ตอนที่แล้วบทที่ 4 อิทธิพล!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 โรงฝึกแห่งพิเศษ!

บทที่ 5 ข้าไม่รับคนพิการ!


บทที่ 5 ข้าไม่รับคนพิการ!

ซื่อหวินจะพอมีความรู้เกี่ยวกับโรงฝึกวรยุทธ์ในเมืองหลิวอยู่บ้าง

ถึงแม้เขาจะออกไปดูเองไม่ได้ แต่ก็ยังมีซื่อฮุ่ยที่ออกไปดูแทนเขาได้

ภายในเมืองหลิวนั้นมีโรงฝึกอยู่มากมาย

แต่โรงฝึกที่ดีและโด่งดังที่สุดคือโรงฝึกกังจิน

ว่ากันว่าหัวหน้าโรงฝึกกังจินนั้นมีชื่อเสียงมาในหมู่ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั่วเมืองหลิวอีกด้วย

นอกจากนี้ศิษย์ในโรงฝึกกังจินก็มีถึงหลายร้อยคน

ที่สำคัญคือค่าเล่าเรียนก็สมเหตุสมผล

นอกจากนี้ยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องสถานะของศิษย์ด้วยเช่นกัน

ศิษย์ที่โดดเด่นหลายคนล้วนมาจากชนชั้นล่างสุดในเมืองหลิว แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักพวกเขาก็ได้กลายเป็นจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจ

เรียกได้ว่ามันพลิกชะตาชีวิตของพวกเขาได้เลยทีเดียว

"ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไปที่โรงฝึกกังจินนี่แหละ!"

ซื่อหวินตัดสินใจ

ว่าแล้วซื่อหวินก็ค่อยๆลุกขึ้น

เขาให้ซื่อฮุ่ยเตรียมไม้ค้ำให้เขา

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

ซื่อหวินมองไปที่ขาขวาของตัวเอง

จริงๆแล้วถ้าเขาตัดขาท่อนล่างออกไปเลยอาจจะสะดวกกว่า

แต่ซื่อหวินยังไม่อยากตัดขา

เพราะเขาเองก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง

เขาหวังว่าในอนาคตอาจจะมียาวิเศษบางอย่างที่ทำให้ขาขวาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง

ต่อให้มีโอกาสเพียงน้อยนิด เขาก็จะไม่ยอมเลิกหวัง!

แต่ตอนนี้ขาท่อนล่างขวาของเขาก็ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับเขา

เพราะการฝึกวรยุทธ์นั้น การเคลื่อนไหวของซื่อหวินมีผลอย่างมาก

แต่แล้วซื่อหวินก็คิดหาวิธีจนได้

เขาเตรียมแผ่นเหล็กมา

เขามัดแผ่นเหล็กไว้ที่หัวเข่าทั้งสองละข้าง

ความยาวของแผ่นเหล็กนั้นยาวกว่าขาท่อนล่างขวาเล็กน้อย

การทำแบบนี้จะทำให้เขาเดินบนพื้นด้วยขาขวาได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเท้าขวาจะเข้ามารบกวนการเคลื่อนไหวของเขา

เพียงแต่ว่าขาของเขาจะยาวไม่เท่ากัน

เวลาที่เขาเดินมันก็จะเขยกไปมาด้วย

นอกจากนี้แผ่นเหล็กเองก็มีน้ำหนัก ซึ่งทำให้ซื่อหวินต้องออกแรงมากในการก้าวเดินแต่ละก้าว

แน่นอนว่าถ้าเป็นคนส่วนใหญ่ก็คงจะเลือกใช้ไม้ค้ำจะดีกว่า

แต่นี่ก็เป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

ในเมื่อเขาไม่อยากตัดขา เขาก็ทำได้แต่ประคองร่างกายที่ค่อนข้าง"ไม่สมบูรณ์" แบบนี้ไปก่อน

หลังจากมัดแผ่นเหล็กที่ขาขวาเสร็จ ซื่อหวินจึงลองเดินดู

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอยู่นิดหน่อย

แต่มันกลับทำให้เขายืนอยู่บนพื้นได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ แม้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ก็ตาม

แม้แผ่นเหล็กที่รัดแน่นกับขาจะทำให้เขาเจ็บปวดมาก แต่ซื่อหวินก็ทำได้เพียงกัดฟันอดทน

ซื่อฮุ่ยช่วยซื่อหวินจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะประคองแขนเขาแล้วพูดว่า "พี่หวิน พวกเราไปกันเถอะ"

แม้ในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ซื่อฮุ่ยก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา

หากเป็นสิ่งที่พี่ชายของเขาตัดสินใจไปแล้ว เธอก็จะคอบสนับสนุนอย่างเต็มที่

"แอ๊ด..."

ซื่อฮุ่ยผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออกก่อนจะประคองซื่อหวินก้าวออกไป

วันนี้อากาศดีมาก แม้แดดจะจ้าจนแสบตาแต่กลับไม่ร้อน อีกทั้งยังอบอุ่นอย่างพอดี

หลังจากที่ข้ามโลกมาเนิ่นนาน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ซื่อหวินได้ก้าวออกมาจากนอกห้อง เขามองไปรอบๆพลางพยักหน้าเล็กน้อย

"ดูเหมือนซู่เอ๋อโก่วจะไม่ได้อยู่แถวนี้จริงๆด้วย งั้นพวกเรารีบไปโรงฝึกกังจินตอนที่เขายังไม่รู้ตัวเถอะพี่หวิน"

ที่ซื่อหวินเลือกวันนี้เป็นวันออกจากบ้าน ก็เพราะเขาสังเกตว่าซู่เอ๋อโก่วไม่ได้มาวนเวียนอยู่แถวบ้านอีกแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ดี

ซื่อฮุ่ยประคองร่างซื่อหวินซึ่งพวกเขาทั้งคู่เดินผ่านตรอกซอกซอยมากมาย ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนอดอยาก แม้แต่พวกมือปราบจากทางการก็ยังต้องออกตามเก็บศพคนตายไปทิ้งแล้วโรยผงปูนขาวทั่วพื้นเพื่อป้องกันโรคระบาด

นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนทรงที่กำลังแปะยันต์ตามมุมต่างๆพร้อมกับท่องคาถาขอฝน แต่ผ่านไปหลายวันแล้วฝนก็ยังไม่ตก ดูเหมือนว่าอาจารย์ชิ่งหยวนที่ว่ากันว่ามีอิทธิฤทธิ์นั้นจะทำอะไรไม่ได้เลย

เพราะแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ฝนก็ยังไม่ตกสักหยด

ซื่อหวินมองไปที่สภาพบ้านเมืองและผู้คน ทุกคนดูซีดเซียว ผ่ายผอม ซึ่งนี่คือสภาพของยุคสมัยแห่งความวุ่นวาย ในทุกวันจะมีคนล้มตาย เขาเองก็ไม่อยากให้ตัวเองหรือคนในตระกูลต้องพบจุดจบแบบนั้น ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือการมีชีวิตรอด!

ทั้งสองเดินผ่านตรอกไปหลายสายจนในที่สุดก็มาถึงโรงฝึกกังจิน โรงฝึกนี้ดูใหญ่โตและโอ่อ่ามาก ด้านหน้าประตูมีศิษย์สองคนรูปร่างกำยำยืนเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นซื่อหวินที่เดินกระโผลกกระเผลกพร้อมไม้ค้ำเข้ามา ทั้งสองก็ทำสีหน้าประหลาดใจ

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังพาซื่อหวินไปที่จุดลงทะเบียนของโรงฝึก

"ศิษย์พี่ยื่อซาน มีคนมาสมัครที่สำนักขอรับ"

ศิษย์เฝ้าประตูพูดกับชายร่างกำยำในชุดสีเทาเบาๆ

ศิษย์พี่ยื่อซานที่กำลังหลับตาอยู่เอ่ยขึ้นทันที "ถ้าจะเข้าเรียนที่โรงฝึกแห่งนี้ต้องเรียนอย่างน้อยหนึ่งเดือนพร้อมกับค่าเรียนเดือนละสี่ตำลึงเงิน"

ซื่อหวินไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเขาหาข้อมูลมาล่วงหน้าแล้วว่าโรงฝึกกังจินจะเก็บค่าเรียนเดือนละสี่ตำลึง ซึ่งเขาก็พอจะจ่ายไหวในเดือนแรก ส่วนเดือนต่อไปค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอแค่ได้เข้าโรงฝึกก่อนก็พอ

"ตกลงขอรับ!"

ซื่อหวินไม่ลังเล เขารีบหยิบเงินออกมาเพื่อลงทะเบียนทันที

ทันใดนั้น "ศิษย์พี่ยื่อซาน" คนนั้นก็ลืมตาขึ้น

"ฟึ่บ"

สายตาของศิษย์พี่ยื่อซานจับจ้องไปที่ซื่อหวิน หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและมองไปที่ขาขวาของซื่อหวิน

"เดี๋ยวก่อน ขาของเจ้าเป็นอะไรมาน่ะ?"

ศิษย์พี่ยื่อซานถาม

"ขาหรือขอรับ?"

ซื่อหวินยังคงมรสีหน้าเรียบเฉย เขาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "ขาขวาของข้าพิการขอรับ"

"พิการรึ?"

"หมายความว่าเจ้าเป็นง่อยงั้นรึ? แล้วคนเป็นง่อยอย่างเจ้าจะฝึกวิทยายุทธได้อย่างไรกัน?"

"ถึงโรงฝึกกังจินของพวกเราจะไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดสถานะ แต่พวกเราเป็นนักสู้ การฝึกวรยุทธนั้นต้องมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์"

"ไม่งั้นโรงฝึกกังจินของพวกเราคงมีแต่คนตาบอด ขาพิการ จนกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว"

"ดังนั้น พวกเราจึงไม่รับคนพิการเข้าสู่โรงฝึกกังจินของพวกเรา!"

ศิษย์พี่ยื่อซานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด พร้อมกับพูดจาไม่ให้เกียรติซื่อหวินแม้แต่น้อย

โรงฝึกกังจินไม่รับคนพิการ!

"ถ้าอย่างนั้นข้ายอมจ่ายห้าตำลึงหรือหกตำลึงก็ได้ขอรับ!"

"ขอแค่ให้ผมได้เข้าฝึกที่โรงฝึกกังจินแห่งนี้เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น"

"ถ้าหากข้าฝึกไม่ไหวจริงๆ ข้าจะไม่กลับมาที่นี่อีก"

"ข้าขอแค่โอกาสในการฝึกวิชาเพียงหนึ่งเดือนเถอะขอรับ!"

ซื่อหวินพูดอย่างหนักแน่นและมุ่งมั่น

ศิษย์พี่ยื่อซานขมวดคิ้ว

เขาไม่คิดว่าซื่อหวินจะดื้อด้านขนาดนี้ แต่คนพิการจะฝึกวิทยายุทธได้ยังไง? เรื่องแบบนี้มันไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอ?

ถึงโรงฝึกกังจินถึงจะรับคนทุกสถานะ แต่พวกเขาก็ไม่เคยรับคนพิการเป็นศิษย์มาก่อน

แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีศิษย์หลายคนมามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งพวกเขาต่างมองซื่อหวินด้วยความแปลกใจ ว่าการที่มีคนพิการอยากฝึกวิชานั้นช่างแปลกจริงๆ

ใครๆก็รู้ว่าการฝึกวิชาจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากนี้การฝึกวิชายังเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง แต่ถ้าร่างกายไม่สมบูรณ์มันจะฝึกยังไงให้เห็นผลได้?

ต่อให้ฝึกสำเร็จ คนพิการก็ยังเคลื่อนไหวลำบาก แล้วจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้จริงได้ยังไง?

"ยื่อซาน เจ้าเอะอะอะไรเสียงดังอยู่งั้นรึ?"

ทันใดนั้น ชายชราในวัยห้าสิบกว่าปีที่ดูแข็งแรงและดูกระฉับกระเฉงก็เดินเข้ามา

"ท่านอาจารย์!"

"คนๆนี้ขาขวาพิการ แต่ก็ยังจะมาฝึกวิชาที่โรงฝึกให้ได้ขอรับ"

"ข้าไม่ยอมรับเขา เขาก็เลยมายืนคะยั้นคะยอข้าอยู่ตรงนี้"

ยื่อซานตอบอย่างนอบน้อม

ชายในวัยห้าสิบกว่าปีผู้นี้ แท้จริงแล้วคือผู้ก่อตั้งโรงฝึกกังจิน!

เขาเป็นนักสู้ที่แท้จริง แถมยังเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลิวอีกด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด