตนเอง!”
สิ้นเสียง หลัวเฉิงก็ยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง
ฉัวะ!
ประกายแสงกระบี่สาดวาบ พร้อมเลือดกระเซ็น
คางและปากของหลินจินไท่ถูกฟันจนแยกออกจากกัน ความเจ็บปวดอันรุนแรงถาโถมเข้าใส่ทำให้ร่างกายเขาชักกระตุก น้ำตาไหลพราก แต่ปากกลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า หลัวเฉิงที่อายุเพียงเท่านี้กลับมีการกระทำเด็ดขาดยิ่งนัก ความอำมหิตเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับปีศาจที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตา!