ตอนที่ 31 กลับสู่เมืองฐาน
27 มิถุนายน บ่ายโมงเศษๆ หวังอี้และทีมพายุก็กลับมายังฐานทัพเสบียงนักสู้เขตตะวันตกของฐานเมืองเจียงหนาน
อาคารหลังเล็ก D3 ภายในฐานทัพ
“ฮ่าๆๆๆ... ต้องขอบคุณหวังอี้ เมื่อสองวันที่แล้วเราถึงจะล่าสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นสูงอย่าง 'พยัคฆ์ไล่ลม' ได้สำเร็จ ครั้งนี้เราสามารถล่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ก็ต้องยกความดีให้หวังอี้เลย”
ห้องโถงชั้นสองของอาคารหลังเล็กสามชั้น สมาชิกทั้งห้าของทีมพายุรวมถึงหวังอี้รวมเป็นหกคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงกันครบถ้วน หัวหน้าทีมเจียงเฟิงลูบเคราที่เพิ่งงอกขึ้นมาใหม่หัวเราะอย่างร่าเริง
ใบหน้าของคนอื่นๆ ก็ปรากฏรอยยิ้ม
ครั้งนี้แม้ว่าจะออกไปเพียงสิบกว่าวัน แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มาก!
เหตุผลก็คือ เมื่อสองวันที่แล้วที่เมืองหมายเลข 032 ได้พบกับสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นสูงอย่าง 'พยัคฆ์ไล่ลม'!
นักสู้แบ่งออกเป็นระดับนักสู้ (ขั้นต้น, ขั้นกลาง, ขั้นสูง), ระดับแม่ทัพ (ขั้นต้น, ขัเนกลาง, ขั้นสูง), ระดับเทพสงคราม (ขั้นต้น, ขั้นกลาง, ขั้นสูง) รวมทั้งหมดเก้าระดับ!
ส่วนสัตว์ประหลาดแบ่งออกเป็นระดับพลทหาร, ระดับบัญชาการ, ระดับจ่าฝูง ซึ่งเทียบเท่ากับระดับนักสู้, ระดับแม่ทัพ และระดับเทพสงครามของมนุษย์!
วัสดุระดับพลทหารโดยทั่วไปจะมีมูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่น
วัสดุจากสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการจึงมีค่า
ส่วนวัสดุสำคัญของ 'สัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูง' นั้นยิ่งมีราคาแพงกว่า!
วัสดุสัตว์ประหลาดแบ่งออกเป็นหลายระดับตามมูลค่า และมักจะมีการขึ้นลงอยู่เสมอ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้
แต่ถ้าหากขายให้กับห้างสรรพสินค้า พันธมิตร HR วัสดุสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นสูงโดยทั่วไปจะมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 50 ล้านถึง 500 ล้าน
และครั้งนี้หวังอี้และทีมของเขาก็ได้พบกับ 'พยัคฆ์ไล่ลม' ซึ่งจัดว่าเป็นสัตว์ประหลาดประเภทพยัคฆ์ที่เก่งกาจ และยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย แม้ว่าจะสู้กับทีมนักสู้ระดับแม่ทัพชั้นยอดอย่างเจียงเฟิงไม่ได้ แต่ถ้าหากคิดจะหนีก็ทำได้ง่ายๆ ไม่มีใครหยุดได้
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าในทีมนักสู้ระดับแม่ทัพของมนุษย์จะมีนักอ่านวิญญาณระดับเทพสงครามแฝงตัวอยู่
ร่างกายของหวังอี้ในปัจจุบันหลังจากที่ได้ฝึกฝนในเขตพื้นที่รกร้างมาครึ่งเดือนก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีก พละกำลังตอนนี้เกือบจะถึงแปดพันกิโลกรัมแล้ว! การเสริมสร้างยีนในระดับ 3 เท่า บวกกับการเพิ่มพลังการโจมตี 1.4 เท่าจากดาบสายฟ้าเก้าขั้น ขั้นแรก และเทคนิคเคลื่อนไหวระดับสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะไม่ใช้พลังจิต ก็สามารถฆ่า 'พยัคฆ์ไล่ลม' ตัวนี้ได้ไม่ยาก!
แต่ก่อนที่จะเข้าค่ายฝึกหัวกระทิ หวังอี้ก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนมากเกินไป
ดังนั้น เขาจึงใช้พลังจิตคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของ 'พยัคฆ์ไล่ลม' อยู่ตลอดเวลา เมื่อพบว่าพยัคฆ์ไล่ลมตั้งใจจะหนี เขาจึงใช้เพียงเทคนิคเคลื่อนไหวระดับสมบูรณ์แบบก็สามารถสกัดกั้นพยัคฆ์ไล่ลมไว้ได้สำเร็จ
จากนั้นก็ถูกเจียงเฟิงและทีมที่ไล่ตามมาล้อมฆ่า!
กล่าวได้ว่า หากไม่มีหวังอี้ในครั้งนี้ เจียงเฟิงและทีมของเขาก็คงไม่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นสูงตัวนี้ได้
และระหว่างทีมนักสู้นั้น ส่วนใหญ่จะแบ่งเงินตามส่วนของการมีส่วนร่วมในการต่อสู้!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ครั้งนี้หวังอี้จะได้รับส่วนแบ่งที่มาก!
สำหรับผู้ที่เข้ามาในเขตพื้นที่รกร้างเป็นครั้งแรก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับเงินมากมายขนาดนี้ในครั้งแรก
หลังจากพักผ่อนที่ฐานทัพเสบียงนักสู้หนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น หวังอี้และทีมของเขาก็ขึ้นรถไฟกลับมายังฐานเมืองเจียงหนาน
เจียงเฟิงและทีมของเขาขายวัสดุสัตว์ประหลาดทั้งหมดในห้างสรรพสินค้า พันธมิตร HR สุดท้าย 'พยัคฆ์ไล่ลม' รวมถึงวัสดุสัตว์ประหลาดอื่นๆ ก็ขายได้ทั้งหมด 620 ล้าน!
ส่วนหวังอี้ ได้รับส่วนแบ่ง 190 ล้าน!
เนื่องจากเขาเป็นผู้สกัดกั้นพยัคฆ์ไล่ลม ทีมจึงยอมรับโดยปริยายว่าเขาเป็นผู้มีส่วนสำคัญ และเมื่อรวมกับศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของหวังอี้ที่กำหนดให้เขาต้องมีอนาคตที่สดใส คนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะถอยให้เขาบ้าง ดังนั้น จึงไม่มีใครคัดค้านที่เขาจะได้รับส่วนแบ่งมากขึ้น!
ออกมาครั้งเดียว ได้เงินเกือบ 200 ล้าน!
หวังอี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงได้มีคำกล่าวที่ว่านักสู้ร่ำรวยล้นฟ้า!
ดูอย่างทีมพายุสิ ออกไปครึ่งเดือน แต่เกือบทุกคนมีรายได้เกินหนึ่งร้อยล้าน!
แต่ก็นับว่าแลกด้วยชีวิต หากไม่ใช่ทีมนักสู้ระดับแม่ทัพชั้นยอดอย่างเจียงเฟิง แต่เป็นทีมธรรมดาอื่นๆ ที่ได้พบกับพยัคฆ์ไล่ลม แทนที่จะเป็นการล่าสัตว์ การได้กลับมาอย่างมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว
หลังจากแบ่งเงินกันแล้ว สมาชิกทีมพายุก็พาหวังอี้ไปกินข้าวและดื่มเหล้าที่สถานที่บริโภคของห้างสรรพสินค้า พันธมิตร HR แล้วจึงแยกย้ายกันไปอย่างพึงพอใจ
แต่ก่อนที่จะกลับบ้าน หวังอี้ตั้งใจไปที่สำนักสายฟ้าสาขาเมืองเจียงหนานเพื่อลงชื่อเข้าใช้ในวันนี้
[ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ รับรางวัลประสบการณ์เทคนิคดาบห้าระดับ]
[เทคนิคดาบของคุณได้เพิ่มขึ้นเป็น 'ระดับสมบูรณ์แบบ']
[จำนวนครั้งที่ลงชื่อเข้าใช้ในสถานที่นี้คือ: 0]
ผลลัพธ์ก็ยังทำให้หวังอี้พอใจ
ตอนนี้การใช้ดาบของหวังอี้ได้ถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว และเทคนิคเคลื่อนไหวก็ได้ถึงระดับสมบูรณ์แบบเช่นกัน!
ต่อไปก็คือระดับความหมายลึกซึ้ง!
หลังจากนั้น หวังอี้ก็ขึ้นรถไฟกลับบ้าน
เมืองหยางโจว เขตชุมชนหมิงเยว่
ตอนที่หวังอี้เดินทางออกจากบ้านคือเช้าวันที่ 12 มิถุนายน แต่ตอนกลับมา กลับเป็นบ่ายวันที่ 28 มิถุนายน
“คุณลุง~~”
เมื่อหวังอี้เดินมาถึงชุมชนหมิงเยว่ เขาก็เห็นญาติๆ ของเขายืนรออยู่ที่หน้าชุมชนแต่ไกล และยังมีอีกหลายคนที่เขารู้จัก
พ่อแม่ พี่สาว หลานชาย... รวมถึงเฉินหยาน หลินโหย่วหยู และเกาอวี่หรง!
หวังอี้รู้สึกอบอุ่นใจ
เขาอุ้มเด็กสองคนที่วิ่งเข้ามาหา เด็กอายุสองสามขวบนั้นเบาเหมือนขนนกในอ้อมแขนของหวังอี้
“พ่อครับ แม่ครับ พี่สาวครับ” หวังอี้ทักทายญาติๆ ของเขาก่อน แล้วจึงมองไปที่เด็กสาวทั้งสาม ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย สุดท้ายก็เผยให้เห็นเพียงรอยยิ้มที่สดใส
“ผมกลับมาแล้วครับ”
...
วันที่ 29คือวันรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่ของสำนักสุดขีด
เวลาบ่ายโมงครึ่ง สนามบินเมืองเจียงหนาน
เด็กสาวทั้งสามยืนกรานที่จะมาส่งหวังอี้ที่สนามบิน
พ่อแม่ของหวังอี้มองไปที่คนทั้งสี่ด้วยสายตาที่คลุมเครือ หวังอี้ยังดีอยู่ แต่หลินโหย่วหยู เฉินหยาน และเกาอวี่หรงนั้นหน้าแดง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็ยังกล้าหาญพอที่จะยืนอยู่ต่อหน้าหวังอี้
ภายใต้สายตาที่แปลกประหลาดของหยางฮุย ฑูตพิเศษระดับเทพสงครามของสำนักงานใหญ่ หวังอี้ก็กอดเด็กสาวทั้งสามคนละครั้ง
“รอผมกลับมานะ”
สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดกันหมดแล้ว แม้ว่าหวังอี้จะไม่อยากจากไป แต่ก็ถึงเวลาต้องแยกกันแล้ว
ท่ามกลางสายตาอันอาลัยอาวรณ์ของครอบครัว เพื่อน และคนรัก หวังอี้และเทพสงครามหยางฮุยเดินไปยังช่องตรวจตั๋วด้วยกัน
“เจ้าหนู เธอเก่งยอดเยี่ยมจริงๆ มีแฟนสาวตั้งสามคน” หยางฮุยพูดราวกับว่าอารมณ์ไม่ดี “เด็กหนุ่มสมัยนี้ ยอดเยี่ยมกันจังนะ”
หวังอี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่ทั้งอึดอัดและสุภาพ
หยางฮุยก็รู้สึกโชคดีอยู่บ้างที่เขาไม่ได้ใจร้อนพาลูกสาวมาแนะนำให้หวังอี้รู้จัก
เมื่อผ่านช่องตรวจตั๋วแล้ว หวังอี้และคนอื่นๆก็เดินตามทางเดินเดียวไปขึ้นเครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์รูปจานบินลำเดียวที่สนามบิน
เมื่อก้าวเข้าไปในประตูห้องโดยสาร ในวินาทีนั้น หวังอี้ก็หันกลับไปมอง เห็นหลินโหย่วหยูและครอบครัวของเขายังคงมองไปที่ทิศทางของเขาอยู่ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์แปลกๆ
“ฉันจะกลับมาในไม่ช้า”
เขาพึมพำ