บทที่ 7 เข้าร่วมโรงฝึก!
บทที่ 7 เข้าร่วมโรงฝึก!
"ค่าสมัครของเจ้างั้นรึ?"
ชายตาเดียวร่างใหญ่หยุดมือที่กำลังดีดลูกคิด
เขาฉีกยิ้มเล็กน้อย "ค่าสมัครของเจ้าไม่แพงนักหรอกแค่เดือนละสิบตำลึงเท่านั้น! ที่โรงฝึกดัชนีทองของเราค่าสมัครเพียงเท่านี้ถือว่าค่อนข้างต่ำและไม่แพงเลยสักนิด"
"แค่จ่ายเงินเสร็จก็เข้าร่วมโรงฝึกดัชนีทองเพื่อฝึกวิทยายุทธได้ทันที"
"สิบตำลึงรึ?"
สีหน้าของซื่อหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เงินที่มีติดตัวเขาทั้งหมดมีแค่หกตำลึงเท่านั้น
ซึ่งมันก็เป็นเงินที่ได้จากการ "ขายตัว" ของซื่อเหลียนพี่สาวของเขา
แต่ถึงอย่างนั้นหกตำลึงก็ยังไม่พอ
"ท่านช่วยลดให้หน่อยได้ไหม? ทั้งตัวข้ามีแค่หกตำลึงเอง"
ซื่อหวินเอ่ยถาม
"หกตำลึงรึ?"
"ไม่พอหรอก! ยังไงก็เดือนละสิบตำลึงลดต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว"
"ถ้าหากเงินไม่พอพวกเจ้าก็กลับไปหามาเพิ่มก่อนก็ได้"
"พอมีครบสิบตำลึงแล้วเจ้าค่อยกลับมาใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่เพิ่มราคาเจ้าหรอก"
ซื่อหวินเงียบไป
กว่าจะหาเงินได้ครบสิบตำลึงได้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?
ซู่เอ๋อโก่วก็กำลังจับตาดูเขาอย่างไม่ลดละ
ส่วนพี่สาวของเขาก็ขายตัวไปอยู่บ้านของตระกูลหวังแล้ว
แล้วเขาจะไปหาเงินจากที่ไหนมาได้อีก?
ต่อให้ซื่อฮุ่ยซักผ้าจนมือเปื่อยก็คงหาเงินได้ไม่ถึงสี่ตำลึงด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าซื่อหวินกำลังลำบากใจ
ซื่อฮุ่ยจึงดึงชายแขนเสื้อของเขาเบาๆ
"น้องฮุ่ย เจ้าเป็นอะไรไปงั้นรึ?"
ซื่อหวินถามเบาๆ
ซื่อฮุ่ยเม้มริมฝีปากแน่นและเมื่อดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้วเธอจึงพูดออกมาอย่างหนักแน่น "พี่หวิน ถ้าพี่อยากฝึกวิทยายุทธจริงๆมันก็พอมีทางอยู่"
"ข้ายอมไปอยู่ที่บ้านของตระกูลหวังก็ได้"
"บางทีการขายตัวอาจทำให้ข้าได้เงินถึงสิบห้าตำลึง ซึ่งมันจะทำให้พี่ได้อยู่ที่โรงฝึกดัชนีทองตั้งสองเดือน..."
"พอได้แล้ว! ซื่อฮุ่ยต่อไปนี้เจ้าห้ามคิดแบบนี้อีกเด็ดขาด!"
"แค่พี่เหลียนคนเดียวข้าก็รู้สึกผิดและเสียใจมากพอแล้ว"
"หากเจ้าต้องขายตัวเป็นทาสเพื่อข้าอีก ข้าคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองได้เป็นอันขาด"
"ส่วนเรื่องฝึกวิทยายุทธตอนนี้มันก็ยังพอมีทางอยู่"
ซื่อหวินรีบส่ายหน้า
เขาไม่ยอมให้ซื่อฮุ่ยพูดต่อ
เขาไม่มีทางยอมให้น้องสาวของเขาขายตัวเป็นทาสโดยเด็ดขาด
ซึ่งนั่นก็รวมถึงพี่สาวคนโตของเขาด้วยเช่นกัน
ถ้าหลังจากนี้เขาสามารถฝึกวิทยายุทธได้สำเร็จ เขาจะต้องหาทางทำให้พี่สาวคนโตของเขาหลุดพ้นออกมาจากการเป็นทาสให้ได้
ดังนั้นซื่อหวินไม่มีทางยอมให้ซื่อฮุ่ยไปอยู่ที่บ้านตระกูลหวังอีกคนโดยเด็ดขาด
ยิ่งซื่อฮุ่ยที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้ ถ้าหากเธอขายตัวไปอยู่ที่บ้านตระกูลหวังล่ะก็…
ผลที่ตามมาคงยากจะคาดเดาได้
ดังนั้นซื่อหวินจึงรีบห้ามซื่อฮุ่ยไม่ให้มีความคิดแบบนี้อีก
ชายตาเดียวร่างใหญ่ได้ยินบทสนทนาระหว่างซื่อหวินกับซื่อฮุ่ย
แต่เขากลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย
เขากลับมองซื่อหวินอย่างสนใจด้วยซ้ำ
เงินแม้แต่ตำลึงเดียวก็ห้ามขาด!
ต่อให้ซื่อหวินจะลำบากยากจนแค่ไหนเขาก็จะไม่ใจอ่อน
ในยุคสมัยแบบนี้ ใครบ้างที่ไม่ลำบากและใครบ้างที่ไม่ยากจน?
การอยากได้สิ่งใดก็ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเท่านั้น!
ซื่อหวินเองก็ไม่ขอให้ชายตาเดียวร่างใหญ่ลดค่าแรกเข้าลงอีกเช่นกัน
เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ความคิดของเขากลับต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซื่อหวินก็นึกวิธีหนึ่งออก
เขาพูดกับชายตาเดียวร่างใหญ่ไปตรงๆว่า "สิบตำลึงต่อเดือนงั้นก็เท่ากับว่าครึ่งเดือนก็ห้าตำลึง ถ้าอย่างนั้นข้าขอจ่ายห้าตำลึงก่อน เพื่อเข้าฝึกครึ่งเดือนได้ไหม?"
"ถ้าหากครึ่งเดือนหลังข้าหาเงินห้าตำลึงมาไม่ได้ ท่านก็ไล่ข้าออกไปได้เลยแบบนี้ได้ไหม?"
วิธีการของซื่อหวินก็คือการ "ผ่อน"
"หืม? เจ้านี่ฉลาดไม่เบานะ"
"แค่เดือนละสิบตำลึงเจ้ายังคิดจะขอเรียนครึ่งเดือนได้อีก"
"เจ้านี่น่าสนใจดีจริงๆ"
แววตาของชายตาเดียวร่างใหญ่เป็นประกาย
เขามองซื่อหวินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบตาข้างที่บอดของตัวเอง
"ก็ได้ เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาดและไม่ธรรมดาจริงๆ"
"ห้าตำลึงและกับการฝึกที่โรงฝึกสิบห้าวัน"
"ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายเงินมาก่อน"
"ได้ นี่เงินของข้า!"
ซื่อหวินรู้สึกดีใจ
เพราะในที่สุดเขาก็จะได้ฝึกวิทยายุทธแล้ว!
เขาไม่คิดว่าแค่การจะได้เข้าโรงฝึกวิทยายุทธก็ยากเย็นมากขนาดนี้
แต่ถึงตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เข้าโรงฝึกแล้ว
ถึงแม้ว่าจะฝึกได้แค่ครึ่งเดือน
แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว!
เงินที่เหลืออีกไม่กี่ตำลึงเขาค่อยๆหาทางจ่ายเอาทีหลังก็ได้
ดังนั้นซื่อหวินจึงจ่ายเงินให้กับชายตาเดียวร่างใหญ่ไป
ชายตาเดียวร่างใหญ่ลงชื่อเขาเสร็จแล้วก็มองซื่อฮุ่ยก่อนพูดเนิบๆว่า "เจ้าจะเริ่มฝึกวิทยายุทธตั้งแต่วันนี้เลยหรือว่าเจ้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้?"
ซื่อหวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"วันนี้ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าขอเริ่มฝึกพรุ่งนี้แทนก็แล้วกัน"
ตอนนี้ซื่อหวินยังไม่อยากเสียเวลาไปแม้เพียงแค่ครึ่งวัน
"ย่อมได้ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเจ้าก็มาที่โรงฝึกด้วยล่ะ"
"ในโรงฝึกดัชนีทองแห่งนี้มีอาหารมื้อกลางวันให้กับเจ้าหนึ่งมื้อ"
"แต่เจ้าจะต้องออกจากโรงฝึกก่อนพลบค่ำ"
"ขะ…ขอบคุณมากขอรับ!"
"เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว"
ชายตาเดียวร่างใหญ่นั้นดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม
แต่จริงๆแล้วกลับเป็นคนที่มีเหตุผลมาก
ดังนั้นซื่อหวินกับซื่อฮุ่ยจึงออกไปจากโรงฝึกดัชนีทองและกลับไปที่บ้าน
"ซื่อฮุ่ย พรุ่งนี้ข้าจะไปฝึกวิทยายุทธที่โรงฝึกดัชนีทองแล้ว"
"ช่วงที่ข้าไม่อยู่บ้านเจ้าต้องปิดประตูหน้าต่างให้ดีนะ"
"นอกจากพี่ใหญ่กับข้า เจ้าห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด"
"โดยเฉพาะซู่เอ๋อโก่ว ใครจะไปรู้ว่ามันจะทำเรื่องบ้าๆอะไรอีก"
ซื่อหวินกำชับซื่อฮุ่ยอย่างจริงจัง
หากเขาไปฝึกวิทยายุทธ สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือซื่อฮุ่ย
ยิ่งมีภัยคุกคามจากซู่เอ๋อโก่วอยู่ด้วยเขาจึงยิ่งวางใจไม่ได้
"พี่หวิน พี่ไปฝึกวิทยายุทธให้สบายใจเถอะ"
"ถ้าหากว่ามันไม่ไหวจริงๆก็อย่าฝืนตัวเองนะ"
ซื่อหวินพยักหน้า
แน่นอนว่าเขาจะไม่ฝืนตัวเอง
เพราะเขามี "วงแหวนแห่งแสง" อยู่แล้ว เขาจะไปฝืนตัวเองทำไม?
ต่อให้การฝึกวิทยายุทธจะยากลำบากแค่ไหน
ซื่อหวินก็เชื่อว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จ!
คืนนั้นซื่อหวินได้ "ออกแบบ" แผ่นเหล็กยึดขาของเขาใหม่
เพราะแผ่นเหล็กยึดขาของเขาตอนนี้ยังทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
นอกจากนี้ตอนฝึกวิทยายุทธ เขาก็คงไม่สามารถใช้ไม้ค้ำไปด้วยได้
อย่างน้อยเขาก็ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงเพิ่มอุปกรณ์ที่คล้ายกับเกือกม้าเข้าไปที่บริเวณฝ่าเท้าแล้วใช้เชือกมัดให้แน่นกับหัวเข่าและต้นขา
การทำแบบนี้เขาจะทำให้เขาสามารถยืนได้ในระยะเวลาสั้นๆ
แต่ว่าน้ำหนักตัวของเขาจะกดทับบนแผ่นเหล็กซึ่งจะส่งผลไปยังหัวเข่าและต้นขา
ดังนั้นมันจะทำให้หัวเข่าและต้นขาของเขาต้องรับภาระหนักมาก
ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวเข่าและต้นขาก็คงจะถลอกไปไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น
แต่ตอนนี้ซื่อหวินก็ทำได้เพียงเท่านี้
ในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้ว่าฟ้าจะยังไม่สว่างแต่ซื่อหวินก็ออกจากบ้านไปแล้ว
เขาทำแบบนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับซู่เอ๋อโก่ว
เขาจะออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านในช่วงค่ำ
การทำแบบนี้ก็เพื่อทำให้เขาสามารถเลี่ยงการได้เจอกับซู่เอ๋อโก่วได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือเวลา
ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
นอกจากนี้เขาจะต้องพยายามไม่ให้ซู่เอ๋อโก่วรู้ด้วยว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วและกำลังฝึกวิทยายุทธอยู่
แต่พอซื่อหวินมาถึงโรงฝึกดัชนีทอง เขากลับพบว่ามีคนมาถึงโรงฝึกแล้วจำนวนมาก
คนเหล่านี้เป็นเหมือนกับซื่อหวิน พวกเขาเป็นศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทอง
ทุกคนนั้นมาถึงก่อนซื่อหวิน
"ความพยายาม" ที่ซื่อหวินมีนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าคนเหล่านี้เลย
นอกจากนี้ “ความลำบาก” ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซื่อหวินกำลังเผชิญอยู่คนเดียว
ยังมีคนอีกมากมายที่พยายามและลำบากมากกว่าซื่อหวิน
แต่พอซื่อหวินมาถึงโรงฝึกดัชนีทอง เขากลับไม่เจอชายตาเดียวร่างใหญ่เมื่อวาน
แต่กลับมีชายร่างกำยำพาเขาเข้าไปที่สวนด้านหลังโรงฝึก
สวนด้านหลังนั้นเป็นสถานที่สำหรับฝึกวิทยายุทธโดยเฉพาะ
ซื่อหวินมองไปรอบๆ
ในสวนตอนนี้มีคนอยู่แล้วกว่าร้อยคน
และคนเหล่านี้ก็เริ่มฝึกวิทยายุทธกันแล้ว
แต่การฝึกวิทยายุทธของพวกเขากลับทำให้ซื่อหวินรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
คนเหล่านี้ต่างส่งเสียงร้องดังแล้วใช้นิ้วมือจิ้มไปที่ท่อนไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างรุนแรง
และทุกครั้งพวกเขาก็จะออกแรงสุดกำลัง
บางครั้งยังก็ได้ยินเสียง "แกร๊ก" ดังขึ้นเป็นครั้งคราว
นั่นเป็นเสียงนิ้วมือหักไม่ใช่เรอะ?!
"เอ่อ...ศิษย์พี่ นี่คือการฝึกวิทยายุทธจริงๆหรือ?"
ซื่อหวินเบิกตากว้างและถามชายร่างกำยำข้างๆด้วยสายตาแปลกๆ