ตอนที่แล้วบทที่ 6 โรงฝึกแห่งพิเศษ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ฝึกฝนวิทยายุทธ

บทที่ 7 เข้าร่วมโรงฝึก!


บทที่ 7 เข้าร่วมโรงฝึก!

"ค่าสมัครของเจ้างั้นรึ?"

ชายตาเดียวร่างใหญ่หยุดมือที่กำลังดีดลูกคิด

เขาฉีกยิ้มเล็กน้อย "ค่าสมัครของเจ้าไม่แพงนักหรอกแค่เดือนละสิบตำลึงเท่านั้น! ที่โรงฝึกดัชนีทองของเราค่าสมัครเพียงเท่านี้ถือว่าค่อนข้างต่ำและไม่แพงเลยสักนิด"

"แค่จ่ายเงินเสร็จก็เข้าร่วมโรงฝึกดัชนีทองเพื่อฝึกวิทยายุทธได้ทันที"

"สิบตำลึงรึ?"

สีหน้าของซื่อหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เงินที่มีติดตัวเขาทั้งหมดมีแค่หกตำลึงเท่านั้น

ซึ่งมันก็เป็นเงินที่ได้จากการ "ขายตัว" ของซื่อเหลียนพี่สาวของเขา

แต่ถึงอย่างนั้นหกตำลึงก็ยังไม่พอ

"ท่านช่วยลดให้หน่อยได้ไหม? ทั้งตัวข้ามีแค่หกตำลึงเอง"

ซื่อหวินเอ่ยถาม

"หกตำลึงรึ?"

"ไม่พอหรอก! ยังไงก็เดือนละสิบตำลึงลดต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว"

"ถ้าหากเงินไม่พอพวกเจ้าก็กลับไปหามาเพิ่มก่อนก็ได้"

"พอมีครบสิบตำลึงแล้วเจ้าค่อยกลับมาใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่เพิ่มราคาเจ้าหรอก"

ซื่อหวินเงียบไป

กว่าจะหาเงินได้ครบสิบตำลึงได้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?

ซู่เอ๋อโก่วก็กำลังจับตาดูเขาอย่างไม่ลดละ

ส่วนพี่สาวของเขาก็ขายตัวไปอยู่บ้านของตระกูลหวังแล้ว

แล้วเขาจะไปหาเงินจากที่ไหนมาได้อีก?

ต่อให้ซื่อฮุ่ยซักผ้าจนมือเปื่อยก็คงหาเงินได้ไม่ถึงสี่ตำลึงด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นว่าซื่อหวินกำลังลำบากใจ

ซื่อฮุ่ยจึงดึงชายแขนเสื้อของเขาเบาๆ

"น้องฮุ่ย เจ้าเป็นอะไรไปงั้นรึ?"

ซื่อหวินถามเบาๆ

ซื่อฮุ่ยเม้มริมฝีปากแน่นและเมื่อดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้วเธอจึงพูดออกมาอย่างหนักแน่น "พี่หวิน ถ้าพี่อยากฝึกวิทยายุทธจริงๆมันก็พอมีทางอยู่"

"ข้ายอมไปอยู่ที่บ้านของตระกูลหวังก็ได้"

"บางทีการขายตัวอาจทำให้ข้าได้เงินถึงสิบห้าตำลึง ซึ่งมันจะทำให้พี่ได้อยู่ที่โรงฝึกดัชนีทองตั้งสองเดือน..."

"พอได้แล้ว! ซื่อฮุ่ยต่อไปนี้เจ้าห้ามคิดแบบนี้อีกเด็ดขาด!"

"แค่พี่เหลียนคนเดียวข้าก็รู้สึกผิดและเสียใจมากพอแล้ว"

"หากเจ้าต้องขายตัวเป็นทาสเพื่อข้าอีก ข้าคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองได้เป็นอันขาด"

"ส่วนเรื่องฝึกวิทยายุทธตอนนี้มันก็ยังพอมีทางอยู่"

ซื่อหวินรีบส่ายหน้า

เขาไม่ยอมให้ซื่อฮุ่ยพูดต่อ

เขาไม่มีทางยอมให้น้องสาวของเขาขายตัวเป็นทาสโดยเด็ดขาด

ซึ่งนั่นก็รวมถึงพี่สาวคนโตของเขาด้วยเช่นกัน

ถ้าหลังจากนี้เขาสามารถฝึกวิทยายุทธได้สำเร็จ เขาจะต้องหาทางทำให้พี่สาวคนโตของเขาหลุดพ้นออกมาจากการเป็นทาสให้ได้

ดังนั้นซื่อหวินไม่มีทางยอมให้ซื่อฮุ่ยไปอยู่ที่บ้านตระกูลหวังอีกคนโดยเด็ดขาด

ยิ่งซื่อฮุ่ยที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้ ถ้าหากเธอขายตัวไปอยู่ที่บ้านตระกูลหวังล่ะก็…

ผลที่ตามมาคงยากจะคาดเดาได้

ดังนั้นซื่อหวินจึงรีบห้ามซื่อฮุ่ยไม่ให้มีความคิดแบบนี้อีก

ชายตาเดียวร่างใหญ่ได้ยินบทสนทนาระหว่างซื่อหวินกับซื่อฮุ่ย

แต่เขากลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย

เขากลับมองซื่อหวินอย่างสนใจด้วยซ้ำ

เงินแม้แต่ตำลึงเดียวก็ห้ามขาด!

ต่อให้ซื่อหวินจะลำบากยากจนแค่ไหนเขาก็จะไม่ใจอ่อน

ในยุคสมัยแบบนี้ ใครบ้างที่ไม่ลำบากและใครบ้างที่ไม่ยากจน?

การอยากได้สิ่งใดก็ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเท่านั้น!

ซื่อหวินเองก็ไม่ขอให้ชายตาเดียวร่างใหญ่ลดค่าแรกเข้าลงอีกเช่นกัน

เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

แต่ความคิดของเขากลับต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซื่อหวินก็นึกวิธีหนึ่งออก

เขาพูดกับชายตาเดียวร่างใหญ่ไปตรงๆว่า "สิบตำลึงต่อเดือนงั้นก็เท่ากับว่าครึ่งเดือนก็ห้าตำลึง ถ้าอย่างนั้นข้าขอจ่ายห้าตำลึงก่อน เพื่อเข้าฝึกครึ่งเดือนได้ไหม?"

"ถ้าหากครึ่งเดือนหลังข้าหาเงินห้าตำลึงมาไม่ได้ ท่านก็ไล่ข้าออกไปได้เลยแบบนี้ได้ไหม?"

วิธีการของซื่อหวินก็คือการ "ผ่อน"

"หืม? เจ้านี่ฉลาดไม่เบานะ"

"แค่เดือนละสิบตำลึงเจ้ายังคิดจะขอเรียนครึ่งเดือนได้อีก"

"เจ้านี่น่าสนใจดีจริงๆ"

แววตาของชายตาเดียวร่างใหญ่เป็นประกาย

เขามองซื่อหวินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบตาข้างที่บอดของตัวเอง

"ก็ได้ เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาดและไม่ธรรมดาจริงๆ"

"ห้าตำลึงและกับการฝึกที่โรงฝึกสิบห้าวัน"

"ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายเงินมาก่อน"

"ได้ นี่เงินของข้า!"

ซื่อหวินรู้สึกดีใจ

เพราะในที่สุดเขาก็จะได้ฝึกวิทยายุทธแล้ว!

เขาไม่คิดว่าแค่การจะได้เข้าโรงฝึกวิทยายุทธก็ยากเย็นมากขนาดนี้

แต่ถึงตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เข้าโรงฝึกแล้ว

ถึงแม้ว่าจะฝึกได้แค่ครึ่งเดือน

แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว!

เงินที่เหลืออีกไม่กี่ตำลึงเขาค่อยๆหาทางจ่ายเอาทีหลังก็ได้

ดังนั้นซื่อหวินจึงจ่ายเงินให้กับชายตาเดียวร่างใหญ่ไป

ชายตาเดียวร่างใหญ่ลงชื่อเขาเสร็จแล้วก็มองซื่อฮุ่ยก่อนพูดเนิบๆว่า "เจ้าจะเริ่มฝึกวิทยายุทธตั้งแต่วันนี้เลยหรือว่าเจ้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้?"

ซื่อหวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง

"วันนี้ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าขอเริ่มฝึกพรุ่งนี้แทนก็แล้วกัน"

ตอนนี้ซื่อหวินยังไม่อยากเสียเวลาไปแม้เพียงแค่ครึ่งวัน

"ย่อมได้ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเจ้าก็มาที่โรงฝึกด้วยล่ะ"

"ในโรงฝึกดัชนีทองแห่งนี้มีอาหารมื้อกลางวันให้กับเจ้าหนึ่งมื้อ"

"แต่เจ้าจะต้องออกจากโรงฝึกก่อนพลบค่ำ"

"ขะ…ขอบคุณมากขอรับ!"

"เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว"

ชายตาเดียวร่างใหญ่นั้นดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม

แต่จริงๆแล้วกลับเป็นคนที่มีเหตุผลมาก

ดังนั้นซื่อหวินกับซื่อฮุ่ยจึงออกไปจากโรงฝึกดัชนีทองและกลับไปที่บ้าน

"ซื่อฮุ่ย พรุ่งนี้ข้าจะไปฝึกวิทยายุทธที่โรงฝึกดัชนีทองแล้ว"

"ช่วงที่ข้าไม่อยู่บ้านเจ้าต้องปิดประตูหน้าต่างให้ดีนะ"

"นอกจากพี่ใหญ่กับข้า เจ้าห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด"

"โดยเฉพาะซู่เอ๋อโก่ว ใครจะไปรู้ว่ามันจะทำเรื่องบ้าๆอะไรอีก"

ซื่อหวินกำชับซื่อฮุ่ยอย่างจริงจัง

หากเขาไปฝึกวิทยายุทธ สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือซื่อฮุ่ย

ยิ่งมีภัยคุกคามจากซู่เอ๋อโก่วอยู่ด้วยเขาจึงยิ่งวางใจไม่ได้

"พี่หวิน พี่ไปฝึกวิทยายุทธให้สบายใจเถอะ"

"ถ้าหากว่ามันไม่ไหวจริงๆก็อย่าฝืนตัวเองนะ"

ซื่อหวินพยักหน้า

แน่นอนว่าเขาจะไม่ฝืนตัวเอง

เพราะเขามี "วงแหวนแห่งแสง" อยู่แล้ว เขาจะไปฝืนตัวเองทำไม?

ต่อให้การฝึกวิทยายุทธจะยากลำบากแค่ไหน

ซื่อหวินก็เชื่อว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จ!

คืนนั้นซื่อหวินได้ "ออกแบบ" แผ่นเหล็กยึดขาของเขาใหม่

เพราะแผ่นเหล็กยึดขาของเขาตอนนี้ยังทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

นอกจากนี้ตอนฝึกวิทยายุทธ เขาก็คงไม่สามารถใช้ไม้ค้ำไปด้วยได้

อย่างน้อยเขาก็ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง

ดังนั้นเขาจึงเพิ่มอุปกรณ์ที่คล้ายกับเกือกม้าเข้าไปที่บริเวณฝ่าเท้าแล้วใช้เชือกมัดให้แน่นกับหัวเข่าและต้นขา

การทำแบบนี้เขาจะทำให้เขาสามารถยืนได้ในระยะเวลาสั้นๆ

แต่ว่าน้ำหนักตัวของเขาจะกดทับบนแผ่นเหล็กซึ่งจะส่งผลไปยังหัวเข่าและต้นขา

ดังนั้นมันจะทำให้หัวเข่าและต้นขาของเขาต้องรับภาระหนักมาก

ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวเข่าและต้นขาก็คงจะถลอกไปไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น

แต่ตอนนี้ซื่อหวินก็ทำได้เพียงเท่านี้

ในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้ว่าฟ้าจะยังไม่สว่างแต่ซื่อหวินก็ออกจากบ้านไปแล้ว

เขาทำแบบนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับซู่เอ๋อโก่ว

เขาจะออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านในช่วงค่ำ

การทำแบบนี้ก็เพื่อทำให้เขาสามารถเลี่ยงการได้เจอกับซู่เอ๋อโก่วได้

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือเวลา

ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

นอกจากนี้เขาจะต้องพยายามไม่ให้ซู่เอ๋อโก่วรู้ด้วยว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วและกำลังฝึกวิทยายุทธอยู่

แต่พอซื่อหวินมาถึงโรงฝึกดัชนีทอง เขากลับพบว่ามีคนมาถึงโรงฝึกแล้วจำนวนมาก

คนเหล่านี้เป็นเหมือนกับซื่อหวิน พวกเขาเป็นศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทอง

ทุกคนนั้นมาถึงก่อนซื่อหวิน

"ความพยายาม" ที่ซื่อหวินมีนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าคนเหล่านี้เลย

นอกจากนี้ “ความลำบาก” ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซื่อหวินกำลังเผชิญอยู่คนเดียว

ยังมีคนอีกมากมายที่พยายามและลำบากมากกว่าซื่อหวิน

แต่พอซื่อหวินมาถึงโรงฝึกดัชนีทอง เขากลับไม่เจอชายตาเดียวร่างใหญ่เมื่อวาน

แต่กลับมีชายร่างกำยำพาเขาเข้าไปที่สวนด้านหลังโรงฝึก

สวนด้านหลังนั้นเป็นสถานที่สำหรับฝึกวิทยายุทธโดยเฉพาะ

ซื่อหวินมองไปรอบๆ

ในสวนตอนนี้มีคนอยู่แล้วกว่าร้อยคน

และคนเหล่านี้ก็เริ่มฝึกวิทยายุทธกันแล้ว

แต่การฝึกวิทยายุทธของพวกเขากลับทำให้ซื่อหวินรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย

คนเหล่านี้ต่างส่งเสียงร้องดังแล้วใช้นิ้วมือจิ้มไปที่ท่อนไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างรุนแรง

และทุกครั้งพวกเขาก็จะออกแรงสุดกำลัง

บางครั้งยังก็ได้ยินเสียง "แกร๊ก" ดังขึ้นเป็นครั้งคราว

นั่นเป็นเสียงนิ้วมือหักไม่ใช่เรอะ?!

"เอ่อ...ศิษย์พี่ นี่คือการฝึกวิทยายุทธจริงๆหรือ?"

ซื่อหวินเบิกตากว้างและถามชายร่างกำยำข้างๆด้วยสายตาแปลกๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด