บทที่ 176 พบหน้าศัตรูเก่า
“ฮ่าๆ!”
ผู้ที่กำลังย่างสามขุมเข้าหาหลัวเฉิง เมื่อได้ฟังวาจานี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที ไม่ช้าหนึ่งในนั้นก็พลันตะโกนขึ้น
“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? เจ้าขยะนี่กล้าขู่พวกเราด้วย! เวลาสามลมหายใจงั้นรึ เฮอะ! ข้าอยากรู้นักว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร!”
ศิษย์หนุ่มร่างกำยำเย้ยหยัน “กลยุทธ์ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีประโยชน์หรอก! ตั้งแต่นาทีแรกที่เจ้าย่างเท้าเข้ามายังที่นี่ เจ้าก็เหลือทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น! นั่นคือตาย!”
คำขู่ของหลัวเฉิงไม่อาจทำให้ศิษย์หนุ่มร่างกำยำกังวลเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากพวกเขามีคนมากมายตั้งขนาดนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงขยะเพียงคนเดียว ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็มิอาจรับมือได้!
ตอนนี้เขาคิดเพียงว่า จะทำอย่างไรให้ความดีความชอบจากการสังหารหลัวเฉิงเป็นของตนเพียงผู้เดียว
คนอื่นก็มิได้ลงมือทันทีเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ต่างกำลังใคร่ครวญในเรื่องนี้อยู่
สามลมหายใจสิ้นไปในชั่วพริบตา
ศิษย์หนุ่มร่างกำยำจ้องหลัวเฉิง แล้วกล่าววาจาเย้ยหยัน “สามลมหายใจที่เจ้าว่า ตอนนี้หมดแล้ว....”
“เช่นนั้นก็ตายซะ!”
หลัวเฉิงก้าวกระโดดเข้าหาศัตรูในพริบตาเดียว เมื่อบรรลุถึงก็ชกหมัดออกไปทันที
แต่ทว่า ศิษย์หนุ่มร่างกำยำกลับยังยิ้มหน้าระรื่น ไม่เพียงไม่กลัวแต่ในใจยังรู้สึกยินดีอีกต่างหาก กลับเป็นการดีเสียอีกที่หลัวเฉิงเลือกจู่โจมเขาก่อน เช่นนี้เขาก็สามารถสังหารหลัวเฉิงได้ก่อนใคร ไหนเลยคนอื่นจะสามารถแย่งความดีความชอบจากเขาได้กัน!
“ฮึ่ม! ไม่รู้จักประมาณตน!”
ศิษย์หนุ่มร่างกำยำตวาดลั่น พร้อมชกหมัดสวนออกไปทันที
ผัวะ!
เสียงปะทะหนักอึ้งสะท้านขึ้น ศิษย์หนุ่มร่างกำยำไม่ทันได้ร้องโอดครวญด้วยซ้ำ เพราะครึ่งหนึ่งของร่างเขาขาดกระจายไปชั่วพริบตา ยามนี้ร่างกำยำของบุรุษหนุ่มเหลือเพียงครึ่งซีกเท่านั้น
ทุกคนในที่นั้นเบิกตากว้างตะลึงลาน
ชายหนุ่มร่างกำยำผู้นั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ แต่กลับถูกสังหารด้วยหมัดเดียว!
“ร่วมมือกันฆ่ามันซะ!”
“ฆ่า!”
เสียงกู่ร้องดังก้องไปทั่วป่า ศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่ใกล้ต่างกระโจนเข้าใส่หลัวเฉิงพร้อมกัน
“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่สอง สะบั้นเมฆา!”
แววตาหลัวเฉิงทอประกายแสงเย็นยะเยือก ยามนี้กระบี่ทลายสวรรค์ถูกชักออกจากฝัก พร้อมกับฟาดฟันเข้าใส่ฝูงชนที่กรูกันเข้ามา
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!...
แสงกระบี่วาววับ พร้อมกับเศษเลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว!
เพียงอึดใจเดียว ศิษย์บำรุงสำนักสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาก็ถูกสังหารสิ้น ร่างพวกเขาถูกฟันขาดเป็นหลายท่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว พานให้ผู้คนที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศนี้ต้องรู้สึกชาหนังศีรษะวาบ
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างตกตะลึง ยืนงงแข็งทื่อเป็นไก่ไม้ บรรยากาศคันเงียบสงัดไร้ซึ่งสุ้มเสียง
“ยังมีใครคิดขวางหรืออยากเอาชีวิตข้าอีกหรือไม่? หากมีความกล้าก็เชิญก้าวออกมาได้”
หลัวเฉิงกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ
ผู้ใดได้สบตากับเขาก็เป็นต้องหลบเลี่ยงไม่กล้าเผชิญแววตานั้นโดยตรง ทั่วสรรพางค์กายสั่นเทาอย่างมิอาจยับยั้งได้ ไม่ช้าก็ต่างก้าวถอยหลังเปิดทางให้หลัวเฉิงทันที
เนื่องจากมีสิบกว่าศพที่ร่างขาดกระจายไร้ชิ้นดีอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะกล้าขวางได้อย่างไร?
หลัวเฉิงเก็บกระบี่เข้าฝัก แล้วเดินขึ้นเขาไปทันที
หากแต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้เรียกเซวียเหิน
หลังได้เห็นสถานการณ์เมื่อครู่แล้ว หากมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ขึ้นไปก็รังแต่จะนำอันตรายมาสู่ตนเท่านั้น
กระทั่งเงาของหลัวเฉิงหายลับตาไป แรงกดดันที่คล้ายกับขุนเขาขนาดใหญ่ก็หายไปจากความรู้สึกของทุกคนเช่นเดียวกัน
“สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่กว่าสิบคนได้ในพริบตา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งขนาดนี้มิใช่หรือ? เขาเป็นคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาจริงหรือ?”
“ข้าว่ามีเพียงสิบตัวเต็งเท่านั้น ที่สามารถเอาชนะเขาได้!”
เมื่อมองไปที่ศพบนพื้น ทุกคนก็ต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย เพราะในหัวพวกเขายามนี้เกิดคำถามมากมายยิ่งนัก
สัตว์อสูรบนเขาถูกสังหารจนสิ้นแล้ว การเดินทางขึ้นเขาจึงราบรื่นยิ่ง หลัวเฉิงใช้เวลาเพียงไม่นานก็ขึ้นถึงยอดเขาได้สำเร็จ
เมื่อเดินพ้นป่าก็เป็นที่ราบกว้างใหญ่
ปลายสุดของพื้นที่ราบนั้น ปรากฏต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา ทั้งลำต้นของมันนั้นคล้ายกับหยกขาว
ใบของมันเขียวกระจ่างดั่งมรกต บนยอดมันมีผลไม้ขนาดเท่ามือทารกสิบกว่าผล ซึ่งโดดเด่นดึงดูดสายตายิ่งนัก!
ทว่าใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งนั้น มีงูยักษ์นอนขดตัวอยู่
งูยักษ์ตัวนี้มาตรว่ายาวกว่าสิบจั้ง ทั่วลำตัวมันมีสีดำปะปนกับสีทอง ยามที่มันเปิดปากหมอกสีดำก็ถูกพ่นออกมา ดวงตาแดงฉานดุจดั่งโลหิตขนาดเท่าโคมไฟขนาดใหญ่!
ในป่ารอบข้าง มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ยืนรวมตัวกันหลายสิบคน!
พวกเขายืนล้อมกันเป็นวง ซึ่งผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลางคือกู่หลิงเฟิงพร้อมทั้งตัวเต็งอีกหลายคนที่กำลังสนทนากันอยู่ คล้ายจะปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด
“นั่นมีใครกำลังมา!”
เมื่อได้ยินเสียงอุทาน ทุกคนก็ต่างพากันหันกลับไปมอง
“หลัวเฉิง!”
ครั้นพบว่าผู้ที่มานั้นเป็นใคร หลายคนก็ต่างเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน
“โอ้… ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้ายังมีชีวิตอยู่อีก!”
หลินจินไท่เดินออกมาจากกลุ่มคนด้วยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าใครอื่น