ตอนที่แล้วบทที่ 30 หลอกลวงเบื้องสูง ปกปิดด้านล่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 โจมตีพรรคไผ่เขียว

บทที่ 31 ใส่ร้ายป้ายสี


บทที่ 31 ใส่ร้ายป้ายสี

บนถนนใหญ่ของเขตเฉิงเต๋อ ซูซินสวมชุดของพรรคไผ่เขียว เดินไปยังสำนักงานใหญ่ของพรรคไผ่เขียว

เขาเอามือลูบหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้า ซูซินรู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก หลังจากสวมใส่แล้ว แค่มองใบหน้า แม้แต่ตัวเขาก็ยังจำตัวเองไม่ได้

หน้ากากหนังมนุษย์นี้ได้มาจากโจรลักดอกไม้ผู้นั้น ไม่คิดว่าจะได้ใช้งานเร็วขนาดนี้

ครั้งนี้เขาปลอมตัวมาที่เขตของพรรคไผ่เขียว แน่นอนว่าต้องการก่อเรื่อง

พรรคไผ่เขียวกับพรรคเหยี่ยวเหินไม่สู้กันงั้นเหรอ? งั้นดี!ข้าจะเติมเชื้อไฟให้พวกเขาเอง!

เมืองฉางหนิงมีสามพรรคสี่สมาคม รวมเจ็ดกองกำลังใหญ่ ในบรรดาเจ็ดกองกำลังนี้ สามพรรคอ่อนแอที่สุด

แต่ในสามพรรคนี้ พรรคเหยี่ยวเหินกับพรรคทะเลแม่น้ำเพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปี แต่พรรคไผ่เขียวกลับตกทอดอยู่ในมือของตระกูลเว่ยมาสามชั่วอายุคนแล้ว ตอนที่พรรคไผ่เขียวเพิ่งก่อตั้ง ำวกเขาเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางหนิงด้วยซ้ำ

แต่น่าเสียดาย ลูกหลานรุ่นหลังแย่ลงเรื่อยๆ มาถึงรุ่นของเว่ยเฟิง เขากลับสู้รองหัวหน้าพรรคสองคนของตัวเองไม่ได้ ช่างเป็นขยะจริงๆ

ในฐานะพรรคที่ใหญ่ที่สุดในอดีต แม้ว่าพรรคไผ่เขียวในตอนนี้จะตกต่ำ แต่ก็ยังคงมีบารมีอยู่มาก อย่างน้อยสำนักงานใหญ่ก็สร้างอย่างโอ่อ่า ทั้งถนนล้วนเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่พรรคไผ่เขียว

มาถึงหน้าประตู ซูซินถือกล่องที่เต็มไปด้วยหิน ประสานมือคารวะลูกน้องที่เฝ้าประตู “พี่น้อง ข้าเป็นคนของหัวหน้าเฉิน หัวหน้าฝากข้าเอามาให้หัวหน้าพรรค รบกวนท่านไปแจ้งหน่อย”

หัวหน้าเฉินเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มเล็กสามคนที่สนับสนุนเว่ยเฟิง หลังจากที่ไต้ชงตาย เขาก็รับช่วงต่อตำแหน่งของไต้ชง ดูแลเขตหย่งเล่อ

แต่พลังของหัวหน้าเฉินแย่กว่าไต้ชงมาก ถูกหัวหน้ากลุ่มเล็กอีกคนที่อยู่ฝ่ายรองหัวหน้าพรรคหม่าชิงหยวนกดขี่อย่างหนัก เดิมทีเขตหย่งเล่อควรจะแบ่งกันคนละครึ่ง ตอนนี้สองในสามกลับตกเป็นของคนอื่นไปแล้ว

แต่หัวหน้าเฉินก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นคือการประจบสอพลอ เขามักจะหาของแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้เว่ยเฟิง ทำให้เว่ยเฟิงพอใจและไว้ใจเขามากขึ้น

หัวหน้าเฉินส่งคนมาบ่อยมาก ลูกน้องที่เฝ้าประตูก็ไม่ได้สนใจว่าคนที่ส่งของเปลี่ยนไปหรือไม่ พรรคไผ่เขียวมีคนมากกว่าเจ็ดพันคน ไม่รู้จักกันย่อมเป็นเรื่องปกติ

“หัวหน้าพรรคไปดื่มสุราที่ชุนเซียงโหลว ไม่งั้นเจ้าก็วางของไว้ตรงนี้ รอหัวหน้าพรรคกลับมา ข้าจะส่งให้”

ไม่อยู่? ซูซินแอบหัวเราะเบาๆ ไม่อยู่ก็ยิ่งดี ลงมือในสำนักงานใหญ่ยังอันตรายอยู่บ้าง ลงมือในสถานที่เสียงดังวุ่นวายแบบซ่อง โอกาสหนีรอดก็ยิ่งมาก

“งั้นก็ไม่ดี ของพวกนี้เป็นของส่วนตัว หัวหน้าเฉินบอกว่าต้องมอบให้หัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง ข้าไปที่ชุนเซียงโหลวจะดีกว่า”

ลูกน้องที่เฝ้าประตูก็ทำท่าทางเข้าใจทันที

เว่ยเฟิงชอบผู้หญิง เรื่องนี้ทั่วทั้งพรรคไผ่เขียวรู้ดี หัวหน้าเฉินก็อาศัยเรื่องนี้ มักจะหาของแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้เว่ยเฟิง ของแบบนี้ แน่นอนว่าไม่สะดวกให้ผู้อื่นพบเห็น

ซูซินหันหลังเดินไปที่ตรอกเล็กๆ โยนกล่องนั้นทิ้ง ถอดชุดของพรรคไผ่เขียวออก เผยให้เห็นชุดผ้าไหมชั้นดีข้างใน หยิบพัดออกมา ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นคุณชายรูปงาม

เดินออกจากตรอก ซูซินมาถึงหัวมุมถนน คนหามเกี้ยวหลายคนกำลังหามเกี้ยวหลากหลายรูปแบบ รอคนมาเช่า

ซูซินโยนเศษเงินออกไป คนหามเกี้ยวคนหนึ่งตาเป็นประกาย รีบเก็บขึ้นมา ถามอย่างเคารพ “คุณชาย ท่านจะไปไหน?”

“ชุนเซียงโหลว” (หอวสันต์หอมหวน)

หอนางโลมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกเขต แต่ชุนเซียงโหลวของเขตเฉิงเต๋อนี้แย่กว่าจุ้ยเยว่โหลวของถนนไคว่ฮั่วหลินมาก การตกแต่งก็แย่ บริการก็ยิ่งแย่

พอเข้าไป การตกแต่งสีแดงฉูดฉาดก็ทำให้ซูซินรู้สึกว่ามันไร้รสนิยม

จากนั้น แม่เล้าอายุห้าสิบกว่าปี รูปร่างอ้วนท้วนก็เข้ามา นางส่งสายตาเจ้าชู้มาให้ หัวเราะคิกคัก “คิกคิก คุณชาย เชิญด้านในเลยเจ้าค่ะ!” ภาพแบบนี้ยิ่งทำให้ซูซินพูดไม่ออก

เหมือนกับจุ้ยเยว่โหลวของเถ้าแก่หลิว ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือบริการ ล้วนเน้นความหรูหรา

แต่ชุนเซียงโหลวนี้กลับยังคงเป็นแบบเดิม: แม่เล้าหัวเราะคิกคักต้อนรับแขก สาวๆ ถ่างขาต้อนรับคน ภาพแบบนี้ทำให้ซูซินรู้สึกขยะแขยง เว่ยเฟิงเป็นถึงหัวหน้าพรรค ยังชอบเล่นแบบนี้อีกเนี้ยนะ?

“เจ้าไปข้างๆ ข้าจะเดินดูเอง” ซูซินโยนเงินก้อนหนึ่งไปที่อกของแม่เล้าโดยตรง

แม่เล้ารับเงินมาดู รีบหันหลังเดินจากไป ลูกค้าคือพระเจ้า นางยังคงเข้าใจเรื่องนี้

แค่ให้เงิน อย่าว่าแต่ไล่นางไปเลย แม้แต่ให้นางกลับไปรับแขก นางก็ยินดี

บนชั้นสองของชุนเซียงโหลว ซูซินถ่ายเทพลังภายในไปที่หู ทันใดนั้นการได้ยินก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า เสียงต่างๆ ในห้องส่วนตัวที่กันเสียงไม่ดี ดังขึ้นข้างหูซูซินอย่างชัดเจน

เมื่อกำจัดเสียงรบกวนออกไป ซูซินกำมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในพัด เดินไปยังห้องส่วนตัวด้านในสุด

ในตอนนี้ ภายในห้องส่วนตัว ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีกำลังกอดหญิงสาวคนหนึ่ง พลางดื่มสุราอย่างหดหู่ ลูกน้องของพรรคไผ่เขียวหลายคนกำลังรินสุราให้เขา ปลอบใจเขาด้วยเสียงเบาๆ

คนผู้นี้คือเว่ยเฟิง หัวหน้าพรรคไผ่เขียวคนปัจจุบัน แน่นอนว่าตอนนี้เขาดูไม่สง่างามเลย

เว่ยเฟิงรู้สึกหดหู่ใจมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว แต่ชีวิตกลับแย่กว่าตอนที่ยังเป็นคุณชายหัวหน้าพรรคเสียอีก

ตอนนั้น เว่ยเฟิงช่างสง่างามจริงๆ มีบิดาคอยหนุนหลัง ใครในพรรคไผ่เขียวกล้าหาเรื่องเขา?

สงครามครั้งก่อนระหว่างพรรคไผ่เขียวกับพรรคเหยี่ยวเหิน ก็เป็นเพราะเว่ยเฟิงกับซาหยวนตง บุตรชายของซาเฟยอิง แย่งผู้หญิงกันในหอนางโลม สุดท้ายก็ทะเลาะวิวาทกัน

ตอนนั้น เว่ยเฟิงไม่กลัวแม้แต่ซาหยวนตง ไม่สนว่าเจ้าจะเป็นบุตรชายของซาเฟยอิงหรือไม่ ข้าตีไม่เลี้ยง!

แล้วตอนนี้ล่ะ? ตัวเองกลับถูกคนของพรรคเหยี่ยวเหินตบหน้าอย่างแรง สุดท้ายก็ได้แต่มานั่งดื่มสุราอย่างหดหู่

“บัดซบ! อย่าให้ข้ามีโอกาส รอจนกว่าข้าจะควบคุมพรรคไผ่เขียวได้จริงๆ เรื่องแรกที่ข้าจะทำ ก็คือกำจัดไอ้เฒ่าสองคนนั้น!”

ลูกน้องข้างๆ รีบรินสุราให้เขาเต็มแก้ว ยิ้มประจบ “ใช่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องให้ไอ้เต่าชราสองตัวนั้นรู้ถึงความร้ายกาจของท่านหัวหน้าพรรค!”

‘เอี๊ยด’ เสียงประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดออก ซูซินเดินเข้ามา

เว่ยเฟิงขมวดคิ้วทันที “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา? ไสหัวไป! ยังมีกฎอยู่ไหม?”

“เจ้าคือเว่ยเฟิง?” ซูซินถามเบาๆ สายตากลับกวาดมองไปรอบๆ ห้อง

นอกจากเว่ยเฟิงกับนางคณิกาในอ้อมกอดเขาแล้ว ภายในห้องก็มีลูกน้องแค่ห้าคน แต่ล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์ ไม่มีใครแข็งแกร่ง

บางทีเว่ยเฟิงอาจจะคิดว่าในสำนักงานใหญ่ของพรรคไผ่เขียว คงไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา ดังนั้นตอนออกมาเที่ยวเล่น จึงพาแค่ลูกน้องไม่กี่คนมา

“บังอาจ! ชื่อของหัวหน้าพรรคพวกเรา เจ้าก็เรียกมั่วๆ ได้งั้นเหรอ?” ลูกน้องคนหนึ่งรีบออกมาต่อว่า

ซูซินไม่สนใจเขา เดินไปข้างหน้าพลางพูดว่า “วันนี้ข้ามาแค่อยากจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ใครล่วงเกินพรรคเหยี่ยวเหิน ข้าจะลงโทษมัน!”

คำสุดท้ายจบลง พัดในมือของซูซินก็แตกออก เผยให้เห็นมีดสั้นข้างใน แทงไปที่เว่ยเฟิง!

“มือสังหาร!”

ลูกน้องห้าคนนั้นร้องตะโกนด้วยความตกใจ แต่กลับไม่มีใครออกมาขวางซูซิน ต่างก็ร้องโหยหวน ถอยไปข้างหลัง

แววตาตื่นตระหนกวาบผ่านดวงตาของเว่ยเฟิง จริงๆ แล้วเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ พลังภายในไม่ด้อยไปกว่าซูซิน เปิดจุดชีพจรได้ 36 จุด ถึงขอบเขตโฮ่วเทียนขั้นต้นแล้ว

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยต่อสู้กับใครจริงๆ เลย พอเจอเรื่องแบบนี้กะทันหัน เว่ยเฟิงก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองก็ฝึกวิทยายุทธ์เช่นกัน

ซูซินขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าเว่ยเฟิงจะเป็นขยะขนาดนี้ กลัวจนลืมแม้แต่จะหลบ

เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเว่ยเฟิงจริงๆ แต่ถ้าแกล้งแพ้อย่างชัดเจน ก็จะถูกจับได้ง่ายเกินไป

โชคดีที่เว่ยเฟิงยังไม่โง่นัก

ตอนที่ปลายมีดสั้นใกล้เข้ามา เว่ยเฟิงก็ดึงนางคณิกาข้างๆ มาบังหน้าทันที อยากจะใช้นางรับมีดแทน

ซูซินจงใจเบี่ยงมีดสั้น ปลายมีดสั้นทะลุไหล่ของนางคณิกา แทงเข้าไปที่แขนของเว่ยเฟิง

โจมตีไม่สำเร็จ ซูซินรีบถอยหลัง ยังไม่ทันที่เว่ยเฟิงจะตั้งสติได้ เขาก็โดดลงจากหน้าต่างชั้นสองโดยตรง

“ท่านหัวหน้าพรรค ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” เห็นซูซินหนีไป ลูกน้องไม่กี่คนถึงได้เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

“ไสหัวไป! พวกเจ้าล้วนเป็นขยะ ไอ้พวกสัดใส่ข้าว ไสหัวไปให้หมด! เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่?”

เว่ยเฟิงผลักนางคณิกาที่รับมีดแทนเขาออกไป นางยังคงร้องไห้อยู่ไม่หยุด จากนั้นไปข้างๆ และเริ่มด่าลูกน้องไม่กี่คนนี้

ทุกคนต่างก็ยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าเถียง ปล่อยให้เว่ยเฟิงดุด่า

ซูซินก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ คนของพรรคไผ่เขียวก็ตื่นตระหนก หม่าชิงหยวนกับเฉินหงมาถึงชุนเซียงโหลวภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

“ท่านหัวหน้าพรรค เกิดอะไรขึ้น?” หม่าชิงหยวนถามด้วยความเป็นห่วง

“เกิดอะไรขึ้น? ข้าเกือบถูกมือสังหารของพรรคเหยี่ยวเหินฆ่าตาย! กล้ามาลอบสังหารข้าในเขตของสำนักงานใหญ่พรรคไผ่เขียว พรรคเหยี่ยวเหินตบหน้าข้าจนบวม พวกเจ้ายังจะทนอีกงั้นเหรอ?” เว่ยเฟิงตะโกนอย่างโกรธเคือง

“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า?” เฉินหงพูด

เขามีรูปร่างผอมบาง ใบหน้าดูเป็นบัณฑิต ไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ เหมือนกับกุนซือที่ปรึกษามากกว่า

จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเขาก็เป็นกุนซือให้กับหัวหน้าพรรคไผ่เขียวคนก่อน จัดการเรื่องต่างๆ ส่วนเรื่องการต่อสู้ ก็ให้หม่าชิงหยวนจัดการ

ดังนั้นพอได้ยินเรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือมีคนใส่ร้าย เพราะตลอดมาพรรคเหยี่ยวเหินก็ยับยั้งชั่งใจ เขาไม่เชื่อว่าพรรคเหยี่ยวเหินจะบ้า และส่งคนมาลอบสังหารเว่ยเฟิง

“เข้าใจผิด? ไอ้มือสังหารคนนั้นบอกเองว่าเป็นคนของพรรคเหยี่ยวเหิน เรื่องนี้จะมีอะไรเข้าใจผิดได้อีก?”

เว่ยเฟิงจ้องมองทั้งสองคนด้วยตาแดงก่ำ “ถ้าพวกเจ้าไม่สู้กับพรรคเหยี่ยวเหิน งั้นข้าจะไปสู้เอง! ตำแหน่งหัวหน้าพรรคนี้ ข้ายกให้พวกเจ้า! ข้าไม่เป็นแล้ว!”

เฉินหงรีบดึงแขนของเว่ยเฟิง “ท่านหัวหน้าพรรค โปรดสงบสติอารมณ์ ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่สู้ ตอนนี้ข้าจะไปออกคำสั่ง ทำสงครามกับพรรคเหยี่ยวเหิน ต้องให้พวกเขามาชดใช้!”

“ฮึ่ม!”

พอได้คำตอบที่น่าพอใจ เว่ยเฟิงถึงได้กุมแขน เดินออกไปพร้อมกับลูกน้อง

รอจนกว่าคนของเว่ยเฟิงจะไปแล้ว สีหน้าของหม่าชิงหยวนก็มืดครึ้มลงทันที “เฉินหง เจ้าทำอะไร? ทำสงครามตอนนี้ พวกเราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะ!”

เฉินหงถอนหายใจ “ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ จะไม่ทำสงครามได้ยังไง? หัวหน้าพรรคของพวกเราถูกลอบสังหาร ถ้าพวกเรายังทนอีก อย่าว่าแต่หัวหน้ากลุ่มเล็กจะฟังพวกเรเลย แม้แต่ลูกน้องก็ไม่ฟังแล้ว

เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของพรรคเหยี่ยวเหิน ข้ารู้สึกว่ามีคนยุยง บางทีอาจจะเป็นเว่ยเฟิงไอ้หนูนั่นจ้างคนมาทำ! เพื่อยั่วยุให้เกิดสงคราม จะได้ฉวยโอกาสแย่งชิงอำนาจจากพวกเรา”

“ไอ้หนูนั่นมีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?” หม่าชิงหยวนไม่เชื่อ เขาเห็นเว่ยเฟิงโตมาตั้งแต่เด็ก คุณชายเจ้าสำราญคนนี้ มันก็แค่พวกไร้ประโยชน์

เฉินหงยิ้มอย่างลึกลับ “คนเราพอจนตรอกแล้ว อะไรก็ทำได้ แต่เขาอยากจะแย่งชิงอำนาจจากพวกเรา ยังอ่อนหัดเกินไป เขาอยากจะสู้งั้นเหรอ? งั้นข้าจะให้เขาสู้ให้เต็มที่ รอจนกว่าลูกน้องของเขาตายหมด เขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดหัวหน้าพรรคอย่างว่าง่าย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด