ตอนที่ 14: ของเหลววิญญาณ
ตอนที่ 14: ของเหลววิญญาณ
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เพราะตอนนี้พวกเรายังไม่มีความสามารถและการฝึกฝนก็ต่ำ” หวงเจิงถอนหายใจแล้วเอ่ยคำต่อ “หวังฝู จูเจิ้นเองก็มอบหมายหน้าที่ให้เจ้าแล้ว ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าคิดขัดขืนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นได้โดนอันหนักกว่านี้แน่”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน เด็กใหม่คนหนึ่งอาศัยพละกำลังโดยกำเนิดของตัวเองเพื่อขัดคำสั่งหน้าที่ที่จูเจิ้นมอบหมายให้ ทำให้ถูกอัดจนขาหักก่อนจะโดนส่งลงเขาไป พวกจูเจิ้นล้วนอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสองถึงสาม มนุษย์ที่ไหนจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกมันได้”
หวังฝูรู้สึกซาบซึ้งกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งขณะสัมผัสได้ว่าทุกคนลงเรือลำเดียวกัน เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยคำอย่างเดือดดาล “ข้าถูกขอให้ตักนำจากทะเลสาบวิญญาณกระจ่างไปบ่อน้ำวิญญาณเหนือหุบเขาร้อยหญ้ายี่สิบถัง ว่าแต่ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างอยู่ที่ไหน?”
“ข้ารู้ว่าอยู่ไหน พวกเราไปด้วยกันเถอะ ข้าต้องไปทำงานที่จูเจิ้นมอบหมายให้เสร็จเหมือนกัน” หวงเจิงชี้ไปทางใต้ “ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างอยู่ทางใต้ของหุบเขาร้อยหญ้า น้ำในทะเลสาบแตกต่างจากน้ำทั่วไป ซึ่งน้ำที่นั่นอุดมไปด้วยพลังวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณในหุบเขาร้อยหญ้าต้องได้รับน้ำจากที่นั่นเพื่อย่นระยะเวลาการเจริญเติบโต”
“ข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งปีแล้ว นอกจากภารกิจที่ข้าต้องทำให้เสร็จแล้วก็ยังต้องตักน้ำยี่สิบถังทุกวันด้วย ทำให้มีเวลาฝึกฝนน้อยนัก หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะสามารถประสบความสำเร็จจากการฝึกฝนได้”
สิ้นคำ หวงเจิงจึงส่ายหน้า
หวังฝูตามหวงเจิงไปทะเลสาบวิญญาณกระจ่างพร้อมกับสนทนากันไปตลอดทาง ส่วนใหญ่แล้วหวงเจิงจะเป็นคนเปิดบทสนทนา เขาไม่ต่างกับกล่องสนทนาที่พูดจาไม่หยุด ส่วนหวังฝูเพียงเข้าร่วมวงเป็นครั้งคราว
เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับหุบเขาร้อยหญ้าจากอีกฝ่ายค่อนข้างมาก ส่งผลให้หวังฝูรู้สึกว่าตัวเองได้พบความสะดวกสบายในสถานที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้
วิชาของหวงเจิงคือวิชาธาตุน้ำที่เฝิงต้าฟู่เคยโยนให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ แม้จะทำการฝึกฝนมาเกือบสิบเดือน แต่กลับไม่สามารถดึงปราณวิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ กระทั่งหวงเจิงทราบว่าหวังฝูกำลังศึกษา “วิชาปฐพีปึกแผ่น” ก็ทำเอาหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับทวนซ้ำไปมาว่า “วิชาปฐพีปึกแผ่น” มีน้อยกว่าอย่างอื่นหนึ่งวิชา มันจึงทำให้รู้สึกถึงความเหนือกว่า
หวังฝูเพียงยิ้มให้กับเรื่องนี้
ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างเป็นทะเลสาบค่อนข้างกว้างที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไผ่ มันทั้งลึก เงียบสงบและบริสุทธิ์ แหล่งกำเนิดน้ำในทะเลสาบมาจากน้ำตกที่ไหลลงจากเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล เสียงของน้ำช่างดูน่าตื่นตานัก
สิ่งเดียวที่แย่คือสถานที่นี้เย็นยะเยือกยิ่งจนไม่ต่างจากฤดูหนาว
“บริเวณทะเลสาบวิญญาณกระจ่างค่อนข้างหนาว เพราะงั้นน้อยคนนักที่จะเต็มใจมาที่นี่ในวันธรรมดา” หวงเจิงทำไม้ทำโบกมือเพื่อให้หวังฝูไปหยิบถังไม้ข้างทะเลสาบมาตักน้ำ
ชายทั้งสองตักน้ำในทะเลสาบขณะแบกถังไม้ไว้บนบ่า จากนั้นมุ่งหน้าไปทางเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งหุบเขาร้อยหญ้า
หวังฝูไม่เคยทำงานหนักมาก่อนตั้งแต่เด็ก แล้วนับประสาอะไรกับงานหนักอย่างการยกน้ำ แต่โชคยังดีที่รับยาในหม้อขนาดเล็กไปเมื่อเช้า ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก หาไม่แล้วคงไม่สามารถมาถึงจุดหมายได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็อยู่ในสภาพเหนื่อยล้ายิ่ง
พวกเขาพบศิษย์ทั้งหลายที่กำลังแบกน้ำมาด้วยกันระหว่างทาง พวกเขามองหวังฝูผู้มาใหม่ด้วยสีหน้ายินดี พวกเขาล้วนอยากเห็นเด็กใหม่มีชะตากรรมที่แสนอับอาย
น่าเสียดายที่หวังฝูต้องทำให้พวกเขาผิดหวัง
แม้จะช้ากว่าหวงเจิงมาก แต่หวังฝูยังคงมาถึงจุดหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน
บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นตั้งอยู่ที่นี่ บริเวณรอบบ่อน้ำเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจีซึ่งทอดยาวจากขอบบ่อไปจนถึงทุ่งสมุนไพรทั้งหลายในหุบเขาร้อยหญ้า
ศาลาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ถัดจากบ่อน้ำวิญญาณ โดยคนผู้หนึ่งกำลังนอนหันหลังเพื่ออาบแดดอยู่ในศาลาแห่งนั้น เมื่อเห็นหวังฝูกำลังเดินเข้ามา สายตาก็เหลือบมองมา
“เจ้าคือหวังฝูที่เป็นเด็กใหม่ใช่หรือไม่?”
หวังฝูพยักหน้า
“ร่างกายของเจ้าฟื้นตัวได้ดี ทั้งที่เพิ่งโดนศิษย์พี่จางเตะเข้าไปแต่กลับลุกขึ้นมาได้ในวันต่อมา หาได้ยากนัก”
หวังฝูตกตะลึงแต่ไม่เอ่ยคำอะไร เขาเพียงเทน้ำลงในบ่อน้ำขนาดใหญ่ด้วยความอึดอัดก่อนจะหันหลังแล้วจากไป
“เหอะ ทั้งที่โกรธอยู่แต่ยังยอมตักน้ำแต่โดยดี” คนผู้นี้เย้ยหยัน ไม่ว่าใครที่อยู่ในหุบเขาร้อยหญ้าต่างก็ต้องยอมรับหน้าที่ที่ศิษย์จูเจิ้นมอบหมายให้
…
หวงเจิงไม่ได้ร่วมทางมาด้วยในครั้งที่สอง เขาคิดว่าหวังฝูเดินช้าเกินไป
หวังฝูยินดีกับเรื่องนี้เช่นกัน เขากลับไปที่ทะเลสาบวิญญาณกระจ่างแล้วเติมน้ำใส่ถังไม้ หลังจากเดินอยู่สักพักก็อัญเชิญหม้อขนาดเล็กออกมาแล้วโยนลงไปในถังทันที
ตอนหวงเจิงบอกว่าน้ำในทะเลสาบวิญญาณกระจ่างอุดมไปด้วยปราณวิญญาณ เขาจึงบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ในเมื่อหม้อใบนี้สามารถดึงแก่นจากวัชพืชได้ มันก็ต้องสามารถดึงแก่นจากน้ำที่อุดมไปด้วยปราณวิญญาณได้เช่นกันใช่หรือไม่?
ไม่ลองดูก็ไม่รู้
ขณะเขาเดินไปพร้อมกับถังไม้บนบ่าก็พลางสังเกตสภาพของหม้อขนาดเล็กในถัง เขาพบว่าน้ำในสระไม่สามารถเข้าไปในหม้อได้ แต่กลับมีแสงจางเล็กน้อยที่แทบจะมองไม่เห็นไหลเข้าไปในหม้อดังกล่าว
“ได้ด้วย” ดวงตาของหวังฝูทอประกายจนหลุดหัวเราะเสียงดัง เขาหันมองรอบข้างด้วยความวิตกก่อนจะพบว่าไม่มีใครให้ความสนใจ เมื่อนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะระมัดระวังมากขึ้น
หลังจากรออย่างวิตกจนกระทั่งจุดแสงสว่างไม่ปรากฏในถังไม้อีก หวังฝูจึงมอบรอบข้างก่อนจะพบว่าไม่มีใคร เมื่อนั้นจึงหยิบหม้อขนาดเล็กแล้วโยนลงไปในถังไม้อีกใบทันที
จุดแสงปรากฏขึ้นอีกครั้ง…
บ่อน้ำวิญญาณมีขนาดใหญ่ น้ำทั้งหมดที่ทุกคนแบกมาต่างถูกเทลงไปทั้งหมด หวังฝูจึงไม่กังวลว่าจะถูกจับได้ เขาทำแบบนี้กับถังน้ำสิบใบติดต่อกัน แล้วหยดของเหลวโปร่งใสจึงก่อตัวขึ้นในหม้อขนาดเล็ก
หวังฝูผู้ไม่เคยแบกน้ำมาก่อนกำลังทำงานอย่างหนักเป็นครั้งแรก ทำให้บริเวณไหล่เกิดอาการเมื่อยล้า ทว่าเมื่อเทียบกับประสบการณ์อันน่าเวทนาบนขั้นบันไดหินพันผาแล้ว บาดแผลแค่นี้นับว่าไม่เท่าไหร่ ด้วยความพากเพียรอันแก่กล้า ในที่สุดเขาก็ทำภารกิจตักน้ำยี่สิบถังก่อนตะวันตกดินได้เป็นผลสำเร็จ
แม้กระทั่งคนที่อยู่ในศาลายังมองหวังฝูด้วยสายตาชื่นชม
หลังจากกลับถึงห้องตัวเองแล้ว หวังฝูย่อมอดไม่ได้ที่จะนำหยดของเหลววิญญาณออกมา ใช่แล้ว ของเหลววิญญาณ นี่คือชื่อใหม่ที่หวังฝูมอบให้
ลมหายใจร้อนผ่าวปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะทำการหายใจเข้าออก ร่างกายของหวังฝูก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
วันแล้ววันเล่า นอกจากกำจัดวัชพืชในทุ่งสมุนไพรแล้ว หวังฝูต้องไปทะเลสาบวิญญาณกระจ่างเพื่อตักน้ำ เขาใช้หม้อขนาดเล็กเพื่อรวบรวมของเหลววิญญาณได้เป็นจำนวนมาก จากนั้นนำหยดของเหลววิญญาณมาทำการฝึกฝนทุกคืน ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นทุกวันจนจิตใจกระจ่างชัดมากขึ้น เขารู้สึกว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานก็คงสามารถดึงลมปราณเข้าสู่ร่างกายจนกลายเป็นผู้ฝึกตนได้
ภายในครึ่งเดือน ความเร็วการขนน้ำของหวังฝูก็ตามหวงเจิงทัน หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ก็แซงหน้าได้สำเร็จ เขาสามารถขนและเทน้ำได้ในคราวเดียว หากไม่ใช่เพราะต้องรอให้หม้อขนาดเล็กดูดกลืนแก่นของน้ำทะเลสาบก่อน หวังฝูย่อมทำให้เร็วกว่านี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น หวงเจิงยังต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงในการตักน้ำยี่สิบถัง ทว่าหวังฝูใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า ทำให้มีเวลาในการฝึกฝนมากขึ้นในแต่ละวัน อีกทั้งยังมีเวลาในการกลั่นหยดของเหลววิญญาณสองหยดอีกด้วย
เขาถึงขั้นคิดที่จะเอาหม้อขนาดเล็กไปไว้ในทะเลสาบวิญญาณกระจ่างด้วยซ้ำ แต่ก็เกรงว่าจะมีใครมาพบเข้า หากเสียหม้อซึ่งเป็นสมบัติขึ้นมา ทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้น
หวังฝูยิ่งกระตือรือร้น แต่ผู้เป็นเพื่อนบ้านกลับหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
หวงเจิงเห็นว่าหวังฝูทำภารกิจเสร็จก่อนทุกวันจนมีเวลาไปฝึกฝนมากกว่าตัวเอง เขาอยู่หุบเขาร้อยหญ้ามาตั้งนานแต่กลับยังไม่ดีเท่าหวังฝูผู้เพิ่งมาอยู่เพียงหนึ่งเดือน ทำเอาหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา ซึ่งคืนนั้นเองที่ความอิจฉาสั่งสมจนถึงจุดที่ปะทุออกมาอีกครั้งในที่สุด
“ในเมื่อเจ้ามีความสามารถนัก แสดงว่าแบกน้ำยี่สิบถังคงไม่มากพอสินะ… เหอะเหอะ…”