ตอนที่ 32 สำนักงานใหญ่สำนักสุดขีดระดับโลก
29 มิถุนายน เวลา 15.20 น.
สำนักงานใหญ่สำนักสุดขีดระดับโลก ฐานทัพหนิง เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปเอเชีย ใกล้กับทวีปยุโรป
ในช่วงมหันตภัยครั้งใหญ่ 'หง' ได้นำพาลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งมาสร้างฐานทัพมนุษย์ที่เรียบง่ายบนผืนแผ่นดินนี้ เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากที่หลบหนีมาได้มีที่อาศัย
เมื่อเวลาผ่านไป ฐานทัพหนิงแห่งนี้ก็ยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้น จนกลายมาเป็นเมืองในปัจจุบัน
หวังอี้และหยางฮุ่ยกำลังนั่งอยู่ในรถคาดิลแลคคันยาว มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่าง เมืองฐานทัพแห่งนี้สวยงามมาก สถาปัตยกรรมเป็นการลอกเลียนแบบจากยุคโบราณของจีนอย่างสมบูรณ์แบบ มีศาลาและหอคอยที่พบเห็นได้ทั่วไป
หวังอี้รู้สึกว่าตัวเองชอบที่นี่มาก อาจเป็นเพราะว่าในสายเลือดของเขานั้นเป็นชาวจีนแท้
"ในฐานะปัจเจกบุคคล หงนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ" หวังอี้คิดในใจ
ทั่วโลกมีทั้งหมด 5 ประเทศใหญ่ พร้อมด้วยเมืองฐานทัพอีก 23 แห่ง หงครอบครองเมืองฐานทัพแห่งหนึ่ง!
อันดับหนึ่งด้านความแข็งแกร่ง!
อันดับหนึ่งด้านอำนาจ!
อันดับหนึ่งด้านความร่ำรวย!
...
และสำนักสุดขีดที่เขาควบคุมอยู่นั้นก็เป็นสำนักสุดขีดอันดับหนึ่งของโลกเช่นกัน อิทธิพลนั้นยิ่งใหญ่มาก
ไม่รู้ว่ามีเยาวชนจำนวนมากแค่ไหนที่เติบโตมากับตำนานของหง
"แต่..." หวังอี้คิดต่อ "นี่ก็แค่บนโลกเท่านั้น หากนำไปเปรียบเทียบกับจักรวาลแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรเลย"
แต่ไม่ว่าอย่างไร หงก็มีส่วนสนับสนุนที่ไม่สามารถลบล้างได้ต่อมนุษยชาติ
ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ หวังอี้ก็ยังคงชื่นชมหงอยู่
ไม่นานนัก ค่ายฝึกหัวกระทิสำหรับอัจฉริยะก็มาถึง
หวังอี้และหยางฮุยลงจากรถพร้อมกัน เดินเข้าไปในประตูใหญ่ของค่ายฝึก
ทันทีที่เข้ามา หวังอี้ก็เห็นประติมากรรมมังกรดำขนาดยักษ์สูงเกือบ 50 เมตร
ดวงตาของมังกรขนาดใหญ่คู่นั้นจ้องตรงไปที่ประตู ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาจะต้องมองเห็นเป็นสิ่งแรก
และในขณะที่สบตากับดวงตาของมังกรดำ พลังแห่งความมืดอันไร้ขอบเขตก็กดทับลงมาทันที
หวังอี้เตรียมใจมาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหายใจติดขัดเล็กน้อย
หวังอี้รู้ว่านี่คือสัตว์ประหลาดระดับ SS (ระดับราชา) ตัวจริง!
หลังจากที่หงฆ่ามันแล้ว ดวงตาของมังกรดำก็ถูกนำมาวางไว้บนประติมากรรม
ซึ่งทำให้ประติมากรรมทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น
คนทั่วไปแค่เห็นก็จะได้รับผลกระทบที่มองไม่เห็น
แม้แต่นักสู้ก็จะรู้สึกกดดัน!
และบนเกล็ดมังกรดำขนาดยักษ์ยาว 50 เมตร มีหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละหน้าจอจะมีชื่ออยู่
"หมายเลข 1 เรเนตัส บริดจ์ (530321)"
"หมายเลข 2 เหอจิง (520309)"
"หมายเลข 3 เอเบน เพิร์ธ (520916)"
"หมายเลข 4 ฉู่เฉียง (540601)"
...
"หมายเลข 183 อาเธอร์ เยตส์ (560502)"
หวังอี้รู้ว่านี่คืออันดับมังกรดำของค่ายฝึกหัวกระทิ ในนั้นมีชื่อตัวละคร 'ฉู่เฉียง' จากต้นฉบับที่หวังอี้คุ้นเคยอยู่ด้วย และอันดับยังอยู่ที่ 4 ด้วย
ตอนนี้เป็นวันที่ 29 มิถุนายน 2056 และ 'ฉู่เฉียง' น่าจะเข้าค่ายฝึกหัวกระทิในเดือนมิถุนายนปี 2054 ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 ปีก็สามารถแซงหน้าอัจฉริยะจากทั่วโลกจำนวนมากขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ได้ แสดงให้เห็นว่าฉู่เฉียงมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
และคนที่อยู่ในอันดับสุดท้ายน่าจะเข้ามาในเดือนพฤษภาคมปีนี้
ดูเหมือนว่าในเดือนมิถุนายนจะมีแค่ฉันคนเดียว หวังอี้คิดในใจ
และหยางฮุยก็อธิบายเรื่องต่างๆ ของค่ายฝึกให้หวังอี้ฟังอยู่ข้างๆ
"...ในปัจจุบันนี้ ค่ายฝึกหัวกระทิมีนักเรียนทั้งหมด 184 คนรวมถึงเธอด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะระดับสูงสุดจากทั่วโลก...มีการจัดอันดับทุกเดือน และอันดับที่อยู่ในสามอันดับสุดท้าย หากมีการสะสมสามครั้งที่อยู่ในสามอันดับสุดท้ายก็จะถูกคัดออก"
หวังอี้พบว่าหยางฮุยพูดเรื่องนี้ได้คล่องแคล่วมาก ไม่รู้ว่าได้พูดให้คนอื่นฟังไปกี่คนแล้ว
หวังอี้เดินตามไปในค่ายฝึก ค่ายฝึกแห่งนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามตระการตา พระราชวังโบราณที่สง่างาม หอคอยที่สวยงามวิจิตรบรรจง ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีต
ภูเขาจำลอง สวนหย่อม สะพานข้ามลำธารราวกับดินแดนแห่งเทพนิยาย
ยังสามารถเห็นชายหนุ่มสาวผิวสีต่างๆ สวมชุดฝึกกำลังเดินไปมาที่นี่
"นั่นคือสมาชิกอย่างเป็นทางการของค่ายฝึกหัวกระทิ" หยางฮุยชี้ไปที่อาคารสูงรูปทรงหอคอยขนาดยักษ์เก้าชั้นที่อยู่ใจกลางค่ายฝึก "หอคอยเก้าชั้นนั้นมีชื่อว่า 'อาคารเก้าชั้น' เป็นสถานที่เรียนรู้และฝึกฝนของนักเรียนทุกคน รวมถึงห้องฝึกพิเศษบางห้องด้วย"
ดวงตาของหวังอี้ก็สว่างขึ้น
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว
นักเรียนของค่ายฝึกหะวกระทิจะสำเร็จการศึกษาปีละ 30-40 คน ดังนั้นจึงรับสมัครนักเรียนปีละ 30-40 คนเช่นกัน
แต่โควต้าการรับสมัครนี้มีสองในสามมาจากค่ายฝึกพื้นฐานของสำนักสุดขีด และมีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่รับสมัครจากทั่วโลก
นั่นหมายความว่าทั่วโลกมีเพียงสิบกว่าคนที่สามารถเข้าค่ายฝึกหัวกระทิได้ในแต่ละปี
เฉลี่ยแล้ว 52 เมืองฐานทัพ อาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะมีอัจฉริยะที่สามารถเข้าค่ายฝึกหัวกระทิได้!
ค่ายฝึกพื้นฐานมีระยะเวลาการศึกษาสามปี แต่ค่ายฝึกหัวกระทิมีระยะเวลาการศึกษาถึงห้าปี!
และจำนวนนักเรียนของค่ายฝึกพื้นฐานนั้นมากกว่าค่ายฝึกหัวกระทิมาก การแข่งขันก็รุนแรงมากเช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหวังอี้
หยางฮุยพาหวังอี้ไปที่อาคารสไตล์โบราณสองชั้น จัดให้หวังอี้พักที่นี่ พรุ่งนี้เที่ยงต้องไปที่อาคารเก้าชั้นเพื่อเข้ารับการทดสอบ แต่หยางฮุยบอกหวังอี้ชัดเจนว่านี่เป็นเพียงการทดสอบตามปกติ เพื่อทดสอบระดับปัจจุบันของหวังอี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็สามารถเข้าร่วมค่ายฝึกหัวกระทิได้ ไม่ต้องกังวล
หวังอี้รู้ดีอยู่แล้วว่าการทดสอบที่ว่านั้นก็คือการฝ่าด่านหอคอยจำลองในพื้นที่เสมือนจริง
เขาจะไม่มีความกังวลใดๆ แม้ว่าจะเป็นการทดสอบจริงๆ ตามระดับการฝึกฝนร่างกายและดาบในปัจจุบันของเขารวมถึงการที่ได้ฝึกฝนดาบสายฟ้าเก้าขั้น ขั้นแรกแล้ว แม้แต่การทดสอบระดับ B ของหลัวเฟิงในต้นฉบับ เขาก็สามารถผ่านได้อย่างสบายๆ
และโดยทั่วไปแล้ว การทดสอบการเข้าค่ายฝึกหัวกระทิจะเป็นเพียงการทดสอบระดับ A เท่านั้น
ในต้นฉบับที่หลัวเฟิงได้รับการทดสอบระดับ B นั้นเป็นเพราะโควต้าของจีนในปีนั้นหมดแล้ว จึงเพิ่มระดับความยากในการทดสอบ
หยางฮุยจากไปหลังจากนั้น หวังอี้ยืนอยู่คนเดียวในอาคารที่เงียบสงบ เดินขึ้นไปที่ห้องสมุดชั้นสอง วางกระเป๋าเป้สัมภาระลงอย่างเงียบๆ แล้วเดินไปที่ระเบียง มองออกไปยังค่ายฝึกทั้งหมด
เวลานี้ใกล้จะถึงเวลาพลบค่ำแล้ว ค่ายฝึกทั้งหมดอาบอยู่ในแสงแดดสีทอง อาคารโบราณที่สง่างามแต่ละหลังราวกับถูกย้อมด้วยผ้าไหมสีทองสง่างามเงียบสงบ งดงามจนดูไม่เหมือนจริง
"นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ" หวังอี้คิดในใจ
ขณะที่ชื่นชมความงามของค่ายฝึก หวังอี้ก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่สำคัญกว่า
"ลงชื่อ"
ในวินาทีถัดมา -
[ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ลงชื่อสำเร็จ รับรางวัลประสบการณ์เทคนิคการเคลื่อนไหวและดาบเพิ่มขึ้นสิบระดับ]
[ระดับเทคนิคการเคลื่อนไหวของคุณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 'ความหมายลึกซึ้ง']
[ระดับเทคนิคดาบของคุณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 'ความหมายลึกซึ้ง']
[สามารถลงชื่อในสถานที่นี้ได้อีก: 0 ครั้ง]
ทันทีที่แผงแจ้งเตือนขึ้น ข้อมูลอันทรงพลังก็หลั่งไหลเข้าสู่จิตสำนึกของหวังอี้
จิตใจของเขาเลื่อนลอย ราวกับจมดิ่งลงไปในมหาสมุทรแห่งกาลเวลา
เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับตัวเอง กำลังฝึกดาบด้วยสีหน้าเย็นชา ฝึกฝนการใช้ดาบทั้งในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศ
ป่าไม้ ทะเล ทุ่งหญ้า ภูเขา ทะเลทราย...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเมื่อเด็กหนุ่มมาถึงดินแดนแห่งความตายที่ปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่านจากภูเขาไฟที่ปะทุขึ้น ท่ามกลางแผ่นดินไหวและพายุที่โหมกระหน่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเถ้าถ่านในเปลวไฟที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เด็กหนุ่มก็เกิดความเข้าใจทันที
ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับดาวตกที่พุ่งทะยานไปในท้องฟ้า
ฟันดาบออกไปครั้งหนึ่ง ราวกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้น เผาทุกสิ่งทุกอย่าง
ตูม!
หวังอี้สะดุ้งตื่นอย่างแรง
มองดูมือของตัวเอง ความรู้สึกนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจ
"นี่คือระดับความหมายลึกซึ้งงั้นเหรอ"
"ฉันมาถึงระดับความหมายลึกซึ้งแล้วเหรอ"