บทที่ 126 วิถีแห่งดาบ ก็ยังมีศัตรู
หลายคนไม่รู้ว่า "ทูตมังกรศึก" หมายถึงอะไร? ความหมายของมันไม่ธรรมดา แม้แต่นักรบระดับปรมาจารย์พิภพก็ยังต้องเคารพยำเกรง!
ทุกคนต่างมองรองเจ้าสำนักสำนักสามศาตราด้วยความสงสัยต่อคำว่า "ทูตมังกรศึก" ซึ่งไม่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา หากมันถูกบันทึกในคัมภีร์โบราณ ย่อมแสดงถึงความมีชื่อเสียงที่ไม่ธรรมดา
รองเจ้าสำนักสำนักสามศาตรากล่าวว่า “เผ่ามังกรเป็นหนึ่งในเผ่าที่ลึกลับที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ในจักรวรรดิหยกลัน มังกรปีก มังกรโหด มังกรดิน มังกรนาค มังกรอิ้ง มังกรลี่...ต่างก็ไม่ถือเป็นเผ่ามังกรแท้จริง พวกมันเป็นเพียงลูกหลานของมังกรแท้ เลือดมังกรในตัวพวกมันเจือจางมากแล้ว”
“มังกรแท้จริงอาศัยอยู่ในมหาสมุทรและทะเลลึก มีพลังรบที่ทรงพลังยิ่งนัก นักรบระดับปรมาจารย์พิภพไม่มีทางปราบพวกมันได้ และยิ่งไม่มีทางทำให้มันเป็นพาหนะของตนได้ ในเผ่ามังกร มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดถูกเรียกว่า 'จ้าวมังกรเทพ' มันเป็นจ้าวของเผ่ามังกรทั้งหมด แม้แต่มังกรเทพก็ต้องฟังคำสั่งของมัน”
“จ้าวมังกรเทพมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น มันอยู่ในตำแหน่งสูงสุด เมื่อจ้าวมังกรเทพเก่ากำลังจะสิ้นอายุขัย วิญญาณมังกรนับพันหมื่นจะบินออกจากร่างของมัน กระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล โลก และสวรรค์”
“ทุกวิญญาณมังกรหนึ่งสายจะก่อกำเนิดมังกรหนึ่งตัว และมังกรแต่ละตัวจะมีผู้พิทักษ์หนึ่งคน ผู้พิทักษ์จะร่วมต่อสู้ไปกับมังกร หากมังกรตัวใดสามารถเอาชนะมังกรตัวอื่น ๆ ได้ มังกรตัวนั้นก็จะกลายเป็น 'จ้าวมังกรเทพ' ตัวใหม่ ควบคุมเผ่ามังกรทั้งหมด และผู้ที่ร่วมต่อสู้กับมังกรจนถึงที่สุดจะถูกเรียกว่า 'ทูตมังกรศึก' ซึ่งเป็นผู้ที่ปกป้องและนำพามังกรให้กลายเป็นจ้าวมังกรเทพ”
“นักรบมังกรในจักรวรรดิหยกลัน ไม่สามารถรวมร่างกับมังกรได้ พวกเขาทำได้แค่ใช้มังกรเป็นพาหนะในการต่อสู้เท่านั้น แต่ทูตมังกรศึกกลับสามารถรวมร่างกับมังกรได้ ปลุกพลังการต่อสู้อันมหาศาล ซึ่งตอนนี้สภาพของหนิงเสี่ยวชวนก็มีความคล้ายคลึงกับทูตมังกรศึกในตำนานมาก”
“ในตำนานกล่าวว่า ทูตมังกรศึกและมังกรอ่อนแอที่ร่วมสู้กันมีพลังที่จะสังหารเทพเจ้าได้ หากมังกรน้อยสีแดงนั้นเกิดจากวิญญาณของจ้าวมังกรเทพจริงๆ นั่นหมายความว่าจ้าวมังกรเทพกำลังจะสิ้นชีพหรือไม่? การเปลี่ยนแปลงของจ้าวมังกรเทพทุกครั้งมักจะนำมาซึ่งความวุ่นวาย และทำให้ทั่วทั้งสวรรค์และโลกต้องปั่นป่วน หรือว่ายุคสมัยแห่งความโกลาหลกำลังจะมาเยือน?”
คำพูดของรองเจ้าสำนักสำนักสามศาตรานั้นเปรียบเสมือนเรื่องเล่าในตำนานฟังดูเลือนลาง ไม่เหมือนกับความจริง แต่เหมือนกับเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมากกว่า
ในสายตาของนักรบที่อยู่ในเหตุการณ์ มังกรปีก มังกรนาค และมังกรโหดก็ถือว่าแข็งแกร่งถึงขีดสุดแล้ว สามารถโค่นล้มภูเขา ตัดแม่น้ำ และเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของสงครามได้ หากพวกมันเป็นเพียงลูกหลานของมังกรแท้จริง แล้วมังกรแท้จริงจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
รองเจ้าสำนักสำนักสามศาตาหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่าที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ ข้าเองก็ไม่เคยเห็นมังกรแท้จริงหรือทูตมังกรศึกมาก่อน เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าเรื่องเหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่ เรื่องเล่าในตำนานก็ให้ทุกท่านรับฟังเป็นเรื่องราวเพลิน ๆ ก็พอแล้ว”
“เฮอะ!”
หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก คำพูดของรองเจ้าสำนักสำนักสามศาตราทำให้พวกเขาตกใจไม่น้อย หากทูตมังกรศึกแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น คงสามารถทำลายแผ่นดินทั้งหมดของจักรวรรดิหยกลันได้ด้วยหมัดเดียว
"ข้าคิดว่ามังกรน้อยสีแดงของหนิงเสี่ยวชวนอาจเป็นมังกรพิเศษ เมื่อมันยอมรับหนิงเสี่ยวชวนเป็นเจ้านายแล้ว ร่างของมันสามารถรวมเข้ากับหนิงเสี่ยวชวนได้ จึงกลายเป็นเกราะและอาวุธในการต่อสู้"
รองเจ้าสำนักวรยุทธ์คงคังพยักหน้าเห็นด้วย "ข้าคิดว่าคำอธิบายนี้น่าเชื่อถือมากกว่าคำอวดอ้างเรื่องทูตมังกรศึก การที่สัตว์อสูรแปลงร่างเป็นเกราะและอาวุธได้นั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มี ข้าเคยเห็นสัตว์อสูรระดับเจ็ดตัวหนึ่งสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ หรือแปลงร่างเป็นดาบนักรบ"
คำพูดของรองเจ้าสำนักวรยุทธ์คงคังได้รับการยอมรับจากผู้คน คำอธิบายนี้เป็นที่เข้าใจได้มากกว่า ในขณะที่คำพูดของรองเจ้าสำนักสำนักสามศาตรานั้นฟังดูเกินจริงไป
รองเจ้าสำนักสำนักสามศาตรากล่าวว่า "สัตว์เลี้ยงนักรบของหนิงเสี่ยวชวนอย่างน้อยก็น่าจะเป็นมังกร หากมันเติบโตขึ้นไป มันจะไม่ด้อยกว่าสัตว์อสูรระดับเจ็ด และอาจกลายเป็นนักรบมังกรที่แท้จริง สามารถต่อกรกับหมิงหยางที่เป็นนักดาบในเส้นทางวิถีดาบได้"
"รอดูผลการต่อสู้นี้กันเถิด! แม้จะมีเกราะมังกร แต่ความต่างของระดับพลังยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะชดเชยได้ หากเขาไม่สามารถเอาชนะหมิงหยางได้ ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่คำพูดลมๆ แล้งๆ!" รองเจ้าสำนักวรยุทธ์คงคังกล่าว
รองเจ้าสำนักของสองสำนักเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย!
……
หนิงเสี่ยวชวนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น เขามองดูแขนของตนเองที่บัดนี้หนาขึ้นราวกับถ้วยชาม ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรสีแดงเข้ม และยังมีเขี้ยวแหลมงอกออกมาจากข้อมือ
ตรงหน้าอกของเขามีเกล็ดมังกรขนาดใหญ่รูปสามเหลี่ยมที่ดูเหมือนโล่เทพ ส่องแสงสีแดงเข้มราวกับผลึก
บนหลังของเขามีปีกมังกรสีแดงยาวกว่าสิบเมตรงอกขึ้นมา บนปีกยังมีเขี้ยวแหลมที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟบางเบา ปีกนี้แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าปีก “พายุคลั่ง” ของหนิงเสี่ยวชวนเอง อีกทั้งยังมีความสามารถในการโจมตีอย่างสูง
ทั้งร่างกายของเขาราวกับสวมเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมทั่วทุกส่วนของร่างกาย
หนิงเสี่ยวชวนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าอก เมื่อมองเข้าไปข้างใน เขาพบว่ามีเส้นโลหิตมังกรสีแดงเข้มพุ่งตรงเข้าหัวใจเทพปีศาจของเขา ดูดซับพลังปราณภายใน
นั่นหมายความว่าพลังที่ใช้ในการรักษาเกราะนี้มาจากพลังปราณของหนิงเสี่ยวชวนเอง หากพลังปราณในร่างของเขาหมดสิ้น เกราะนี้ก็จะหายไป และมังกรน้อยสีแดงก็จะกลับกลายเป็นมังกรเล็กที่มีพลังรบต่ำอีกครั้ง
"ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!" มังกรน้อยสีแดงเลื้อยอยู่บนไหล่ของหนิงเสี่ยวชวน ส่งเสียงคำรามด้วยความมุ่งมั่นในศึก
หนิงเสี่ยวชวนพบว่าเขาสามารถเข้าใจคำพูดของมังกรน้อยสีแดงได้ทั้งหมด!
พลังปราณในร่างของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว หนิงเสี่ยวชวนไม่รู้ว่าจะสามารถคงสภาพนี้ไว้ได้นานแค่ไหน เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลา เขายกดาบมังกรสีแดงในมือขึ้น ชี้ไปยังท้องฟ้า "เช่นนั้นก็สู้กันเถิด!"
"เปรี้ยง!"
สายฟ้าพุ่งออกมาจากดาบมังกรสีแดง แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่!
หนิงเสี่ยวชวนรู้สึกว่าดาบมังกรที่อยู่ในมือนั้นหนักอึ้ง ราวกับมันมีน้ำหนักมากกว่าสิบตัน หรืออาจจะมากกว่านั้น
"ซู่ซ่า!"
ปีกมังกรสีแดงบนหลังของหนิงเสี่ยวชวนกระพืออย่างแรง ส่งร่างของเขาลอยขึ้น ปัดฝุ่นดินให้กระจายออกไปในทุกทิศทาง
ในชั่วพริบตา หนิงเสี่ยวชวนก็ปรากฏตัวเหนือศีรษะของหมิงหยาง และฟันดาบลงไปทันที!
หมิงหยางที่เพิ่งจะตกใจจากการเปลี่ยนแปลงของหนิงเสี่ยวชวน ก็กลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขายกดาบขึ้นแทงออกไป สร้างเป็นโล่พลังขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบเมตร
"ปัง!"
ขาของหมิงหยางจมลึกลงไปในพื้นดิน แต่เขาก็ยังต้านทานการโจมตีจากดาบของหนิงเสี่ยวชวนได้
การโจมตีจากดาบของหนิงเสี่ยวชวนครั้งนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่พลังที่นักรบระดับร่างกายเทพชั้นห้าจะสามารถปลดปล่อยออกมาได้
"ฮึบ!"
หัวมังกรขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากด้านหลังของหนิงเสี่ยวชวน พ่นไฟใส่หน้าของหมิงหยาง
"อึ!"
เกราะป้องกันพลังปราณของหมิงหยางถูกหลอมละลาย ใบหน้าของเขาถูกเผาจนเป็นแผลไหม้เกรียม ร่างกายของเขาถูกไฟเผาจนดำปี๋ เสียงร้องครวญครางดังออกมาจากปากเขาเมื่อทนต่อความเจ็บปวดอันใหญ่หลวง
หากเป็นคนอื่นคงต้องนอนดิ้นอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่หมิงหยางมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาผ่านการฝึกฝนอย่างโหดร้ายมาตั้งแต่เด็ก ความเจ็บปวดเช่นนี้เขายังทนทานได้
หมิงหยางรีบชักดาบกลับและถอยร่างออกไป
เปลวไฟที่พ่นออกมาจากปากมังกรนั้นรุนแรงยิ่งนัก แต่ก็ทำให้พลังปราณในร่างของหนิงเสี่ยวชวนลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง เขารู้สึกเวียนหัวจนแทบจะเป็นลมเนื่องจากพลังปราณในร่างถูกใช้ไปอย่างมาก
หนิงเสี่ยวชวนกัดลิ้นของตนเองเพื่อเรียกสติกลับมา จากนั้นเขากระพือปีกมังกรอีกครั้งและฟันดาบออกไป เกิดเป็นม่านพลังดาบสีแดงเลือดพุ่งตรงไปหาหมิงหยาง
แม้หมิงหยางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แววตาของเขายังคงเปล่งประกายด้วยความดุดัน "สายรุ้งขาวทะลวงตะวัน!"
ร่างกายของหมิงหยางและดาบหนักของเขาหลอมรวมกัน พลังดาบนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ที่คมดาบ กลายเป็นสายรุ้งขาวพุ่งทะลวงผ่านม่านพลังดาบ พุ่งเข้าชนกับเกล็ดมังกรที่หน้าอกของหนิงเสี่ยวชวน เกิดเสียงกระแทกของโลหะดังสนั่น
นี่เป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของหมิงหยาง แม้แต่หน้าผาก็จะพังทลายลงได้!
“เป็นไปได้อย่างไร?” หมิงหยางมองดูหนิงเสี่ยวชวนด้วยความไม่เชื่อ ดาบที่แข็งแกร่งเช่นนี้กลับไม่สามารถทะลุผ่านเกล็ดมังกรของหนิงเสี่ยวชวนได้
ขาของหนิงเสี่ยวชวนงอเล็กน้อย เขาพยายามตั้งตัวให้อยู่กับที่
ดาบของหมิงหยางนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ หากไม่มีเกราะเกล็ดมังกร หนิงเสี่ยวชวนคงต้องตายไปแล้ว แม้ว่าเขาจะสวมใส่เกราะเกล็ดมังกร แต่หนิงเสี่ยวชวนก็ยังรู้สึกถึงแรงกระแทกอันมหาศาลที่กระแทกเข้ามาที่ตัวของเขา ทำให้อวัยวะภายในเจ็บปวดราวกับถูกบดขยี้ เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนักแน่นอน
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของหนิงเสี่ยวชวน แต่เขาไม่ล้มลง สายตาของเขายังคงแน่วแน่และมุ่งมั่น เขาฟันดาบในมือออกไป ปลายดาบเฉือนผ่านศีรษะของหมิงหยาง ทำให้หนังศีรษะของเขาหลุดออกมาพร้อมกับชั้นบางๆ ของกะโหลกศีรษะ
หากดาบของหนิงเสี่ยวชวนต่ำลงอีกเล็กน้อย หัวของหมิงหยางคงถูกฟันขาดออกเป็นสองส่วน
เส้นผมบนศีรษะของหมิงหยางหายไปหมดแล้ว เลือดไหลลงมาเป็นสาย แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เขาโจมตีหนิงเสี่ยวชวนอีกครั้ง
การต่อสู้นี้ดุเดือดอย่างยิ่ง ทั้งสองต่างบาดเจ็บสาหัส ทั้งคู่ต่างก็ใช้พลังใจในการต่อสู้จนถึงที่สุด
ทุกครั้งที่เวลาผ่านไปอีกหนึ่งช่วง ร่างกายของหมิงหยางจะมีแผลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอย เขามีเลือดท่วมตัวจนใบหน้าของเขาดูน่ากลัว เขาร้องตะโกนเสียงยาวอย่างบ้าคลั่ง
หนิงเสี่ยวชวนปะทะกับดาบหนักของหมิงหยางและพ่นเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะหมิงหยางมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาสองระดับ แม้ว่าหนิงเสี่ยวชวนจะสวมเกราะมังกรและถือดาบมังกร แต่ความต่างของพลังยังคงมีอยู่ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก
ทั้งสองคนต่างบาดเจ็บสาหัสและอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ ทั้งคู่ต่างใช้พลังใจในการต่อสู้เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย
การต่อสู้มาถึงจุดนี้ เกินความคาดหมายของทุกคน เดิมทีคิดว่าเป็นการต่อสู้ที่มีความแตกต่างของพลังอย่างมาก แต่กลับกลายเป็นการต่อสู้ที่สูสี
“ทุกครั้งที่นักดาบในเส้นทางวิถีดาบปรากฏตัวขึ้น พวกเขามักจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย เป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ยุคที่เส้นทางวิถีแห่งดาบจะไร้คู่ต่อกรอีกต่อไป ในบรรดาผู้ร่วมสมัยเดียวกัน มีคนที่สามารถท้าทายเส้นทางวีถีแห่งดาบได้แล้ว!”
“เส้นทางวีถีแห่งดาบ ก็ยังมีศัตรู!”