ตอนที่แล้วบทที่ 73-74
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77-78

บทที่ 75-76


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 75 ตระกูลจิ้งจอกแดง (III)

“วันนี้ข้ารู้สึกแปลกๆ ตลอดเลย” เมื่อเห็นดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงอีกครั้ง ฉู่เทียนเฟิงก็หยุดและมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง “บริเวณนี้ใกล้กับดินแดนมาร และปกติจะไม่มีผู้บ่มเพาะมาที่นี่ น่าจะมีสัตว์อสูรมากมายอยู่แถวนี้ พวกเราเดินมาสี่วันแล้วจนกระทั่งสองวันก่อน พวกเรายังคงพบสัตว์อสูรเป็นครั้งคราว แต่ตั้งแต่เมื่อวาน พวกเรากลับไม่ได้เห็นสัตว์ธรรมดาเลยด้วยซ้ำ”

“อืม” ฉินซิวโม่ก็รู้สึกเช่นกัน ปกติเขาและฉู่เทียนเฟิงมักจะทะเลาะกัน แต่ในเวลานี้ พวกเขาเข้าหาเหมิงฉีโดยไม่ได้นัดหมายและปกป้องนางไว้ระหว่างร่างกายของพวกเขา ภูมิประเทศของภูเขาลูกคลื่น และไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดได้ในคราวเดียว ยกเว้นเสียงลมภูเขาพัดผ่านใบไม้ พวกเขาก็ไม่ได้ยินอะไรเลย

เสียงนกร้องและแมลงที่ปกติมีในป่าได้หายไปหมด ความเงียบอันแปลกประหลาดนี้ทำให้เหมิงฉีระมัดระวังตัวเช่นกัน นางขยับมือและจับมีดเงินสำหรับแพทย์อย่างรวดเร็ว ฝ่ามืออีกข้างของนางถือผงกำมือหนึ่ง

ลมกระโชกอีกครั้งพัดผ่านใบไม้ และเสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงกรอบแกรบ หลังจากลมพัดผ่านไป บริเวณนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ก็มีเสียงกรอบแกรบอีกครั้งในป่าโดยรอบ บนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ร่วง ดูเหมือนมีบางอย่างเข้ามาใกล้พวกเขา

ทั้งสามมองหน้ากัน เสียงนั้นคล้ายกับงูเลื้อยอยู่บนพื้น ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ด้วยเสียง ‘ปัง’ เบาๆ ฉู่เทียนเฟิงรีบร่ายคาถา วงแหวนแห่งเปลวไฟสีน้ำเงินปรากฏขึ้นรอบๆ พวกเขาทันที เปลี่ยนเป็นกำแพงไฟสูง ล้อมรอบผู้คนข้างในอย่างสมบูรณ์

“ระวัง!” ฉู่เทียนเฟิงกระซิบ

ฉินซิวโม่สะบัดนิ้วเรียกดาบประจำกายออกมา มันลอยอยู่เหนือศีรษะของเหมิงฉีเพื่อปกป้องนาง

“อย่าขยับ” ฉินซิวโม่พูดกับเหมิงฉี เขาเป็นผู้บ่มเพาะทั้งทางดาบและอาคม ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่เขาหลอมขึ้นเองตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในช่วงสร้างรากฐาน นับแต่นั้นมา ดาบยาวนี้ก็ติดตามเขาและเชื่อมต่อกับจิตใจของเขามาช้านาน เมื่อมันออกมา ดาบจะทำตามความตั้งใจของฉินซิวโม่โดยฉับพลัน

เหมิงฉีมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นนางก็โน้มตัวลงและวาดอักขระบนพื้นอย่างรวดเร็วด้วยมีดเงินสำหรับแพทย์ การเคลื่อนไหวของนางลื่นไหลมาก ไม่นานนางก็วาดอักขระสามตัวตามวงกลมเปลวไฟสีน้ำเงินที่ฉู่เทียนเฟิงสร้างขึ้น

ตอนนี้เหมิงฉีร่ำรวย นางไม่แม้แต่จะหยุดคิดเมื่อโยน หินวิญญาณขั้นหกสิบแปดก้อนลงในอักขระทั้งสาม การใช้ของอย่างฟุ่มเฟือยนี้ทำให้ฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่มึนงง พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างใจป้ำโดยใช้ทรัพยากรนับไม่ถ้วนจากสำนักของตนเอง สถานะของพวกเขาทั้งสูงและไม่เคยขาดเงิน แต่ทว่า หินวิญญาณขั้นหกถือเป็นทรัพย์สมบัติจำนวนมากสำหรับศิษย์ธรรมดาของสำนักใหญ่

แต่กับฉู่เทียนเฟิง…พอในหัวมันคิดว่า ค่ารักษาชีวิตที่นางเรียกร้องต่อเขามันไม่แพงเท่าอักขระอาคมเหล่านี้ เขาก็แทบจะอาเจียนเป็นเลือด

เหมิงฉีไม่สนใจชายสองคน นางยังคงหยิบขวดเครื่องเคลือบดินเผาขนาดใหญ่และเล็กหลายขวดออกจากกำไลเก็บของและเริ่มเทผงต่างๆ ลงในอักขระ

กำแพงไฟดั้งเดิมที่ล้อมรอบพวกเขาค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป เปลวไฟสีน้ำเงินค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็กลายเป็นเปลวไฟสีขาว ตอนนี้กำแพงดูลึกลับเล็กน้อย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” เสียงหัวเราะอีกครั้งดังขึ้น “เจ้าคิดว่าสิ่งเล็กๆ นี้สามารถจัดการกับคุณชายของตระกูลข้าได้หรือ” จากป่าทึบโดยรอบ หญิงสาวสิบสองคนในชุดสีแดงสดค่อยๆ เดินออกมา ล้อมกลุ่มของเหมิงฉีจากทุกทิศทาง

เหมิงฉีมองไปที่ผู้หญิงเหล่านั้น รูปลักษณ์ของพวกนางสง่างามและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับอาภรณ์ที่ผู้บ่มเพาะหญิงมักสวมใส่อาภรณ์ของพวกนางนั้นดูเปิดเผยยิ่ง ไม่สิ เรียกว่าไม่ยับยั้งชั่งใจมากกว่า มันแสดงให้เห็นเอวสีน้ำผึ้ง แขนเรียว และน่องขาอันนุ่มนวล

“ผู้บ่มเพาะมาร!” ฉู่เทียนเฟิงมองผู้หญิงสวยทั้งสิบสองคนด้วยความหวาดกลัว เขาเดินเข้าไปใกล้เหมิงฉีอีกก้าวและกระซิบว่า “สักพัก ถ้าเจ้าเห็นโอกาส ก็ทิ้งพวกเราไว้ที่นี่แล้วหนีไปซะ”

ผู้หญิงเหล่านั้นน่าจะได้ยินคำพูดของเขา พวกนางไม่ห้ามเสียงหัวเราะคิกคักของพวกนาง ภายใต้ใบไม้ร่วงหนาที่ล้อมรอบพวกเขา เสียงกรอบแกรบไม่รู้จบก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเถาวัลย์สีเขียวสิบสองเส้นก็กระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน เหมือนอสรพิษดุร้ายสิบสองตัวชี้ไปที่คนสามคนที่อยู่ภายในกำแพงไฟ บนเถาวัลย์แต่ละต้นมีดอกไม้สีเหลืองสวยงามเจ็ดดอก

“เถาวัลย์กลืนวิญญาณ!” ฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่ร้องออกมาพร้อมกัน

“เผ่าจิ้งจอกแดงหรือ” ดวงตาของเหมิงฉีจับจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสาวสวยทั้งสิบสอง และนางไอเบาๆ เพื่อเตือนฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่ “ระวังตัวด้วยนะเจ้าค่ะ!”

“หือ?” ก่อนที่ฉู่เทียนเฟิงจะได้ถามว่าทำไม ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมของดอกไม้หวานๆ ลอยอยู่ในอากาศ กลิ่นนั้นทำให้เขาวิงเวียน และเท้าของเขาก็ไม่มั่นคง ฉินซิวโม่ก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มทั้งสองส่ายหัวอย่างรวดเร็วและมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ

จิ้งจอกสาวที่แต่งกายด้วยอาภรณ์บางเบาและงดงามก็เริ่มร่ายรำเป็นวงกลม

เอวอ่อนนุ่มและเรียวยาว

ใบหน้างดงามยั่วยวน

และผิวขาเนียนขาวๆ ของพวกนาง

ระฆังเงินดังขึ้นเป็นครั้งคราว เหมือนเสียงหัวเราะที่อบอุ่นหัวใจ

ครู่หนึ่ง ฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่รู้สึกว่าปากของพวกเขาแห้งผาก และร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะร้อนขึ้น

“เฮะ-” เสียงหัวเราะเย็นชาดังมาจากด้านหลังผู้หญิงคนหนึ่ง ชายหนุ่มในอาภรณ์คลุมหรูหราเดินออกมาอย่างช้าๆ “ผู้บ่มเพาะจากโลกมนุษย์...ก็งั้นๆ” มุมปากของเขายกขึ้นและชายคนนั้นก็หัวเราะเยาะ “เอาผู้ชายไปเป็นรางวัลของพวกเจ้าได้เลย”

“ขอบคุณ คุณชาย” ผู้หญิงเหล่านั้นหัวเราะคิกคักพร้อมกัน

“ส่วนนาง...” สายตาของเขาจับจ้องไปที่เหมิงฉี ราวกับกำลังมองทรัพย์สมบัติของเขา “คุณชายคนนี้ไม่เคยลิ้มรสผู้หญิงจากโลกมนุษย์มาก่อน น่าสนใจทีเดียวเอ๊ะ?!” ชายคนนั้นหยุดกะทันหัน ดวงตาของเขามองไปที่มีดผ่าตัดในมือของเหมิงฉีอย่างสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ลวดลายบนนั้น “นั่น...” ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ทำไมเจ้าถึงมีสิ่งนั้นได้?!”

บทที่ 76 จิ้งจอกแดงน้อยเจ้าสำราญ ซีกงเอี๋ยน (I)

“หมายความว่ายังไง?” เหมิงฉีเอียงศีรษะอย่างใสซื่อ ดวงตาก็มองชายชุดเขียวอย่างตั้งใจ ผู้หญิงจิ้งจอกแดงเหล่านี้เรียกเขาว่า 'คุณชาย' ดังนั้นเขาจึงน่าจะเป็นเผ่าจิ้งจอกแดงแห่งมารสวรรค์เช่นกัน ชายผู้นี้มีใบหน้าเย็นชา และเหมือนกับหญิงจิ้งจอกเหล่านั้น มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ยกเว้นดวงตาคู่นั้นซึ่งดูเศร้าหมองขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับอาภรณ์คลุมสีเขียวเข้มของเขาที่ราวกับจุ่มลงในยาพิษ

คุณชายจิ้งจอกแดงมองหน้าเหมิงฉี และอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย เมื่อเขาพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็นุ่มนวลกว่าเมื่อก่อน “ถ้าเจ้าบอกข้าอย่างว่าง่ายแล้วไปกับข้า ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”

เมื่อมองแวบแรก เหมิงฉีดูเด็กมาก ไม่อายุเกินสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ด้วยศีรษะที่เอียงเล็กน้อยทำให้นางดูไร้เดียงสาและดูเป็นเด็กมากขึ้น เมื่อคุณชายจิ้งจอกแดงมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของนาง หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนมากขึ้น “ใครให้มีดเงินเล่มนั้นกับเจ้า?”

“อันนี้หรือ?” เหมิงฉีพลิกข้อมือนาง เผยให้เห็นมีดผ่าตัดสีเงิน

“ใช่” คุณชายจิ้งจอกแดงพยักหน้า ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาก็นุ่มนวลกว่าตอนที่เขาพูดกับฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่หลายเท่า “ใครให้สิ่งนั้นกับเจ้า?” แม้ว่าเขาจะจำรูปลักษณ์บนมีดไม่ได้ทั้งหมด แต่เขารู้ว่าอักขระนั้นมีลักษณะเฉพาะของดินแดนมาร

สามภพก็มีผู้บ่มเพาะที่มุ่งเน้นไปที่การวิจัยอักขระเช่นกัน แต่วิถีของพวกเขาแตกต่างจากอักขระของมาร ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีก่อน อาณาจักรทั้งสามของมนุษย์ มาร และปีศาจ ไม่มีความแตกต่ากันมากนัก แต่หลังจากผ่านไปนาน พวกเขาก็ได้แยกจากกันอย่างสิ้นเชิงและทำให้อักขระที่ใช้ต่างกันมาก คุณชายจิ้งจอกแดงเดิมทีเป็นขุนนางมารสวรรค์ และความรู้ของเขาก็มีมากมาย เมื่อมองแวบแรก เขาก็จดจำได้ว่าอักขระที่สลักบนมีดผ่าตัดในมือของหญิงสาวนั้นซับซ้อนและประณีต มันเป็นอักขระที่โดดเด่นยิ่ง มักใช้กันในดินแดนมาร

แววตาสงสัยแล่นผ่านดวงตาของเขา ทำไมเด็กสาวที่อ่อนเยาว์และน่ารักเช่นนี้ถึงมีสิ่งนี้ได้? หรือว่านางจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสมารสวรรค์?

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

เสียงของคุณชายจิ้งจอกแดงอ่อนโยนยิ่งขึ้น "คนที่ให้มีดเงินกับเจ้า เขาได้สอนเจ้าถึงวิธีใช้อักขระนั่นด้วยหรือไม่?"

"อันนี้หรือ?" เหมิงฉีเอียงศีรษะอีกครั้ง

คุณชายจิ้งจอกแดงบอกให้หญิงสาวจิ้งจอกแดงล่าถอย เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าว มองดูเปลวไฟสีขาวที่ล้อมรอบกลุ่มของเหมิงฉีอย่างระมัดระวัง เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เปลวไฟสีขาวแปลก ๆ ทำให้เขาระแวงไม่น้อย

"มาที่นี่" คุณชายจิ้งจอกแดงยืนอยู่หกหรือเจ็ดก้าวจากเปลวไฟแล้วยื่นมือออกไปทางเหมิงฉี "บอกข้ามา"

"ได้" เหมิงฉียิ้มพร้อมถือมีดผ่าตัดในมือข้างหนึ่ง นางเดินไปที่ด้านนอกของวงกลมเปลวไฟ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ตราบใดที่เหมิงฉีก้าวออกจากระยะของเปลวไฟ เขาก็จะ......

"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!" ก่อนที่เขาจะมีโอกาสเคลื่อนไหว คุณชายจิ้งจอกแดงก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกระโดดกลับ

ปรากฎว่าเมื่อเหมิงฉีดูเหมือนจะไปถึงด้านนอกของวงกลมเปลวไฟ นางก็เหยียบอักขระที่นางวาดไว้ก่อนหน้านี้ พลังปราณที่มีอยู่ในหินวิญญาณขั้นหกสิบแปดก้อนนั้นเพียงพอที่จะเติมเต็มปราณวิญญาณให้กับผู้บ่มเพาะสิบแปดคนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเข้าใจความว่างเปล่า ทำให้เมื่อใช้หินวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้เพื่อให้ปราณแก่อักขระ พลังระเบิดของมันจึงน่าสะพรึงอย่างมาก เปลวไฟสีขาวคำรามและโจมตีคุณชายจิ้งจอกแดง ในพริบตา ขนบนอาภรณ์คลุมอันหรูหราของเขาก็ถูกไฟไหม้ไปกว่าครึ่ง

"เจ้ากล้าดียังไง..." คุณชายจิ้งจอกแดงถอยหนีด้วยความกลัว และในที่สุดก็หลีกเลี่ยงระยะการโจมตีของเปลวไฟ แต่สาวจิ้งจอกแดงที่มาพร้อมกับเขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เหมิงฉียังใช้ผงโอสถบนอักขระ ซึ่งเป็นผงชนิดเดียวกับที่นางเคยใช้กับอักขระป้องกันของนางมาก่อนจนทำให้ลู่ชิงหรันเกือบเสียโฉมไป

สาวจิ้งจอกแดงไม่ทันระวังตัวและเปลวไฟก็เผาชายกระโปรงของพวกนาง ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจำกัด แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ หญิงสาวจิ้งจอกแดงสามคนที่อาภรณ์ถูกไฟไหม้ก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก พวกนางเอามือปิดหน้า รู้สึกได้เพียงว่าใบหน้าและลำคอของพวกนางคันและเจ็บอย่างรวดเร็ว แม้แต่แขนและน่องที่โผล่ออกมาก็ดูเหมือนจะถูกยุงกัดนับไม่ถ้วน  มันรู้สึกเหมือนว่ามดจำนวนมากกำลังแทะผิวหนังของพวกนาง

มันเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

“เจ้า...” คุณชายจิ้งจอกแดงก็โดนผงโอสถเช่นกัน แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าผู้หญิงพวกนี้มาก ด้วยการโบกมือของเขา ผงโอสถบนใบหน้าและผิวหนังของเขาก็หายไป

เปลวไฟสายหนึ่งโจมตีเขาอีกครั้ง ทันทีหลังจากนั้น ดาบยาวที่ส่องประกายก็พุ่งทะลุอากาศและเล็งไปที่หน้าผากของคุณชายจิ้งจอกแดง “ฮึ่ม!” เขาแค่นเสียงเย็นชาและสะบัดแขนอาภรณ์ เปลวไฟสิบสองลูกที่ยิงโดยฉู่เทียนเฟิงก็ดับลงทันที คุณชายจิ้งจอกแดงสะบัดนิ้วไปด้านข้าง หันหน้าไปทางดาบยาวของฉินซิวโม่โดยไม่กลัว นิ้วเรียวของเขาดีดที่ปลายดาบ จนเกิดเสียง 'แคร้ง!' เบาๆ ดาบประจำกายของฉินซิวโม่ก็ถูกเหวี่ยงไปด้านข้างทันที

“ผู้บ่มเพาะมารขั้นสี่?!” สีหน้าของชายทั้งสองเปลี่ยนไปทันที ขั้นที่สี่นี่เท่ากับผู้บ่มเพาะของมนุษย์ในขั้นก่อกำเนิด ทว่าทั้งฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซิวโม่ยังได้รับผลกระทบจากการเบี่ยงเบนลมปราณ และความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาก็ลดทอนลงมาก

แม้ว่าฉินซิวโม่จะอยู่ในช่วงสูงสุด ทั้งสองคนก็อาจไม่มีทางเอาชนะคุณชายจิ้งจอกแดงได้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้บ่มเพาะทะลวงไปสู่ขั้นต่อไป ความแตกต่างของความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจคำนวณได้ง่ายเหมือนหนึ่งบวกหนึ่ง ถ้าผู้บ่มเพาะก่อกำเนิดคนหนึ่งต้องการจัดการกับผู้บ่มเพาะแก่นทองคำสองคน เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้จริงจังด้วยซ้ำ

ฉู่เทียนเฟิงและฉินซิวโม่สบตากัน ชายทั้งสองตัดสินใจในทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องทำให้เหมิงฉีหนีไปให้ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าคุณชายจิ้งจอกแดงไม่ใช่คนดี ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงสิบสองคนที่อยู่ใต้อาณัติของเขาหรอก ถ้าเหมิงฉีตกไปอยู่ในมือเขา นางคงไม่จบลงด้วยดีแน่!

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด