บทที่ 33 ขอให้โชคดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า
บทที่ 33 ขอให้โชคดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า
หนิวต้าหลี่ออกจากโรงฝึกไปแล้ว
ถึงอย่างนั้น จำนวนศิษย์ในโรงฝึกโรงฝึกดัชนีทองกลับไม่ลดลง
แต่กลับมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะมีศิษย์ฝึกหัดหน้าใหม่ต่างก็เข้ามาฝึกเพิ่ม
แต่ศิษย์เหล่านั้นล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับซื่อหวิน
เมื่อหนิวต้าหลี่จากไป
ศิษย์ที่ซื่อหวินคุ้นเคยก็ทยอยจากไปทีละคน
ภายในเวลาไม่กี่วัน
ศิษย์ที่ซื่อหวินรู้จักก็หายไปเกือบครึ่ง
ตอนนี้ ซื่อหวินนึกถึงคำพูดของเซี่ยเหอขึ้นมาได้
“การไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือการทะลวงขีดจำกัดหลังจากนั้น”
การบอกว่ายากเย็นราวกับงมเข็มในมหาสมุทรก็อาจจะเกินจริงไปหน่อย แต่การที่จะมีคนทำได้หนึ่งคนในหนึ่งร้อยคน หรือหนึ่งคนในพันคนก็อาจเป็นเรื่องจริง
ตอนนี้ซื่อหวินได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า คนที่เขารู้จักได้ทยอยออกจากโรงฝึกไปทีละคน
พวกเขาก็เป็นเหมือนกับหนิวต้าหลี่
พวกเขาไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวแล้ว
แต่กลับไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่พยายาม
มีศิษย์คนหนึ่ง ที่หลังจากไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวแล้วเขาก็ยังคงฝึกฝนต่อไปอีกสามเดือนเต็ม
เขามาที่โรงฝึกทุกวันเพื่อพยายามฝึกผิวหนัง
แต่ถึงจะพยายามมาตลอดสามเดือนเต็ม เขาก็ยังไม่สามารถทะลวงขีดจำกัดได้
สุดท้าย เมื่อวานนี้เขาก็ออกจากโรงฝึกไปด้วยความสิ้นหวัง
"เจ้าซื่อ ข้ายอมแล้วล่ะ"
"พรุ่งนี้ข้าคงไม่ได้มาที่โรงฝึกอีกแล้ว"
ตอนนี้ จ้าวหงเดินเข้ามาหาซื่อหวิน
แววตาของเขามีความหม่นหมองและความอาลัยอาวรณ์อยู่
จริงๆแล้ว ซื่อหวินเองก็เตรียมใจไว้แล้ว
วันนี้เป็นวันที่สิบสามแล้วที่จ้าวหงไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิว
จ้าวหงเองก็พยายามมามากแล้ว
แต่เมื่อไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย ผลลัพธ์ของเขาจึงอาจถูกกำหนดเอาไว้เพียงเท่านี้
"หลังฝึกเสร็จ ไปดื่มกันสักหน่อยไหม?"
ซื่อหวินพูดขึ้นเบาๆ
เขามาที่โลกนี้และได้เจอคนมากมาย
แต่คนที่เรียกได้ว่าเพื่อนจริงๆก็มีแค่จ้าวหงเท่านั้น
ช่วงนี้ จ้าวหงก็เป็นคนช่วยซื่อหวินจัดการเรื่องศิษย์ในโรงฝึกเพื่อจัดให้ศิษย์มาเรียนวิธีหายใจกับซื่อหวินตอนกลางคืน
เขาช่วยแบ่งเบาภาระของซื่อหวินไปได้มาก
ไม่อย่างงั้น ซื่อหวินก็คงไม่มีแรงทำอะไรมากมายขนาดนี้
ถึงแม้จ้าวหงจะได้เงินไปบ้าง
แต่เงินแค่นั้นเมื่อเทียบกับที่ซื่อหวินได้ก็ต่างกันลิบลับ
ในเมื่อจ้าวหงจะจากไปจริงๆ ซื่อหวินก็คงต้องเลี้ยงส่งเขาสักหน่อย
"ได้สิ"
จ้าวหงพยักหน้า
ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากโรงฝึกไป แต่จ้าวหงก็ยังคงฝึกฝนอย่างตั้งใจและไม่ยอมหยุด
ซื่อหวินได้เห็นภาพนี้ทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าจ้าวหงนั้นยังไม่ยอมแพ้
แต่ถึงจะไม่ยอมแพ้แล้วจะทำอย่างไรได้?
จนกระทั่งมาถึงตอนเย็น
เมื่อโรงฝึกปิด เหล่าศิษย์ก็ทยอยออกจากโรงฝึก ส่วนจ้าวหงเองก็หยุดฝึกเช่นกัน
เขามองดูมือของตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผล
สุดท้าย เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ "มันจบแล้ว สุดท้ายก็เป็นได้แค่ความฝันของข้าจริงๆ..."
"ไปกันเถอะ ไปร้านเหล้าเล็กๆตรงข้ามโรงฝึกกัน"
ซื่อหวินตบบ่าจ้าวหง
จ้าวหงพยักหน้าแล้วหันหลังแล้วเดินออกจากโรงฝึกไปพร้อมกับซื่อหวิน
ในวินาทีที่ก้าวออกจากโรงฝึก ร่างกายของจ้าวหงก็แข็งค้างไปครู่หนึ่ง
แต่สุดท้าย เขาก็ยังคงเดินจากไปโดยที่ไม่หันหลังกลับ
เมื่อมาถึงร้านเหล้า ทั้งสองคนก็สั่งอาหารและเหล้าเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว
ลมหายใจที่พ่นออกมาจึงกลายเป็นไอสีขาว
เหล้าแรงๆเมื่อถูกอุ่นร้อนแล้ว ซื่อหวินจึงจิบเข้าไปหนึ่งอึก
เหล้านี้ไม่ได้ขมมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นแทน
ไม่นานหลังจากนั้น ความอบอุ่นจากฤทธิ์ของเหล้าก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
จ้าวหงดื่มไปสามแก้วรวด
หน้าของเขาแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
"เจ้าซื่อ ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆที่มีพี่สาวตั้งสองคน"
"ครั้งก่อน ตอนที่ข้าไปกับเจ้า ตอนที่ข้าเห็นเจ้าไม่ลังเลที่จะไปช่วยพี่รองข้ารู้สึกอิจฉามากจริงๆ"
"การมีครอบครัวนี่มันดีจริงๆเลยนะ"
จ้าวหงเริ่มเปิดใจพูดคุยกับซื่อหวิน
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงฝึก ซื่อหวินไม่เคยถามถึงภูมิหลังของจ้าวหงเลยสักครั้ง
และจ้าวหงเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
แต่วันนี้ จ้าวหงได้เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาออกมา
ที่แท้ จ้าวหงก็เป็นลูกนอกสมรสของเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง "เต๋อหยวนโหลว" ในเมืองหลิวเฉิง
แม่ของเขาเป็นหญิงโคมเขียวที่ถูกเจ้าของร้านอาหารไถ่ตัวออกมาเลี้ยงดูข้างนอก แต่ไม่กล้าพาเข้าบ้าน
แม่ของจ้าวหงเองก็เป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว
เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านอาหารไม่รักษาสัญญา เธอจึงพาจ้าวหงออกมาอยู่กับเธอ
ต่อมา แม่ของจ้าวหงป่วยหนัก ก่อนที่จะตาย เธอถึงได้บอกเรื่องราวต่างๆก่อนหน้านี้ให้จ้าวหงได้รู้
หลังจากที่แม่ของจ้าวหงตายไป จ้าวหงจึงไปทำงานเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลว
จริงๆแล้วเขาแค่อยากเห็นหน้าพ่อแท้ๆของเขาใกล้ๆเท่านั้น
เขาทำงานอยู่แบบนั้นมาเป็นเวลาหลายปี
"จริงๆแล้ว พ่อของข้าก็รู้เรื่องของข้ามาตั้งนานแล้ว"
"ไม่อย่างงั้น ข้าที่เป็นแค่ลูกจ้างไม่มีตำแหน่งอะไรในเต๋อหยวนโหลวจะเข้าออกร้านได้ตามสบาย หรือไม่มาทำงานก็ยังได้ ได้ยังไง?"
"แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็ยังไม่กล้ารับข้าไปอยู่ด้วย"
"ข้ารู้ว่าพ่อแค่กลัวเมียหลวง พ่อกลัวว่าเมียหลวงจะรู้ว่าเขามีลูกนอกสมรสอย่างข้า"
"ตอนนั้นข้าโกรธมาก เลยเอาเงินเก็บของแม่มาฝึกยุทธที่โรงฝึกดัชนีทองแห่งนี้"
"ข้าอยากเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่สูงส่ง ข้าอยากบอกเขาว่าข้าอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาและยังอยู่ได้สบายด้วย"
"แต่น่าเสียดาย ข้าคงไม่เหมาะกับการฝึกยุทธและคงไม่มีวันได้เป็นนักศิลปะการต่อสู้..."
จ้าวหงดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ
ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเล่าความทุกข์ในใจให้คนอื่นฟัง
ซื่อหวินไม่ได้พูดอะไร
เขาแค่ดื่มเป็นเพื่อนจ้าวหง
อึกแล้วอึกเล่า
เขารู้ว่าตอนนี้จ้าวหงไม่ต้องการคำปลอบโยน
เขาแค่ต้องการใครสักคนที่รับฟังเขาก็พอ
"แล้วหลังจากนี้เจ้าจะไปทำต่อหรือ?"
"จะกลับไปเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลวต่อหรือ?"
หลังจากผ่านไปนาน ซื่อหวินจึงถามขึ้นเบาๆ
"จริงๆแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้สนใจการฝึกยุทธอะไรมากนักหรอก"
"ข้าชอบทำธุรกิจมากกว่า"
"ข้าอยากเปิดร้านอาหารที่คล้ายกับเต๋อหยวนโหลว ข้าจะทำให้ทุกคนในเมืองหลิวเฉิงต้องนึกถึงร้านอาหารของข้าเป็นร้านแรกให้ได้!"
"แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงิน เงินที่แม่เหลือเอาไว้ให้ก็เอาไปใช้ฝึกยุทธหมดแล้ว"
"ช่วงนี้ข้าก็ได้ช่วยเจ้าซื่อจัดการเรื่องศิษย์เลยพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง"
"ดูเหมือนว่าข้าคงต้องกลับไปเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลวก่อนและคงต้องเก็บเงินไปอีกสองสามปี พอมีเงินมากพอ ข้าก็จะเปิดร้านเหล้าเล็กๆแบบนี้และเปิดตรงข้ามกับเต๋อหยวนโหลวซะเลย!"
"ข้าจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า ข้าอยู่ได้โดยไม่มีเขาและยังอยู่ได้สบายด้วย!"
ซื่อหวินเข้าใจทันที เขาได้รู้แล้วว่าจ้าวหงชอบเปิดร้านอาหารและทำธุรกิจ
ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะอยากจะเอาชนะพ่อของเขา
ซื่อหวินจึงนั่งฟังจ้าวหงเงียบๆ
จนกระทั่งจ้าวหงเริ่มเมา ทั้งสองก็ออกจากร้านเหล้าไป
"วิ้ววว..."
ทันทีที่ออกมาข้างนอก ลมหนาวได้พัดมาจนทำให้จ้าวหงรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีและเกือบจะสร่างเมา
"จ้าวหง รับนี่ไปสิ"
"พอเปิดร้านแล้ว ก็อย่าลืมบอกข้าด้วยล่ะ"
ซื่อหวินยื่นห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับจ้าวหง
"นี่มัน..."
จ้าวหงลองยกดู ซึ่งน้ำหนักของห่อผ้านั้นทำให้เขาตกใจมาก
มันคือเงิน!
ข้างในห่อผ้านี้เป็นเงินที่อย่างน้อยก็มีมากถึงห้าสิบตำลึง!
"เจ้าซื่อ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก..."
จ้าวหงยังพูดไม่ทันจบ ซื่อหวินก็ยกมือห้าม "เงินนี่ข้าไม่ได้ให้เจ้าเปล่าๆและก็ไม่ใช่การให้ยืม แต่เป็นการลงทุนของข้าต่างหาก"
"ร้านเหล้าของเจ้าข้าขอหุ้นร่วมเปิดร้านสัก 40 % เจ้าคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"
"หา?"
จ้าวหงเบิกตากว้าง
"ต่อไปนี้เจ้าต้องตั้งใจทำงานและอย่าทำให้ข้าขาดทุนล่ะ นอกจากนี้ ข้ายังหวังว่าข้าจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้ด้วย"
"เพราะการฝึกยุทธก็ต้องใช้เงิน"
"ข้าจะฝึกยุทธต่อไปและฝึกต่อไปเรื่อยๆ!"
เมื่อพูดจบ ซื่อหวินก็ตบบ่าจ้าวหง
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปและหายไปในความมืด
จ้าวหงมองดูแผ่นหลังของซื่อหวินที่หายไปแล้วมองดูห่อผ้าในมือ
"เจ้าซื่อ ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ..."
ดวงตาของจ้าวหงแดงก่ำ เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
เพราะซื่อหวินคนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดอะไร….