ตอนที่แล้วกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 268 ล้วนเป็นเพียงคนโง่เขลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 270 มิอาจเทียบเคียง

กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 269 ลงทุนเพียงเล็กน้อย


กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 269 ลงทุนเพียงเล็กน้อย

“มหาจักรพรรดิ!”

“เมื่อครู่ คนผู้นั้นคือผู้ใด กล้าสร้างความวุ่นวายบนน่านฟ้าเมืองต้าฮวง นี่มิใช่การหาที่ตายหรือ”

“น่าจะเป็นคนของโลกอินทนิลเร้นลับกระมัง”

“ถูกต้อง คนในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด คงไม่โง่เขลาเช่นนั้น”

“ไม่นึกเลยว่าเมืองต้าฮวงจะมีมหาจักรพรรดิคอยปกป้อง ช่างน่าเหลือเชื่อ!”

ภายในเมืองต้าฮวง

ผู้คนมากมายมองไปยังท้องฟ้า พูดคุยกันอย่างไม่หยุด

ข่าวสารเกี่ยวกับการผสานของสองโลก ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกสวรรค์ก่อกำเนิดและโลกอินทนิลเร้นลับ หลังจากผ่านความตกใจไป

พวกเขาจึงยอมรับความจริง

แตกต่างจากโลกอินทนิลเร้นลับ

ผู้บำเพ็ญในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ทุกคนต่างก็ยืนยันว่า

บุคคลที่อยู่เบื้องหลังการผสานของสองโลก ย่อมต้องเป็นเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์

เพราะว่านอกจากเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ ไม่มีใครสามารถทำเช่นนี้ได้

ส่วนมหาจักรพรรดิที่ลงมือเมื่อครู่

พวกเขาเพียงแค่ตกใจเล็กน้อย เพราะว่าเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เคยลงมือต่อหน้าผู้คนมากมาย กลิ่นอายของคนผู้นั้น กับกลิ่นอายของมหาจักรพรรดิเมื่อครู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

บางที อาจจะเป็นผู้อาวุโสท่านใดท่านหนึ่งของหอคอยกลไกสวรรค์ก็เป็นได้

เพราะว่าหากอยู่ในเมืองต้าฮวง

ผู้ที่มีตบะระดับอภิศักดิ์สิทธิ์ สามารถพบเจอมหาจักรพรรดิเป็นครั้งคราว ส่วนกึ่งจักรพรรดิ หากตั้งใจสืบหาคงมีโอกาสได้พบ

“มหาจักรพรรดิหรือ”

บุรุษชุดขาวถือพัดพับไว้ในมือ มองห้วงมิติแวบหนึ่ง ดวงตาหดเล็กลง ในใจรู้สึกตื่นตระหนก

เมื่อครู่ตอนที่อยู่ชายแดนเมืองต้าฮวง เขาก็คิดจะบินเข้าไปในเมืองโดยตรง

เพราะว่าในโลกเซียนปฐพี ตำหนักหยกสุญตาของพวกเขา แม้จะมิใช่ขุมอำนาจที่สืบทอดมรดกมาเนิ่นนาน แต่ด้วยการปกป้องของเซียนแท้ท่านหนึ่ง ชื่อเสียงของพวกเขา ย่อมไม่ธรรมดา

ไม่ว่าจะไปที่ใดต่างก็ได้รับการต้อนรับจากขุมอำนาจต่าง ๆ

ผู้นำของขุมอำนาจต่าง ๆ เดินทางออกมารับสามพันลี้นับว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่ในเมืองต้าฮวง พวกเขาไม่ได้รับการต้อนรับ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

ในชั่วขณะที่เขาคิดจะให้ลูกน้องบินเข้าไปในเมือง ในใจกลับรู้สึกไม่ดี จึงตัดสินใจนำทุกคน เดินทางเข้ามาจากประตูเมือง

เพียงเพราะความรู้สึกไม่ดีนี้ ช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้

“โลกเบื้องล่างนี้ อันตรายยิ่งกว่าที่พวกเราคิด”

กึ่งจักรพรรดิที่ยืนอยู่เบื้องหลังถอนหายใจ เอ่ยขึ้น

เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าใด

เพียงแค่หนึ่งเดือน ไม่ถึงสองเดือน ขุมอำนาจใหญ่สามแห่งถูกทำลาย ตอนนี้ยังมีขุมอำนาจใหญ่ที่โด่งดังในโลกเซียนปฐพีถูกทำลาย

หากคำนวณอย่างละเอียด ช่วงเวลานี้ มีขุมอำนาจใหญ่ถึงสี่แห่งที่ถูกทำลาย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลายคนที่เสียชีวิตเพราะความโอหังของตนเอง ไปล่วงเกินคนในโลกอินทนิลเร้นลับหรือโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ถูกสังหารอย่างลับ ๆ

ตอนนี้ คนที่มาจากโลกเซียนปฐพีคงตายไปมากมาย

เพราะมิใช่ว่าขุมอำนาจใด ๆ ก็จะยอมจำนน ยอมก้มหัวให้

แม้ประตูมิติจะยังคงอยู่ ก็ยังคงมีหลายขุมอำนาจที่กล้าต่อกร ตราบใดที่สืบทอดมรดกมาเนิ่นนาน ขุมอำนาจเหล่านั้นย่อมต้องมีความภาคภูมิใจ

“หวังว่าบรรพบุรุษจะสามารถฟื้นฟูประตูมิติโดยเร็ว”

บุรุษชุดขาวกล่าวอย่างแผ่วเบา

ไม่มีขุมอำนาจคอยหนุนหลัง พวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดได้นานเท่าใด ไม่มีใครสามารถยืนยันได้

เพราะว่าช่วงเวลานี้ มหาจักรพรรดิที่ปรากฏตัว ทั้งสองโลกรวมกัน มีมากกว่าสิบคน พลังเช่นนี้

ในโลกเซียนปฐพี ก็มิใช่พลังที่ควรเพิกเฉย

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ มาถึงหอคอยกลไกสวรรค์แล้ว”

กึ่งจักรพรรดิกล่าวเตือน

“อืม”

บุรุษชุดขาวพยักหน้าเบา ๆ เอ่ยว่า “เข้าไปดูสักหน่อย”

กล่าวจบ เขาก็ก้าวเท้าออกไป เดินเข้าไปในหอคอยกลไกสวรรค์

ไกลออกไป ภายในห้องโถง เมิ่งชิ่งจือกับอ๋าวเสวียนนั่งเผชิญหน้ากัน

พวกเขามองบุรุษชุดขาวที่เดินเข้ามา มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

ด้วยชื่อเสียงของเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์

หากคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าหอคอยกลไกสวรรค์คือสถานที่เช่นไร คงเป็นไปไม่ได้

“ไม่นึกเลยว่า คนของโลกเซียนปฐพี จะตอบสนองรวดเร็วเช่นนี้”

เมิ่งชิ่งจือกล่าวอย่างประหลาดใจ เขามองห่างออกไป ในมือไม่มีหมาก เหลือเพียงกระดานหมาก

“เป็นคนของตำหนักหยกสุญตา!”

ฟางหานกล่าวขึ้นมา

“ตำหนักหยกสุญตาหรือ”

อ๋าวเสวียนเลิกคิ้ว เขามองฟางหานแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างดูแคลนว่า

“โลกมิได้สร้างข้า ใต้หล้านี้มืดมน”

“ตำหนักหยกสุญตาเล็ก ๆ เช่นนี้ ข้าสามารถทำลายได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ!”

“แต่บรรพบุรุษของตำหนักหยกสุญตา เป็นเซียนแท้!”

ฟางหานกล่าวอีกครั้ง

อ๋าวเสวียนชะงักไปครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นลูบคอ เอ่ยว่า “ข้าไร้เทียมทานในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด หากตำหนักหยกสุญตาไม่มาหาเรื่อง ก็แล้วไป”

“แต่หากพวกเขากล้าขวางทางข้า ข้าจะใช้ดาบมังกรสวรรค์ ทำลายตำหนักหยกสุญตาให้สิ้นซาก!”

“แค่ก!”

เมิ่งชิ่งจือไอเบา ๆ เอ่ยว่า “เผ่ามังกรของพวกเจ้า ไม่นิยมใช้ดาบมิใช่หรือ”

“ข้าพูดเช่นนี้ไม่ได้หรือ”

อ๋าวเสวียนมองเมิ่งชิ่งจือแวบหนึ่ง

“ก็ได้”

เมิ่งชิ่งจือพยักหน้า ส่งสายตาที่แสดงถึงการเอ็นดูคนโง่เขลา

เมื่อต้องไปซื้อข่าวสารจากหอคอยกลไกสวรรค์ ก็ต้องพึ่งพาอ๋าวเสวียน

เพราะมังกรผู้นี้เป็นคนร่ำรวย หากไม่มีอ๋าวเสวียน การพึ่งพาตนเอง คงจะลำบาก เพราะว่าเขาเป็นเพียงคนจน ส่วนหลิงเซียว เขาไม่กล้าคิด

เพราะทั้งสองคน หากพบกัน ย่อมต้องต่อสู้กัน

คิดจะนั่งอยู่ด้วยกัน ซื้อข่าวสาร ย่อมเป็นไปไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาเดาไม่ผิด หลิงเซียวอาจจะยากจนยิ่งกว่า เพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายแสงถูกทำลาย หลิงเซียวไม่มีนิสัยชอบฆ่าคนชิงของ เช่นนั้นจะร่ำรวยได้อย่างไร

“การสืบทอดมรรคของเซียนแท้นั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง หากข้าเดาไม่ผิด อย่างน้อยก็ต้องใช้สมบัติระดับเซียนแท้หนึ่งชิ้น เผ่ามังกรของพวกเจ้ามีหรือไม่”

เมิ่งชิ่งจือถาม

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

อ๋าวเสวียนมีสีหน้าแปลกประหลาด เขามองเมิ่งชิ่งจืออย่างสงสัย เอ่ยถามว่า “เผ่ามังกรของพวกเรามีหรือไม่ แล้วเจ้าเล่า”

“สำนักมารเก้าขุมนรกของพวกเจ้า ไม่คิดจะลงทุนเลยหรือ”

“สหายเต๋าอ๋าวเสวียน เจ้าควรจะเข้าใจ สำนักมารเก้าขุมนรกของพวกเรา ยากจน ข้ามีเพียงความซื่อสัตย์เท่านั้น หากต้องการซื้อการสืบทอดมรรคของเซียนแท้ คงจะ...”

เมิ่งชิ่งจือมีสีหน้าขมขื่น เอ่ยอย่างจนใจ

“คงจะทำได้เพียงคิดเท่านั้น”

กล่าวจบ เขาก็เปลี่ยนน้ำเสียง มองฟางหาน เอ่ยขึ้นอย่างลึกลับ

“ฟางหานผู้นี้ มีสมบัติล้ำค่ามากมาย ก่อนหน้านี้เขายังสังหารมหาจักรพรรดิท่านหนึ่ง ของวิเศษมากมาย ย่อมต้องมีไม่น้อย”

“เขาสามารถเข้าร่วมได้”

“เพราะว่าบรรพบุรุษของเจ้าทิ้งการสืบทอดมรรคเอาไว้ เจ้าคงไม่อยากเห็นการสืบทอดมรรคนั้นตกไปอยู่ในมือคนอื่น”

“เช่นนี้เป็นอย่างไร เจ้าจงนำสิ่งของทั้งหมดที่เจ้ามีออกมา เมื่อซื้อการสืบทอดมรรคจากเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าช่วงชิงมา”

“ยิ่งไปกว่านั้น”

“ข้ายังสามารถช่วยเจ้า ปกป้องการสืบทอดมรรคนั้น”

ฟางหาน: “....”

นี่มันหมายความว่าอย่างไร

เพียงเพื่อซื้อวาสนา ถึงกับคิดจะหลอกลวงเขา

แม้แต่อ๋าวเสวียน ในตอนนี้ก็ยังคงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด