บทที่ 177 ผลประโยชน์!
เหตุที่หลินจินไท่รู้สึกประหลาดใจอย่างมากนั้น
เนื่องจากเมื่อคืนมีหลายคนไล่สังหารหลัวเฉิง เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าหลัวเฉิงตายไปแล้ว และถูกสัตว์อสูรกลืนกินทั้งร่างจนไม่เหลือเศษซากทิ้งไว้ แต่แล้วเขากลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
ในกลุ่มคน กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานมองหน้ากัน จากนั้นมองหลัวเฉิงด้วยแววตาคล้ายมีความคิดอะไรบางอย่าง
ตัวเต็งสิบคนก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าคนอื่นๆ ยามนี้กำลังจ้องหลัวเฉิงด้วยแววตาละโมบเต็มเปี่ยม มือเอื้อมไปกระชับด้ามกระบี่ของตนเตรียมลงมือ
พวกเขาไม่สามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้แน่นอน
แต่ถ้าพวกเขาสังหารหลัวเฉิง พวกเขาจะได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอกทันที!
หลัวเฉิงไม่สนใจสายตาจับจ้องเหล่านั้น แววตาเขายังจดจ่ออยู่ที่หลินจินไท่ ทันใดก็สั่งศีรษะเบาๆ แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“ดูเหมือนว่าการที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ คงทำให้เจ้าผิดหวังมากทีเดียว มันช่างน่าเสียดาย ที่เจตนาดั้งเดิมของเจ้านั้นไม่สมหวัง”
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของผู้อาวุโสเหอ ในฐานะศิษย์ใกล้ชิด หลินจินไท่มีหรือจะไม่ล่วงรู้แผนการนี้
หลินจินไท่ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจตนาข้าจะสมหวังหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ แต่ดูจากท่าที่เจ้ายังคงหยิ่งผยองเช่นนี้ แสดงว่าบทเรียนที่ข้าเคยให้เจ้านั้นยังไม่เพียงพอ”
แววตาหลัวเฉิงประกายแสงเยือกเย็นแล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าเองก็อยากคิดบัญชีกับเจ้าในเรื่องเมื่อคราวก่อนเช่นเดียวกัน!”
ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันทำเอาบรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาทันที ต่างฝ่ายก็เตรียมตั้งท่าจะลงมือ
แต่ระหว่างนั้น นักกระบี่หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งก้าวออกมาแล้วกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“หลินจินไท่ ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีความแค้นอันใดต่อกัน แต่ยามนี้ผลหยวนหลิงนับว่ามีความสำคัญกว่า ทั้งเวลาของเรายังเหลือไม่มาก หากดึงดูดความสนใจของงูยักษ์นั่นไม่ได้ พวกเราทุกคนมิเท่ากับล้มเหลวหรอกหรือ”
นักกระบี่หนุ่มคนนี้ก็เป็นหนึ่งในสิบตัวเต็งเช่นเดียวกัน ซึ่งมีนามว่าจั่วฉางซาน!
“สิ่งที่จั่วฉางซานกล่าวนั้นมิผิด ความแค้นส่วนตัวไว้ค่อยสะสางกันทีหลัง ผลหยวนหลิงเหล่านี้นับว่ามีความสำคัญต่ออนาคตของเรายิ่ง”
โจวรั่ว หนึ่งในสิบตัวเต็งสวมชุดสีสดใส ใบหน้าหมดจดงดงามราวกับดอกท้อกล่าวแทรกขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินจินไท่เหลือบมองหลัวเฉิงแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย แต่อย่าได้คิดหนี! เพราะไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนหรือซ่อนอยู่ขุมนรกแห่งใด สุดท้ายก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่ เจ้าไม่มีทางหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของข้าได้!”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเองก็ยังไม่อยากรีบลงมือตอนนี้เช่นเดียวกัน
เขาก็อยากจะเห็นว่าคนเหล่านี้มีแผนจะเก็บผลหยวนหลิงอย่างไร
งูยักษ์ตัวนี้ไม่ธรรมดาเพียงสัมผัสจากกลิ่นอายของมัน ก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสัตว์อสูรขั้นสูงสองดาว ซึ่งมีพลังทัดเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหก
ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหกนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งใช่น้อย ทุกการจู่โจมล้วนแฝงเร้นไปด้วยพลังวิญญาณ ซึ่งพลังนั้นเทียบเท่ากับคชสารเผือกสามเชือก! แม้แต่หลัวเฉิงก็ไม่คิดดูแคลนมันแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น สัตว์อสูรมีเกล็ดปกคลุมร่างกายซึ่งเปรียบเสมือนเกราะ ด้วยสิ่งนั้นทำให้มันยิ่งทวีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกับมัน
ด้วยเรื่องเช่นนี้ ทำให้การได้มาซึ่งผลหยวนหลิงนั้นย่อมมิใช่เรื่องง่าย
เมื่อมองใต้ต้นไม้ใหญ่จะเห็นว่ามีศพผู้คนเกลื่อนกลาดอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่ามีคนเคยพยายามก่อนหน้านี้แล้ว แต่ผลลัพธ์นั้นเลวร้ายยิ่ง
เหตุนี้จึงทำให้หลินจินไท่ปล่อยข่าวนี้ออกไป เพราะเขารู้ว่าการได้มาซึ่งผลหยวนหลิงนั้นมิใช่เรื่องง่าย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวเฉิง หลินจินไท่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ข่มอารมณ์ความโกรธแค้นในใจเอาไว้ จากนั้นกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
“งูยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์อสูรขั้นสูงสองดาว การเผชิญหน้ากับมันตรงๆ นั้นมิได้ผล เราต้องอาศัยแผน โดยให้คนกลุ่มหนึ่งเบี่ยงเบนความสนใจของมัน ในขณะที่อีกกลุ่มจะไปเก็บผลหยวนหลิง! ทันทีที่เก็บผลหยวนหลิงได้แล้วต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด”
จั่วฉางซานกล่าวว่า “ข้อนั้นทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่เรื่องผลประโยชน์นั้นจะจัดสรรอย่างไร เพราะมีผลหยวนหลิงเพียงสิบกว่าผลเท่านั้น”
คนอื่นๆ ต่างมองยังหลินจินไท่
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินจินไท่ก็ไม่กล้าคิดลำเอียงเก็บผลประโยชน์ไว้กับตน จึงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ผลหยวนหลิงสิบผลแรกมีค่าที่สุด ตัวเต็งสิบคนจะได้คนละผล ส่วนผู้ที่ได้ผลหยวนหลิงคนอื่นๆ จะต้องจ่ายโอสถเลือดลมให้ผู้เข้าร่วมคนละห้าสิบเม็ด!”
“โอสถเลือดลมห้าสิบเม็ด มันจะเทียบกับผลหยวนหลิงได้อย่างไร…”
มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าคนหนึ่งเอ่ยค้านขึ้น
หลินจินไท่มองชายคู่นั้นด้วยแววตาเย็นชาก่อนกล่าวว่า “มีความสามารถเท่าไหร่ก็ว่าไปตามนั้น หากรู้สึกว่าสิ่งที่ข้ากล่าวไปไม่ยุติธรรมก็ก้าวออกมาข้างหน้า!”