ตอนที่แล้วบทที่ 32 สองเดือน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 เส้นทางของซื่อหวิน!

บทที่ 33 ขอให้โชคดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า


บทที่ 33 ขอให้โชคดี เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า

หนิวต้าหลี่ออกจากโรงฝึกไปแล้ว

ถึงอย่างนั้น จำนวนศิษย์ในโรงฝึกโรงฝึกดัชนีทองกลับไม่ลดลง

แต่กลับมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะมีศิษย์ฝึกหัดหน้าใหม่ต่างก็เข้ามาฝึกเพิ่ม

แต่ศิษย์เหล่านั้นล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับซื่อหวิน

เมื่อหนิวต้าหลี่จากไป

ศิษย์ที่ซื่อหวินคุ้นเคยก็ทยอยจากไปทีละคน

ภายในเวลาไม่กี่วัน

ศิษย์ที่ซื่อหวินรู้จักก็หายไปเกือบครึ่ง

ตอนนี้ ซื่อหวินนึกถึงคำพูดของเซี่ยเหอขึ้นมาได้

“การไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือการทะลวงขีดจำกัดหลังจากนั้น”

การบอกว่ายากเย็นราวกับงมเข็มในมหาสมุทรก็อาจจะเกินจริงไปหน่อย แต่การที่จะมีคนทำได้หนึ่งคนในหนึ่งร้อยคน หรือหนึ่งคนในพันคนก็อาจเป็นเรื่องจริง

ตอนนี้ซื่อหวินได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า คนที่เขารู้จักได้ทยอยออกจากโรงฝึกไปทีละคน

พวกเขาก็เป็นเหมือนกับหนิวต้าหลี่

พวกเขาไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวแล้ว

แต่กลับไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่พยายาม

มีศิษย์คนหนึ่ง ที่หลังจากไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิวแล้วเขาก็ยังคงฝึกฝนต่อไปอีกสามเดือนเต็ม

เขามาที่โรงฝึกทุกวันเพื่อพยายามฝึกผิวหนัง

แต่ถึงจะพยายามมาตลอดสามเดือนเต็ม เขาก็ยังไม่สามารถทะลวงขีดจำกัดได้

สุดท้าย เมื่อวานนี้เขาก็ออกจากโรงฝึกไปด้วยความสิ้นหวัง

"เจ้าซื่อ ข้ายอมแล้วล่ะ"

"พรุ่งนี้ข้าคงไม่ได้มาที่โรงฝึกอีกแล้ว"

ตอนนี้ จ้าวหงเดินเข้ามาหาซื่อหวิน

แววตาของเขามีความหม่นหมองและความอาลัยอาวรณ์อยู่

จริงๆแล้ว ซื่อหวินเองก็เตรียมใจไว้แล้ว

วันนี้เป็นวันที่สิบสามแล้วที่จ้าวหงไปถึงขีดจำกัดของการฝึกผิว

จ้าวหงเองก็พยายามมามากแล้ว

แต่เมื่อไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย ผลลัพธ์ของเขาจึงอาจถูกกำหนดเอาไว้เพียงเท่านี้

"หลังฝึกเสร็จ ไปดื่มกันสักหน่อยไหม?"

ซื่อหวินพูดขึ้นเบาๆ

เขามาที่โลกนี้และได้เจอคนมากมาย

แต่คนที่เรียกได้ว่าเพื่อนจริงๆก็มีแค่จ้าวหงเท่านั้น

ช่วงนี้ จ้าวหงก็เป็นคนช่วยซื่อหวินจัดการเรื่องศิษย์ในโรงฝึกเพื่อจัดให้ศิษย์มาเรียนวิธีหายใจกับซื่อหวินตอนกลางคืน

เขาช่วยแบ่งเบาภาระของซื่อหวินไปได้มาก

ไม่อย่างงั้น ซื่อหวินก็คงไม่มีแรงทำอะไรมากมายขนาดนี้

ถึงแม้จ้าวหงจะได้เงินไปบ้าง

แต่เงินแค่นั้นเมื่อเทียบกับที่ซื่อหวินได้ก็ต่างกันลิบลับ

ในเมื่อจ้าวหงจะจากไปจริงๆ ซื่อหวินก็คงต้องเลี้ยงส่งเขาสักหน่อย

"ได้สิ"

จ้าวหงพยักหน้า

ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากโรงฝึกไป แต่จ้าวหงก็ยังคงฝึกฝนอย่างตั้งใจและไม่ยอมหยุด

ซื่อหวินได้เห็นภาพนี้ทั้งหมด

เห็นได้ชัดว่าจ้าวหงนั้นยังไม่ยอมแพ้

แต่ถึงจะไม่ยอมแพ้แล้วจะทำอย่างไรได้?

จนกระทั่งมาถึงตอนเย็น

เมื่อโรงฝึกปิด เหล่าศิษย์ก็ทยอยออกจากโรงฝึก ส่วนจ้าวหงเองก็หยุดฝึกเช่นกัน

เขามองดูมือของตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผล

สุดท้าย เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ "มันจบแล้ว สุดท้ายก็เป็นได้แค่ความฝันของข้าจริงๆ..."

"ไปกันเถอะ ไปร้านเหล้าเล็กๆตรงข้ามโรงฝึกกัน"

ซื่อหวินตบบ่าจ้าวหง

จ้าวหงพยักหน้าแล้วหันหลังแล้วเดินออกจากโรงฝึกไปพร้อมกับซื่อหวิน

ในวินาทีที่ก้าวออกจากโรงฝึก ร่างกายของจ้าวหงก็แข็งค้างไปครู่หนึ่ง

แต่สุดท้าย เขาก็ยังคงเดินจากไปโดยที่ไม่หันหลังกลับ

เมื่อมาถึงร้านเหล้า ทั้งสองคนก็สั่งอาหารและเหล้าเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว

ลมหายใจที่พ่นออกมาจึงกลายเป็นไอสีขาว

เหล้าแรงๆเมื่อถูกอุ่นร้อนแล้ว ซื่อหวินจึงจิบเข้าไปหนึ่งอึก

เหล้านี้ไม่ได้ขมมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นแทน

ไม่นานหลังจากนั้น ความอบอุ่นจากฤทธิ์ของเหล้าก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

จ้าวหงดื่มไปสามแก้วรวด

หน้าของเขาแดงก่ำอย่างรวดเร็ว

"เจ้าซื่อ ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆที่มีพี่สาวตั้งสองคน"

"ครั้งก่อน ตอนที่ข้าไปกับเจ้า ตอนที่ข้าเห็นเจ้าไม่ลังเลที่จะไปช่วยพี่รองข้ารู้สึกอิจฉามากจริงๆ"

"การมีครอบครัวนี่มันดีจริงๆเลยนะ"

จ้าวหงเริ่มเปิดใจพูดคุยกับซื่อหวิน

ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงฝึก ซื่อหวินไม่เคยถามถึงภูมิหลังของจ้าวหงเลยสักครั้ง

และจ้าวหงเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

แต่วันนี้ จ้าวหงได้เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาออกมา

ที่แท้ จ้าวหงก็เป็นลูกนอกสมรสของเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง "เต๋อหยวนโหลว" ในเมืองหลิวเฉิง

แม่ของเขาเป็นหญิงโคมเขียวที่ถูกเจ้าของร้านอาหารไถ่ตัวออกมาเลี้ยงดูข้างนอก แต่ไม่กล้าพาเข้าบ้าน

แม่ของจ้าวหงเองก็เป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว

เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านอาหารไม่รักษาสัญญา เธอจึงพาจ้าวหงออกมาอยู่กับเธอ

ต่อมา แม่ของจ้าวหงป่วยหนัก ก่อนที่จะตาย เธอถึงได้บอกเรื่องราวต่างๆก่อนหน้านี้ให้จ้าวหงได้รู้

หลังจากที่แม่ของจ้าวหงตายไป จ้าวหงจึงไปทำงานเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลว

จริงๆแล้วเขาแค่อยากเห็นหน้าพ่อแท้ๆของเขาใกล้ๆเท่านั้น

เขาทำงานอยู่แบบนั้นมาเป็นเวลาหลายปี

"จริงๆแล้ว พ่อของข้าก็รู้เรื่องของข้ามาตั้งนานแล้ว"

"ไม่อย่างงั้น ข้าที่เป็นแค่ลูกจ้างไม่มีตำแหน่งอะไรในเต๋อหยวนโหลวจะเข้าออกร้านได้ตามสบาย หรือไม่มาทำงานก็ยังได้ ได้ยังไง?"

"แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็ยังไม่กล้ารับข้าไปอยู่ด้วย"

"ข้ารู้ว่าพ่อแค่กลัวเมียหลวง พ่อกลัวว่าเมียหลวงจะรู้ว่าเขามีลูกนอกสมรสอย่างข้า"

"ตอนนั้นข้าโกรธมาก เลยเอาเงินเก็บของแม่มาฝึกยุทธที่โรงฝึกดัชนีทองแห่งนี้"

"ข้าอยากเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่สูงส่ง ข้าอยากบอกเขาว่าข้าอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาและยังอยู่ได้สบายด้วย"

"แต่น่าเสียดาย ข้าคงไม่เหมาะกับการฝึกยุทธและคงไม่มีวันได้เป็นนักศิลปะการต่อสู้..."

จ้าวหงดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ

ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเล่าความทุกข์ในใจให้คนอื่นฟัง

ซื่อหวินไม่ได้พูดอะไร

เขาแค่ดื่มเป็นเพื่อนจ้าวหง

อึกแล้วอึกเล่า

เขารู้ว่าตอนนี้จ้าวหงไม่ต้องการคำปลอบโยน

เขาแค่ต้องการใครสักคนที่รับฟังเขาก็พอ

"แล้วหลังจากนี้เจ้าจะไปทำต่อหรือ?"

"จะกลับไปเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลวต่อหรือ?"

หลังจากผ่านไปนาน ซื่อหวินจึงถามขึ้นเบาๆ

"จริงๆแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้สนใจการฝึกยุทธอะไรมากนักหรอก"

"ข้าชอบทำธุรกิจมากกว่า"

"ข้าอยากเปิดร้านอาหารที่คล้ายกับเต๋อหยวนโหลว ข้าจะทำให้ทุกคนในเมืองหลิวเฉิงต้องนึกถึงร้านอาหารของข้าเป็นร้านแรกให้ได้!"

"แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงิน เงินที่แม่เหลือเอาไว้ให้ก็เอาไปใช้ฝึกยุทธหมดแล้ว"

"ช่วงนี้ข้าก็ได้ช่วยเจ้าซื่อจัดการเรื่องศิษย์เลยพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง"

"ดูเหมือนว่าข้าคงต้องกลับไปเป็นลูกจ้างที่เต๋อหยวนโหลวก่อนและคงต้องเก็บเงินไปอีกสองสามปี พอมีเงินมากพอ ข้าก็จะเปิดร้านเหล้าเล็กๆแบบนี้และเปิดตรงข้ามกับเต๋อหยวนโหลวซะเลย!"

"ข้าจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า ข้าอยู่ได้โดยไม่มีเขาและยังอยู่ได้สบายด้วย!"

ซื่อหวินเข้าใจทันที เขาได้รู้แล้วว่าจ้าวหงชอบเปิดร้านอาหารและทำธุรกิจ

ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะอยากจะเอาชนะพ่อของเขา

ซื่อหวินจึงนั่งฟังจ้าวหงเงียบๆ

จนกระทั่งจ้าวหงเริ่มเมา ทั้งสองก็ออกจากร้านเหล้าไป

"วิ้ววว..."

ทันทีที่ออกมาข้างนอก ลมหนาวได้พัดมาจนทำให้จ้าวหงรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีและเกือบจะสร่างเมา

"จ้าวหง รับนี่ไปสิ"

"พอเปิดร้านแล้ว ก็อย่าลืมบอกข้าด้วยล่ะ"

ซื่อหวินยื่นห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับจ้าวหง

"นี่มัน..."

จ้าวหงลองยกดู ซึ่งน้ำหนักของห่อผ้านั้นทำให้เขาตกใจมาก

มันคือเงิน!

ข้างในห่อผ้านี้เป็นเงินที่อย่างน้อยก็มีมากถึงห้าสิบตำลึง!

"เจ้าซื่อ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก..."

จ้าวหงยังพูดไม่ทันจบ ซื่อหวินก็ยกมือห้าม "เงินนี่ข้าไม่ได้ให้เจ้าเปล่าๆและก็ไม่ใช่การให้ยืม แต่เป็นการลงทุนของข้าต่างหาก"

"ร้านเหล้าของเจ้าข้าขอหุ้นร่วมเปิดร้านสัก 40 %  เจ้าคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"

"หา?"

จ้าวหงเบิกตากว้าง

"ต่อไปนี้เจ้าต้องตั้งใจทำงานและอย่าทำให้ข้าขาดทุนล่ะ นอกจากนี้ ข้ายังหวังว่าข้าจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้ด้วย"

"เพราะการฝึกยุทธก็ต้องใช้เงิน"

"ข้าจะฝึกยุทธต่อไปและฝึกต่อไปเรื่อยๆ!"

เมื่อพูดจบ ซื่อหวินก็ตบบ่าจ้าวหง

หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปและหายไปในความมืด

จ้าวหงมองดูแผ่นหลังของซื่อหวินที่หายไปแล้วมองดูห่อผ้าในมือ

"เจ้าซื่อ ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ..."

ดวงตาของจ้าวหงแดงก่ำ เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก

เพราะซื่อหวินคนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดอะไร….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด