ตอนที่แล้วบทที่ 7 เข้าร่วมโรงฝึก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ยาพิเศษ

บทที่ 8 ฝึกฝนวิทยายุทธ


บทที่ 8 ฝึกฝนวิทยายุทธ

"ถูกต้อง นี่แหละคือการฝึกวิทยายุทธ!"

"แต่ว่านั่นเป็นวิธีการฝึกเฉพาะของพวกเขาเท่านั้น"

"ส่วนเจ้าที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะฝึกแบบนั้นได้"

"เจ้าจะต้องไปฝึกขั้นพื้นฐานก่อน"

หลังจากนั้นศิษย์พี่คนนั้นก็พาซื่อหวินไปยังกองทรายกองหนึ่ง

มีคนกลุ่มหนึ่งสิบกว่าคนกำลังพยายามยัดนิ้วลงไปในผืนทรายอย่างเอาเป็นเอาตาย

ในทุกครั้ง ทุกคนล้วนทุ่มเทอย่างสุดกำลัง

มีแม้กระทั่งคนที่นิ้วมือแดงช้ำ ถลอกปอกเปิก ซึ่งดูแล้วเจ็บปวดแสนสาหัสไม่น้อย

ศิษย์พี่จึงอธิบายอย่างช้าๆ "วิทยายุทธของโรงฝึกดัชนีทองคือการฝึกฝนที่สองมือ! หรือจะพูดให้ถูกก็คือเป็นการฝึกที่นิ้วมือเป็นหลัก"

"วิชาของโรงฝึกเรานั้นเป็นวิชาพลังภายนอกซึ่งเป็นการฝึกฝนผิวหนังและกล้ามเนื้อ"

"ดังนั้นจึงต้องฝึกฝนผิวหนังที่นิ้วมือให้แข็งแกร่งและทนทานให้ได้อย่างที่สุด"

"ดังนั้น ผู้ที่เพิ่งเข้าโรงฝึกจะต้องใช้วิธีการฝึกนิ้วมือด้วยทรายก่อนซึ่งเรียกว่าการ 'ลับผิว'!"

"เมื่อใดที่นิ้วของเจ้าจิ้มลงไปในผืนทรายนี้แล้วไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก เมื่อนั้นเจ้าก็จะสามารถไปฝึกกับต้นไม้ได้เหมือนพวกเขา"

ซื่อหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย

การจะใช้นิ้วจิ้มลงไปในผืนทรายโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดได้นั้น

บางทีอาจเป็นเพราะเส้นประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวดถูกทำลายไปแล้ว

หรือไม่ก็นิ้วมือนั้นด้านชาจนกลายเป็นผิวหนังที่หนา

แต่นี่คือการฝึกวิทยายุทธจริงๆงั้นหรือ?

มันแตกต่างจากที่ซื่อหวินจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง!

"เท่านี้เองหรือ?"

ซื่อหวินอดไม่ได้ที่จะถาม

"เท่านี้รึ?"

ศิษย์พี่คนนั้นหัวเราะเยาะ "ฮึๆ หากเจ้าฝึกแบบนั้นด้วยตัวเอง นิ้วของเจ้าก็คงจะพิการไปนานแล้ว"

"โรงฝึกดัชนีทองของพวกเราจะมียาพิเศษเฉพาะโรงฝึกที่ใช้รักษานิ้วมือของพวกเจ้า"

"ยิ่งไปกว่านั้น นี่แค่การเริ่มต้นเท่านั้น เจ้ายังไม่สามารถควบคุมเทคนิคได้ด้วยซ้ำ"

"กว่าเจ้าจะควบคุมเทคนิคการลับผิวได้ คงจะต้องใช้เวลาหลายวัน"

"ในอนาคต เมื่อพวกเจ้าได้เริ่มฝึกกับต้นไม้พวกเจ้าก็จะมีควบคุมลมหายใจพร้อมกับใช้นิ้วของเจ้าได้อย่างใกล้เคียงกัน"

"ดังนั้นเจ้าอย่าเพิ่งทะเยอทะยานและพยายามฝึกไปทีละขั้นตอนก่อน"

ซื่อหวินพยักหน้ารับ

เหล่าศิษย์ร่วมโรงฝึกรอบด้านต่างพากันผงกหัวเห็นด้วย

พวกเขาขัดถูผิวอันหยาบกระด้างของพวกเขาบนกองทรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซึ่งแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนมีเลือดซึมออกมาจากปลายนิ้ว

ในที่สุด ซื่อหวินผู้พิการก็เลือกทิ้งไม้เท้าและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก

ตามที่ศิษย์พี่พูดเอาไว้ ซื่อหวินได้ใช้พลังทั้งหมดในการสอดนิ้วเข้าไปในทราย

หลังจากนั้นเสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นเบาๆ

ความเจ็บปวดแล่นแปลบขึ้นมาจากปลายนิ้วของซื่อหวินในทันที

ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ทรายเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่เม็ดทรายเท่านั้นแต่ยังปะปนไปด้วยเศษเหล็กอันแหลมคมอีกด้วย

เพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาแทงนิ้วลงไป ผิวหนังของเขาก็แทบจะปริแตกและมีเลือดซึมออกมาจนเห็นได้ชัด

"หยุดก่อน! วิธีของเจ้านั้นอันตรายเกินไป"

"เจ้าจะต้องทุ่มสุดตัวพร้อมกับปรับแรงส่งด้วยนิ้วมือทั้งห้า หรือไม่เจ้าก็ต้องใช้ฝ่ามือทะลวงลึกลงไปในเม็ดทรายด้วย"

"มีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะใช้เม็ดทรายลับผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ!"

"จงจำเอาไว้ให้ดี ข้าจะสาธิตให้ดูเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"

ศิษย์พี่คนนั้นจึงเริ่มสาธิตให้ซื่อหวินดู

"ซุ่บ!!"

ศิษย์พี่คนนั้นใช้นิ้วมือของเขาปักลงไปในผืนทรายด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

จากนั้นเขาก็ชักมือกลับออกมาอย่างรวดเร็วโดยที่นิ้วมือของเขาไร้รอยขีดข่วน

ซื่อหวินถึงกับครุ่นคิดทันที

ดูเหมือนว่าการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งนี้จะต้องใช้เทคนิคพิเศษ

แต่ถ้าหากต้องทำเพียงแค่เรียนรู้เทคนิคพิเศษนั้น ซื่อหวินก็ไม่หวั่นเกรง

เพราะเขามีวงแหวนแห่งแสงสีเขียวอยู่

มันสามารถลดเวลาการฝึกฝนที่ยาวนานและช่วยให้เขาเรียนรู้เทคนิคได้อย่างรวดเร็ว

ทว่าแม้ซื่อหวินจะจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนจนวงแหวนแห่งแสงสีเขียวและสีแดงปรากฏขึ้นต่อหน้า แต่เขากลับไม่เห็นเค้าลางซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการประทับตราทักษะแต่ละชนิดเลย

"ยังไม่มีการประทับตรางั้นรึ... หรือว่าการฝึกฝนเมื่อครู่ข้ายังไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาที่แท้จริงกันแน่?"

ซื่อหวินคิดและขมวดคิ้ว แต่เรื่องนี้ก้ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เขาฝึกฝนซ้ำอีกครั้งหากว่ามันสำเร็จเพียงครั้งเดียว เขาก็จะได้รับการประทับตราทักษะการลับผิว

ดังนั้นซื่อหวินจึงเริ่มฝึกฝนเป็นครั้งที่สองจากนั้นก็เป็นครั้งที่สาม สี่ ห้า...

เมื่อเห็นซื่อหวินที่มือเปื้อนเลือด ศิษย์พี่คนนั้นจึงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา

เพราะตอนที่ตนเองเริ่มฝึกลับผิวใหม่ๆเขาก็เคยคิดว่ามันง่ายเช่นกัน

แต่กว่าจะเข้าใจถึงเคล็ดวิชาได้ก็ใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆ

ซึ่งนี่ก็ถือว่าเร็วมากๆแล้ว

ถ้าหากไม่เข้าใจถึงเคล็ดวิชา การฝึกไปแบบนี้มันก็เปล่าประโยชน์

ในสายตาของเขา ซื่อหวินอาจต้องใช้เวลาห้าถึงหกวันถึงจะเข้าใจเคล็ดวิชาลับผิวได้

ดังนั้นการฝึกฝนในครั้งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับซื่อหวินเลย!

ซื่อหวินฝึกลับผิวครั้งแล้วครั้งเล่า

จนในที่สุดเมื่อเขาจุ่มนิ้วลงในทรายเป็นครั้งที่แปด

เบื้องหน้าของเขาก็มีแสงสว่างวาบขึ้นและค่อยๆเป็นเค้าลางๆปรากฏขึ้นมา

การประทับตรา!

ในที่สุดการประทับตราลับผิวก็ปรากฏขึ้นแล้ว!

ซื่อหวินมองไปรอบๆไม่มีใครสนใจเขา ยิ่งกว่านั้น ต่อให้มีคนสนใจ คนอื่นก็มองไม่เห็นวงแสง ซื่อหวินรู้ดีว่า การลับผิวต้องเข้าใจเคล็ดวิชา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีประโยชน์อันใด

ซื่อหวินจึงเคลื่อนย้ายการประทับตราเข้าไปในวงแสงสีเขียว วงแสงสีเขียวนี้น่าจะเร่งเวลาได้อีกประมาณเจ็ดวัน น่าจะเพียงพอแล้ว

"วู้มม"

ทันใดนั้นสมองของซื่อหวินก็เริ่มปรากฏความทรงจำเกี่ยวกับการลับผิว

หนึ่งวัน สองวัน สามวัน...

จนกระทั่งเมื่อเป็นเวลาเจ็ดวัน ในที่สุดวงแหวนสีเขียวก็กลายเป็นสีเทา

แต่ดวงตาของซื่อหวินกลับเปล่งประกายเพราะเขาเข้าใจเคล็ดของวิชาลับผิวแล้ว!

ด้วยพลังของวงแหวนสีเขียว ซื่อหวินได้ใช้เวลาเจ็ดวันในการเร่งความเร็วเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาลับผิว

ซึ่งความเร็วในการทำความเข้าใจนี้ถือว่าช้ามาก

ตามที่ซื่อหวินเข้าใจ คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณห้าถึงหกวันในการเข้าใจเคล็ดวิชาลับผิว

และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวันหรือมีแม้กระทั่งมากกว่าสิบวัน

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ซื่อหวินก็เข้าใจเคล็ดวิชาลับผิวแล้วดังนั้นเมื่อซื่อหวินลับผิวเป็นครั้งที่เก้าท่วงท่าของเขาก็ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย

"ฟุ่บ!"

นิ้วของซื่อหวินจมลงซึ่งคราวนี้ทั้งฝ่ามือของซื่อหวินจมลงไปในกองทราย นั่นหมายความว่าการลับผิวครั้งนี้สำเร็จแล้ว!

"หืม?"

"เจ้าเข้าใจเคล็ดวิชาลับผิวเร็วขนาดนี้เลยงั้นรึ?"

ศิษย์พี่คนนั้นดูประหลาดใจเล็กน้อยและคิดในใจ

“เพียงเวลาไม่นานเจ้าเด็กคนนี้ก็เข้าใจเคล็ดวิชาลับผิวแล้วงั้นรึ”

แม้ว่าในด้านพรสวรรค์การฝึกฝนยังไม่รู้ว่าซื่อหวินแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเข้าใจที่ค่อนข้างดีเพราะเคล็ดวิชาลับผิวจะต้องใช้ความคิดและเข้าใจ

"น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าเป็นคนพิการ..."

ศิษย์พี่คนนั้นส่ายหัวและรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ด้วยความเข้าใจที่รวดเร็วเช่นนี้บางทีอาจจะสามารถผ่านขั้นการลับผิวและกลายเป็นนักสู้ที่แท้จริงได้

แต่คนพิการขาเป๋เช่นนี้ แม้ว่าจะได้กลายเป็นนักสู้แต่ก็เป็นแค่นักสู้ขาเป๋ที่ไร้ประโยชน์

"เอาล่ะนะ!"

ซื่อหวินกัดฟันแน่นและพยายามอย่างเต็มที่อีกครั้งโดยการจิ้มลงไปในทรายอย่างแรง

"ฟุ่บ ฟุ่บ"

เสียงนิ้วจิ้มทรายค่อยๆดังขึ้นทีละเสียง หลังจากนั้นไม่นานมือของซื่อหวินก็เต็มไปด้วยเลือด

ตอนนี้ศิษย์พี่คนนั้นได้กลับมาดูซื่อหวินอีกครั้ง

"เจ้าพักก่อนเถอะ"

"ใช้ยาในขวดทาบนบาดแผลของเจ้าก่อน"

"หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงเจ้าค่อยฝึกต่อ"

ซื่อหวินรับยามา

เขาทำแผลที่มืออย่างระมัดระวัง

แม้แต่เศษทรายที่บาดแผลก็เอาออกอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นเขาอาจจะติดเชื้อได้

ถ้าหากเป็นแบบนั้นมันอาจทำให้เขาถึงตายได้! เพราะในโลกนี้ไม่มียาที่ต้านการติดเชื้อ

แต่สิ่งที่แปลกก็คือวิธีการฝึกฝนนี้ค่อนข้างอันตราย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการเสียชีวิตของศิษย์ในโรงฝึกดัชนีทองระหว่างการฝึกฝนเลยสักครั้ง

หลังจากทำความสะอาดบาดแผลและทายาแล้วซื่อหวินจึงจ้องไปที่ขวดยาตรงหน้า

นี่คือ "ยาสูตรลับ" ของโรงฝึกดัชนีทองที่ต้องมีเฉพาะถึงจะสามารถลับผิวได้

ยาตัวนี้วิเศษมากจริงๆ

หลังจากนั้น ซื่อหวินก็เริ่มเต็มไปด้วยความคาดหวังบางอย่าง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด