ตอนที่ 10 ชีวิตมีอะไรน่ายินดี
"ฉันช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน..."
ในสวนหลังบ้านที่รกร้าง ฮวยซือนั่งอยู่บนขั้นบันไดของสวนดอกไม้
เงยหน้าถอนหายใจยาว แล้วก้มลงมองพื้นอย่างเหม่อลอย
ในตอนนี้ เขารู้สึกลึกๆ ว่าตัวเองเป็นเด็กที่ชะตาขาดจริงๆ
โดนหลอกให้ไปสมัครงานที่บาร์โฮสต์ ระหว่างทางกลับบ้านยังได้เจอศพ
แล้วยังโดนยัดเยียดกล่องลึกลับจนต้องติดคุก พอได้รับการปล่อยตัวยังไม่ทันครบวัน
ก็โดนปืนกลยาวปืนกลสั้นยัดใส่รถตำรวจอีกรอบ
ตอนนี้เพื่อเอาชีวิตรอด จำต้องยอมรับความช่วยเหลือจากอีกาตัวหนึ่ง
แต่ดันเป็นอีกาที่มีความสามารถพิเศษในการทำให้เขาตายไปตายมาไม่หยุด
สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ใช่ไหมล่ะ? ในเมื่อต้องตาย จะตายแค่ครั้งเดียวไม่ได้หรือไง?
ทำไมต้องตายตั้งหลายสิบครั้งด้วย...
ตายจนเขาเกือบจะชินชาไปแล้ว สกิลที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอย่าง 'ลางบอกเหตุแห่งความตาย'
ก็เกือบจะก่อตัวขึ้นมาแล้ว!
ฮวยซือคิดว่าถ้าโชคดีหน่อย คราวนี้ถ้าเขารอดพ้นไปได้
ตลอดชีวิตที่เหลือคงจะสามารถฝึกสกิลนี้จนถึงเลเวล 10 ได้แน่ๆ เลย!
"ถ้ามีเวลามาบ่นอยู่อย่างนี้ ไปลองตายอีกสักครั้งดีกว่านะ การทำสมาธิแบบนี้อย่างน้อยก็ช่วยฝึกแก่นแท้ได้ บอกไม่ถูกว่าอาจจะทำให้นายทะลุผ่านแถบความก้าวหน้า 99% กลายเป็นผู้ยกระดับได้เร็วๆ นี้ก็ได้นะ"
ข้างๆ ตัวเขา อีกาที่ไม่รู้ทำไมหมึกถึงไม่พอจนกลายเป็นลายทางแบบม้าลาย เอ่ยปากแนะนำ
"เชื่อแกก็บ้าแล้ว!"
ฮวยซือไม่อยากจะสนใจมันเลย จ้องมองสวนที่รกร้าง เริ่มครุ่นคิด
ฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน อีกแค่ครึ่งเดือนก็จะเปิดเทอมแล้ว ฉันที่จนจะตายอยู่แล้ว
นอกจากหาทางตายแล้ว กำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่?
ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว คิดอะไรขึ้นมาได้
"เฮ้ย ฉันถามหน่อย แกมีวิธีอะไรที่จะหาเงินได้บ้างไหม?"
"มีสิ"
อีกาลายทางเกาขนอย่างไม่ใส่ใจ ชี้ไปที่ถนนนอกประตู
"เดินสิบนาที นั่งรถเมล์ ลงป้ายเดียว เลี้ยวซ้ายก็เจอธนาคาร ปล้นซักทีหนึ่ง ก็มีทุกอย่างแล้ว"
"...ปล้นธนาคารใครๆ ก็ทำได้!"
ฮวยซือกลอกตา
"พวกแกไม่มีเวทมนตร์อะไรที่เสกหินให้กลายเป็นทองคำได้เหรอ?"
"อ๋อ เวทมนตร์เหรอ อันนี้พูดยาวเลยนะ แต่เทคนิคการสร้างทองคำฉันรู้จริงๆ แหละ แต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไร?"
ฮวยซือเข้ามาใกล้ ตาเป็นประกาย
"แต่ว่าต้นทุนต่อกรัมอยู่ที่ประมาณสามพันหยวนของสกุลเงินตงเซี่ย"
มันพูดอย่างนิ่งๆ
"ทองคำที่ผลิตออกมาแบบนี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นวัสดุพื้นฐานในพิธีกรรมและแท่นบูชาต่างๆ
ถ้านายอยากได้ ฉันหามาให้สักสองสามขีดก็ได้นะ"
"ถ้าฉันมีเงินแล้ว จะเอาทองคำไปทำไมล่ะ!"
ฮวยซือพูดไม่ออก
ได้แต่นั่งอยู่บนขั้นบันได เหม่อลอยต่อไป จนกระทั่งได้ยินเสียงแตกร้าวแว่วมา
ทำให้เขาสะดุ้งตื่น ฟังดูเหมือนเสียงขวดแก้วถูกเตะแตก
ในยามบ่ายของฤดูร้อนอันร้อนระอุนี้ เสียงนั้นช่างแหลมชัดเสียนี่กระไร
ฮวยซือหันกลับไปมองทางด้านหน้าบ้านอย่างตกตะลึง
"มีคนมาเหรอ?"
อีกาเงยหน้าขึ้นมองอย่างครุ่นคิด ทำท่ากังวล
"หรือว่าเรื่องที่ฉันแอบต่อสายไฟบ้านนายขโมยไฟจะถูกจับได้?"
ฮวยซือชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นได้ ตาเบิกโพลง โกรธจัด
"มึงแอบทำอะไรดีๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!"
"จริงๆ แล้ว ฉันยังลากสายเน็ตมาด้วยนะ สัญญาณ WIFI ก็ใช้ได้ดีทีเดียว"
อีกาล้วงมือถือสมาร์ทโฟนออกมาจากใต้ปีก
"อยากรู้รหัสไหม?"
ฮวยซือจ้องมันตาขวาง ลุกขึ้น ค่อยๆ ย่องไปที่มุมหลังบ้าน โผล่หัวออกไปดู
อีกาก็เกาะหัวเขาอย่างคล่องแคล่ว โผล่หัวออกไปดูเช่นกัน
ตรงมุมสวนที่ทรุดโทรม มีคนหนึ่งแอบๆ มองซ้ายมองขวาอยู่ที่มุมกำแพง
แล้วก็ยื่นมือไปช่วยอีกคนที่ปีนข้ามกำแพงเข้ามา
ทั้งสองคนลงมายืนบนพื้น ในอ้อมแขนมีอะไรบางอย่างโปนออกมา
หน้าก็ใส่หน้ากากปิดบังไว้
"เอ๊ะ..." อีกาถามเสียงเบา "สมัยนี้คนมาทวงค่าไฟยังปีนกำแพงด้วยเหรอ?"
"คงเป็นโจรมั้ง"
ฮวยซือกัดฟัน ก้มลงหยิบท่อนเหล็กครึ่งท่อนจากพื้น
"ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสองครั้งแล้ว"
"อ้อ?"
มันมองฮวยซืออย่างครุ่นคิด แล้วก็หัวเราะแปลกๆ
"หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"
ฮวยซือไม่มีเวลาสนใจมัน กระซิบเสียงเบา แอบมองเหตุการณ์ข้างหน้า
ชายร่างกำยำสองคนนั้นสวมถุงมือ มองซ้ายมองขวา พูดอะไรกันเบาๆ สองสามประโยค
แล้วก็ค่อยๆ ปีนเข้าไปทางหน้าต่างที่แตกอยู่ด้านข้างบ้าน
ฮวยซือค่อยๆ เปิดประตูหลังบ้าน ได้ยินเสียงพื้นไม้เก่าๆ ลั่นเอี๊ยดอ๊าดไม่หยุด
เสียงฝีเท้าหนักๆ วนเวียนอยู่ในห้องนั่งเล่นรอบหนึ่ง แล้วก็ขึ้นบันไดไป
ได้ยินเสียงประตูเปิดดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงจากชั้นบน
"คนไม่อยู่ที่นี่!"
"หาดูก่อน ดูซิว่ามันซ่อนของไว้ที่ไหน!"
ตามมาด้วยเสียงค้นตู้เปิดลิ้นชักอย่างรุนแรง มีเสียงของแตกดังขึ้นเป็นระยะ
ฮวยซือฟังแล้วปวดฟัน แต่เดิมก็แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ในบ้านแล้ว
ของที่พอจะมีราคาหน่อยก็ถูกพ่อแม่เอาไปจำนำหมดแล้วตั้งแต่ปีก่อน
เหลือแต่เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ไม่กี่ชิ้นที่ไม่มีราคา
ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ประคองตัวเองมาได้นานขนาดนี้
ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาเจอเคราะห์ ดีหน่อยที่แม้จะไม่มีอะไรเหลือในบ้าน
แต่อย่างน้อยตัวบ้านก็ใหญ่พอ มีห้องว่างเยอะแยะ ถึงจะค้นก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร
ฮวยซือสูดหายใจลึก คว้าท่อนไม้ ค่อยๆ ย่องขึ้นบันได
ได้ยินเสียงรุนแรงดังมาจากห้องนอนของตัวเอง
โครม!
เสียงลิ้นชักตกพื้น
แม่ง โต๊ะกูเลย
แล้วก็มีเสียงดังกรุ๊งกริ๊งอีกที ของในตู้ร่วงลงมากองกับพื้น
เพล้ง!
โคมไฟกับของบนโต๊ะก็ร่วงลงมาด้วย
"ดูนี่สิ!"
ดูเหมือนพวกมันจะเจออะไรบางอย่าง ฮวยซือได้ยินเสียงซิปถูกรูด
เป็นกล่องใส่กีตาร์ที่ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงทุบตีบนตัวกีตาร์
"ไม่ได้อยู่ในนี้เหรอ?"
"จะมีช่องลับไหมนะ?"
หนึ่งในนั้นเดา
"ทุบดูดีไหม?"
ไอ้พวกสัตว์นรก! ฮวยซือโกรธจัด
พวกมึงค้นพลิกบ้านกูจนป่นปี้ กูยังไม่ว่าอะไร
ตอนนี้จะมาทุบทำลายเครื่องมือทำมาหากินของกูด้วย นี่มันจองเวรกันชัดๆ!
ไม่มีเวลาลังเลอีกแล้ว เขาโผล่หัวออกไปดู เห็นคนสองคนนั้นหันหลังให้
กำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น คนหนึ่งหยิบค้อนขึ้นมาแล้ว
ความโกรธพลุ่งพล่านในอก ความชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจ ยกท่อนเหล็กขึ้นกระโจนเข้าไปฟาดทันที
เขาคิดแผนไว้แล้ว ฟาดคนหนึ่งล้มไปก่อน แล้วค่อยซัดอีกคนตอนที่ยังไม่ทันตั้งตัว เรียบร้อย!
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่นผิดคาด
โครม!
คนที่ถือค้อนล้มลงไปทันที แต่แล้วฮวยซือก็เห็นท่อนเหล็กในมือที่เก็บไว้นานแสนนานแตกออกตรงกลาง กระเด็นออกไป เขาอึ้งไปชั่วขณะ
อีกคนก็อึ้งไปเหมือนกัน แล้วดวงตาก็วาวโรจน์ด้วยความเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าใส่ฮวยซือ
ฮวยซือสัญชาตญาณบอกให้ยกขาถีบออกไป
แล้วก็ถีบอีกฝ่ายเซถอยไป จากนั้นก็คว้าเก้าอี้ข้างๆ ฟาดลงไปอย่างแรง
และแล้ว เก้าอี้เก่าๆ ที่อยู่กับเขามาหลายปีก็พลีชีพอย่างองอาจ
แต่คนคนนั้นกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาจากพื้น
กำหมัดแน่น ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บ ใบหน้าใต้หน้ากากบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
ฮวยซือถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตัวเองไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ที่ไม่มีแรงต่อกรกับใครอีกต่อไป
ดี!!! วิชาตัวเบาเหินเวหาอันล้ำเลิศนี้ จะเปิดฉากที่นี่แหละ!
เขายิ้มเยาะเย้ย แล้วก็พุ่งเข้าไปใช้ชุดมวยทหาร!
ตามด้วยชุดมวยทหารอีกชุด และสุดท้ายก็ชุดมวยทหารอีกรอบ...
ท่ามวยทหารที่เรียนรู้มาจากการโดนซ้อมใช้ได้ผลดีจริงๆ
ต่อเนื่องกันไม่หยุดจากชุดแรกถึงชุดที่สาม เรียกได้ว่าคล่องแคล่วว่องไวราวกับมังกรเหินฟ้า!
ยกเว้นแต่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย นอกจากนั้นก็แทบไม่มีข้อบกพร่องเลย
ฮวยซือเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง แต่กลับไม่ได้แตะโดนตัวคนนั้นเลยสักนิด...
ถ้าเป็นที่ใต้สะพานลอย บางทีอาจจะได้เงินรางวัลสักร้อยสองร้อย แต่ตอนนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ชายร่างกำยำคนนั้นเคลื่อนไหวคล่องแคล่วน่าตกใจ แม้จะไม่รู้จักมวยทหาร
แต่หมัดเท้าที่ออกมาแต่ละที กลับหนักหน่วงน่ากลัว สักพักเดียว
ฮวยซือก็ตาลาย หน้าบวมไปครึ่งซีก แม่ง ไอ้นี่แน่จริง ลมแรงต้องรีบเผ่น...
ฮวยซือเพิ่งคิดได้แบบนั้น ก็โกรธขึ้นมาอีก นี่มันบ้านกูโว้ย ถึงจะวิ่งหนีก็ไม่ใช่กูที่ต้องหนีนะโว้ย!
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย สัญชาตญาณบอกให้ก้มหัวลง
แล้วก็รู้สึกว่ามีค้อนเหล็กพุ่งผ่านหลังศีรษะไป ลมกระโชกแรง
ไอ้หมอนั่นที่โดนฮวยซือฟาดจนล้มไปตอนแรกดันลุกขึ้นมาได้แล้ว
นี่แหละที่เขาว่าท่อนเหล็กเก่าๆ พึ่งพาไม่ได้...
ฮวยซือยังไม่ทันได้สำนึกผิด ก็เห็นคนตรงหน้าพุ่งเข้าใส่
กระโจนเข้ามากอดรัดเขาอย่างแรง ร่างเขาล้มลงไปกับพื้น ตามด้วยมือใหญ่ๆ บีบคอเขาเข้า
"ฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!"
ใต้หน้ากาก ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด
"แม่ง เกือบจะพลาดแล้วไหมล่ะ!"
คนที่ถือค้อนหอบหายใจ เดินเข้ามาใกล้ ค้อนในมือชี้ไปที่หน้าผากของเขา
ชะตากรรมมาเร็วชิบหาย เมื่อกี้ยังเป็นฮวยซือที่ฟาดคนอื่นจากข้างหลัง
ตอนนี้กลับเป็นคนอื่นที่จะทุบหัวเขาบ้าง
เห็นค้อนถูกยกขึ้นแล้ว เขาตกใจมาก พยายามดิ้นรนสุดแรง
แต่ก็แกะมือที่บีบคอตัวเองออกไม่ได้ ในความโกลาหล
ทำได้แค่ดึงหน้ากากของอีกฝ่ายออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น
"เชี่ย ช่วยด้วย..."
ฮวยซือร้องลั่น
"รีบนึกถึงเรื่องเศร้าๆ เร็ว!"
อีกาตะโกนสุดเสียง
"นึกถึงตอนที่นายตายในฝันสิ... ตายกี่ครั้ง ตายอย่างทรมานแค่ไหน!"
ฮวยซือรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาทันที นี่กูจะตายอยู่แล้วเนี่ย คิดไปทำไมวะ โอ้ แล้วทำใจยอมรับก็จะไม่กลัวงั้นเหรอ?
ยังจะได้ตายอย่างสงบอีก ช่างเป็นไอเดียที่ดีจริงๆ!
นึกถึงความตายอันโหดร้ายในความฝันเหล่านั้น
ฮวยซือก็รู้สึกเศร้าโศกและโกรธแค้น หลังจากประสบกับความตายที่เหมือนภาพหลอนนับครั้งไม่ถ้วน
ความทรงจำเหล่านั้นสะสมกันเป็นความหวาดกลัวอันหนักอึ้ง จนแทบหายใจไม่ออก
ยิ่งตายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลัวความตายมากขึ้นเท่านั้น เพราะความตายเป็นเรื่องที่น่ากลัวขนาดนั้น
ในชั่วขณะนั้น เขารู้สึกถึงกระแสความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากมือขวา
ตามมาด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในมือที่กำแน่น
เป็นเม็ดเล็กๆ ละเอียดเหมือนทราย เต็มกำมือ
ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ฮวยซือสัญชาตญาณโปรยสิ่งนั้นออกไปทันที
ผงสีดำลอยออกมาจากปลายนิ้ว พริบตาเดียวก็ปะทะใบหน้าของคนคนนั้น
มือที่บีบคอเขาอยู่คลายออกเล็กน้อยจากการโจมตีที่ไม่คาดคิด
ฮวยซือรีบกลิ้งตัวออก แล้วก็ได้ยินเสียงดังสนั่นข้างหู
พื้นที่เมื่อกี้หัวเขาวางอยู่ถูกค้อนทุบจนแตกละเอียด เสียงดังสนั่นนั้นทำให้เขาตกใจจนเหงื่อเย็นผุดออกมา
แต่แล้ว เขายังไม่ทันลุกขึ้น ก็เห็นคนที่เมื่อกี้บีบคอเขาอยู่
ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างฉับพลัน หน้าแดงก่ำ หายใจหอบถี่ แล้วก็ร้องไห้โฮออกมา
ส่วนคนที่ถือค้อนอยู่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วดวงตาก็แดงขึ้นมา...
"เฮ้ย อะไรวะเนี่ย? พริกไทยเหรอ? "
ในความสับสน ฮวยซือเผลอสูดเอาผงดำที่ลอยอยู่ในอากาศและกำลังสลายตัวอย่างรวดเร็วเข้าไป
ทันใดนั้นความรู้สึกเปรี้ยวปร่าอย่างรุนแรงก็แผ่ซ่านจากปลายจมูก
"ระวัง นั่นดูเหมือนจะเป็น 'ขี้เถ้าแห่งโชคร้าย'! โดนเข้าไปมีหวังยุ่งแน่!"
คำเตือนของอีกามาช้าไปขั้นหนึ่งเสมอ และฮวยซือก็พบว่าความเปรี้ยวปร่าที่รู้สึกที่จมูกนี้
ไม่ได้มาจากการระคายเคืองภายนอก แต่เป็น... ความเจ็บปวดและเศร้าโศกจากส่วนลึกในใจ
ราวกับถูกหัวหน้าไล่ออก สูญเสียงานที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของชีวิต
ราวกับสุนัขชิบะที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กถูกขโมยไป
ราวกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน 996 ที่วันหนึ่งเลิกงานเร็วกว่าปกติแล้วกลับไปเจอแฟนนอนกับผู้ชายอื่นบนเตียง
ราวกับข่าวการตายและการแจ้งว่าเป็นมะเร็งที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ราวกับนักเขียนไร้ค่าที่บอกว่าจะอัพเดทวันละสองตอนแต่หลายวันแล้วเขียนอะไรไม่ออกเลย
ปอดบีบรัด ดวงตาร้อนผ่าว จมูกเต็มไปด้วยความเปรี้ยวปร่า
ความเศร้าที่ไม่อาจระงับได้แผ่ซ่านในอก ความทรงจำผุดขึ้นมาในสมอง
นึกถึงตอนสามขวบที่ล้มลงบนบันได หกขวบที่เก็บเงินได้หนึ่งหยวนห้าแต่โดนเด็กอ้วนในร้านเกมแย่งไป
พ่อแม่ที่ไว้ใจไม่ได้บริจาคเงินแล้วหายตัวไป ไปสมัครงานดันเจอร้านโฮสต์บาร์
แค่กลับบ้านธรรมดาๆ ก็ยังมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
"สวรรค์เอ๋ย ข้าช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน!"
ฮวยซือแหงนหน้าร้องไห้โฮ เสียงร่ำไห้อย่างโศกเศร้าดังออกมาจากลำคอ
น้ำตาไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่...
ขอบคุณมากครับที่อ่าน โปรดติดตามและแนะนำด้วยนะครับ
**********************************
(จบตอนที่ 10 ชีวิตมีอะไรน่ายินดี)