ตอนที่แล้วบทที่ 175 หากข้าจะไป ใครก็ขวางข้าไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 177 ผลประโยชน์!

บทที่ 176 พบหน้าศัตรูเก่า


“ฮ่าๆ!”

ผู้ที่กำลังย่างสามขุมเข้าหาหลัวเฉิง เมื่อได้ฟังวาจานี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที ไม่ช้าหนึ่งในนั้นก็พลันตะโกนขึ้น

“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? เจ้าขยะนี่กล้าขู่พวกเราด้วย! เวลาสามลมหายใจงั้นรึ เฮอะ! ข้าอยากรู้นักว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร!”

ศิษย์หนุ่มร่างกำยำเย้ยหยัน “กลยุทธ์ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีประโยชน์หรอก! ตั้งแต่นาทีแรกที่เจ้าย่างเท้าเข้ามายังที่นี่ เจ้าก็เหลือทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น! นั่นคือตาย!”

คำขู่ของหลัวเฉิงไม่อาจทำให้ศิษย์หนุ่มร่างกำยำกังวลเลยแม้แต่น้อย

เนื่องจากพวกเขามีคนมากมายตั้งขนาดนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงขยะเพียงคนเดียว ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็มิอาจรับมือได้!

ตอนนี้เขาคิดเพียงว่า จะทำอย่างไรให้ความดีความชอบจากการสังหารหลัวเฉิงเป็นของตนเพียงผู้เดียว

คนอื่นก็มิได้ลงมือทันทีเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ต่างกำลังใคร่ครวญในเรื่องนี้อยู่

สามลมหายใจสิ้นไปในชั่วพริบตา

ศิษย์หนุ่มร่างกำยำจ้องหลัวเฉิง แล้วกล่าววาจาเย้ยหยัน “สามลมหายใจที่เจ้าว่า ตอนนี้หมดแล้ว....”

“เช่นนั้นก็ตายซะ!”

หลัวเฉิงก้าวกระโดดเข้าหาศัตรูในพริบตาเดียว เมื่อบรรลุถึงก็ชกหมัดออกไปทันที

แต่ทว่า ศิษย์หนุ่มร่างกำยำกลับยังยิ้มหน้าระรื่น ไม่เพียงไม่กลัวแต่ในใจยังรู้สึกยินดีอีกต่างหาก กลับเป็นการดีเสียอีกที่หลัวเฉิงเลือกจู่โจมเขาก่อน เช่นนี้เขาก็สามารถสังหารหลัวเฉิงได้ก่อนใคร ไหนเลยคนอื่นจะสามารถแย่งความดีความชอบจากเขาได้กัน!

“ฮึ่ม! ไม่รู้จักประมาณตน!”

ศิษย์หนุ่มร่างกำยำตวาดลั่น พร้อมชกหมัดสวนออกไปทันที

ผัวะ!

เสียงปะทะหนักอึ้งสะท้านขึ้น ศิษย์หนุ่มร่างกำยำไม่ทันได้ร้องโอดครวญด้วยซ้ำ เพราะครึ่งหนึ่งของร่างเขาขาดกระจายไปชั่วพริบตา ยามนี้ร่างกำยำของบุรุษหนุ่มเหลือเพียงครึ่งซีกเท่านั้น

ทุกคนในที่นั้นเบิกตากว้างตะลึงลาน

ชายหนุ่มร่างกำยำผู้นั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ แต่กลับถูกสังหารด้วยหมัดเดียว!

“ร่วมมือกันฆ่ามันซะ!”

“ฆ่า!”

เสียงกู่ร้องดังก้องไปทั่วป่า ศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่ใกล้ต่างกระโจนเข้าใส่หลัวเฉิงพร้อมกัน

“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่สอง สะบั้นเมฆา!”

แววตาหลัวเฉิงทอประกายแสงเย็นยะเยือก ยามนี้กระบี่ทลายสวรรค์ถูกชักออกจากฝัก พร้อมกับฟาดฟันเข้าใส่ฝูงชนที่กรูกันเข้ามา

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!...

แสงกระบี่วาววับ พร้อมกับเศษเลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว!

เพียงอึดใจเดียว ศิษย์บำรุงสำนักสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาก็ถูกสังหารสิ้น ร่างพวกเขาถูกฟันขาดเป็นหลายท่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว พานให้ผู้คนที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศนี้ต้องรู้สึกชาหนังศีรษะวาบ

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างตกตะลึง ยืนงงแข็งทื่อเป็นไก่ไม้ บรรยากาศคันเงียบสงัดไร้ซึ่งสุ้มเสียง

“ยังมีใครคิดขวางหรืออยากเอาชีวิตข้าอีกหรือไม่? หากมีความกล้าก็เชิญก้าวออกมาได้”

หลัวเฉิงกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ

ผู้ใดได้สบตากับเขาก็เป็นต้องหลบเลี่ยงไม่กล้าเผชิญแววตานั้นโดยตรง ทั่วสรรพางค์กายสั่นเทาอย่างมิอาจยับยั้งได้ ไม่ช้าก็ต่างก้าวถอยหลังเปิดทางให้หลัวเฉิงทันที

เนื่องจากมีสิบกว่าศพที่ร่างขาดกระจายไร้ชิ้นดีอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะกล้าขวางได้อย่างไร?

หลัวเฉิงเก็บกระบี่เข้าฝัก แล้วเดินขึ้นเขาไปทันที

หากแต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้เรียกเซวียเหิน

หลังได้เห็นสถานการณ์เมื่อครู่แล้ว หากมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ขึ้นไปก็รังแต่จะนำอันตรายมาสู่ตนเท่านั้น

กระทั่งเงาของหลัวเฉิงหายลับตาไป แรงกดดันที่คล้ายกับขุนเขาขนาดใหญ่ก็หายไปจากความรู้สึกของทุกคนเช่นเดียวกัน

“สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่กว่าสิบคนได้ในพริบตา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งขนาดนี้มิใช่หรือ? เขาเป็นคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาจริงหรือ?”

“ข้าว่ามีเพียงสิบตัวเต็งเท่านั้น ที่สามารถเอาชนะเขาได้!”

เมื่อมองไปที่ศพบนพื้น ทุกคนก็ต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย เพราะในหัวพวกเขายามนี้เกิดคำถามมากมายยิ่งนัก

สัตว์อสูรบนเขาถูกสังหารจนสิ้นแล้ว การเดินทางขึ้นเขาจึงราบรื่นยิ่ง หลัวเฉิงใช้เวลาเพียงไม่นานก็ขึ้นถึงยอดเขาได้สำเร็จ

เมื่อเดินพ้นป่าก็เป็นที่ราบกว้างใหญ่

ปลายสุดของพื้นที่ราบนั้น ปรากฏต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา ทั้งลำต้นของมันนั้นคล้ายกับหยกขาว

ใบของมันเขียวกระจ่างดั่งมรกต บนยอดมันมีผลไม้ขนาดเท่ามือทารกสิบกว่าผล ซึ่งโดดเด่นดึงดูดสายตายิ่งนัก!

ทว่าใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งนั้น มีงูยักษ์นอนขดตัวอยู่

งูยักษ์ตัวนี้มาตรว่ายาวกว่าสิบจั้ง ทั่วลำตัวมันมีสีดำปะปนกับสีทอง ยามที่มันเปิดปากหมอกสีดำก็ถูกพ่นออกมา ดวงตาแดงฉานดุจดั่งโลหิตขนาดเท่าโคมไฟขนาดใหญ่!

ในป่ารอบข้าง มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ยืนรวมตัวกันหลายสิบคน!

พวกเขายืนล้อมกันเป็นวง ซึ่งผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลางคือกู่หลิงเฟิงพร้อมทั้งตัวเต็งอีกหลายคนที่กำลังสนทนากันอยู่ คล้ายจะปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด

“นั่นมีใครกำลังมา!”

เมื่อได้ยินเสียงอุทาน ทุกคนก็ต่างพากันหันกลับไปมอง

“หลัวเฉิง!”

ครั้นพบว่าผู้ที่มานั้นเป็นใคร หลายคนก็ต่างเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน

“โอ้… ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้ายังมีชีวิตอยู่อีก!”

หลินจินไท่เดินออกมาจากกลุ่มคนด้วยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าใครอื่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด