บทที่ 24 คำชี้แนะของจ้าวหง
บทที่ 24 คำชี้แนะของจ้าวหง
"เทคนิคการหายใจคือเทคนิคการใช้พลัง"
"ถ้าสามารถปรับพลังของร่างกายทั้งหมดผ่านการหายใจแล้วปลดปล่อยมันออกมาในพริบตา"
"ด้วยการใช้เทคนิคการหายใจ ศิษย์ของโรงฝึกดัชนีทองสามารถใช้นิ้วจิ้มออกไปด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นซึ่งเทียบเท่ากับอาวุธวิเศษ"
"แล้วเทคนิคการใช้พลังนี้สามารถนำไปใช้กับวิชาดาบบินได้ไหม?"
"วิชาดาบบินของข้าตอนนี้มีความแม่นยำมากแล้ว ถึงจะไม่ถูกเป้าทุกครั้งแต่ก็ไม่ต่างกันมาก ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือพลัง"
"ถ้าหากสามารถรวมเทคนิคการหายใจเข้ากับวิชาดาบบินได้ พลังของวิชาดาบบินก็น่าจะสูงยิ่งขึ้น!"
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของซื่อหวิน
ถึงแม้ว่าซื่อหวินจะฝึกยุทธที่โรงฝึกดัชนีทอง แต่เขาก็รู้ดี
ว่าตัวเขายังคงเป็นคนขาพิการ
แม้ว่าจะฝึกสำเร็จและได้กลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้
แต่ขาที่พิการก็จะยังเป็นข้อบกพร่องของเขา
อย่างน้อยในด้านการต่อสู้ เขาก็จะเสียเปรียบมาก
อย่างเช่น เขาไม่สามารถตามทันความเร็วของคู่ต่อสู้ได้
หรือเขาก็อาจทำได้แค่ตั้งรับและไม่สามารถโจมตีกลับได้
เพราะขาที่พิการจึงส่งผลกระทบต่อทุกด้าน
ดังนั้น เขาจึงต้องชดเชยข้อเสียเปรียบนี้
และซื่อหวินคิดว่าวิชาดาบบินนั้นสามารถชดเชยข้อบกพร่องของขาที่พิการของเขาได้เป็นอย่างดี
ในการต่อสู้ระยะประชิด ซื่อหวินสามารถใช้วิทยายุทธของโรงฝึกดัชนีทองได้
ถ้าหากคู่ต่อสู้ถอยห่างออกไป นั่นก็ยิ่งดี
เพราะซื่อหวินจะใช้ดาบสั้นเพื่อโจมตี
แน่นอนว่า ถ้าหากต้องการให้วิชาดาบบินเป็นไปตามความต้องการของเขา
เขาก็ต้องเพิ่มพลังของวิชาดาบบินอย่างต่อเนื่อง
และตอนนี้ เงื่อนไขสำคัญที่จำกัดวิชาดาบบินก็คือพลังของซื่อหวินยังไม่มากเพียงพอ
ตอนนี้ เทคนิคการหายใจของโรงฝึกดัชนีทองดูเหมือนจะทำให้ความหวังในการเพิ่มพลังของวิชาดาบบินแก่ซื่อหวินเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น ซื่อหวินจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่จะทำได้หรือไม่นั้น เขาก็ต้องลองทำจริงๆที่บ้านถึงจะรู้
เพราะที่โรงฝึกดัชนีทอง ซื่อหวินจะไม่เปิดเผยวิชาดาบบินเป็นอันขาด
"ความเข้าใจของเจ้าไม่เลวนี่"
"ใช้เวลาเพียงเท่านี้ก็เข้าใจแก่นแท้ของเทคนิคการหายใจแล้ว"
"ซื่อหวิน ตอนนี้เจ้าสามารถใช้เทคนิคการหายใจเพื่อดึงพลังทั้งหมดของร่างกายมาฝึกฝนต่อได้แล้ว"
"จำไว้ว่าต้องทุ่มสุดพลังทุกครั้งและไม่ต้องกลัวว่านิ้วจะหัก เพราะโรงฝึกดัชนีทองของเรามียาพิเศษ แม้แต่นิ้วที่หักก็ยังสามารถต่อกลับได้"
"เมื่อเจ้าสามารถจิ้มนิ้วเข้าไปในลำต้นของต้นไม้โดยที่นิ้วไม่เป็นอะไร นั่นหมายความว่าเจ้าได้ฝึกสำเร็จขั้นสูงแล้ว!"
เซี่ยเหอเดินมาหาซื่อหวินแล้วพูด
ซื่อหวินเงยหน้ามองเซี่ยเหอ
หลังจากนั้นเขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ข้าขอถามศิษย์พี่เซี่ยได้ไหมขอรับ? ถ้าหากฝึกสำเร็จขั้นสูงแล้ว ข้าจะได้กลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงเลยหรือไม่ขอรับ?"
นี่ไม่ใช่แค่คำถามของซื่อหวิน แต่เป็นคำถามของเหล่าศิษย์หลายคน
ศิษย์เหล่านี้มีเป้าหมายในการฝึกยุทธเพื่อเป็นนักศิลปะการต่อสู้
แต่พวกเขาไม่มีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนักศิลปะการต่อสู้
อะไรคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง?
"การบอกเจ้าไปก็คงไม่เสียหาย"
เซี่ยเหอไม่ได้หลบเลี่ยงคำถามในครั้งนี้แต่ตอบไปตรงๆว่า "การฝึกสำเร็จในขั้นสูงได้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะได้เป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง"
"ในโรงฝึกดัชนีทองของเรา มีเพียงเงื่อนไขเดียวที่จะเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงได้"
"นั่นคือการก้าวเข้าสู่ขอบเขตผิวหนังหินเท่านั้น!"
"แล้วขอบเขตผิวหนังหินคืออะไรน่ะหรือ?"
"เมื่อเจ้าได้ฝึกฝนกับต้นไม้จนถึงขีดสุด ในตอนนั้นเจ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง"
"การเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าสำคัญที่สุด"
"หลายคนฝึกฝนชั่วชีวิตก็ยังคงเป็นแค่การฝึกฝนและไม่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้"
"นี่แหละคือพรสวรรค์!"
"นักศิลปะการต่อสู้ต้องอาศัยพรสวรรค์ แม้แต่วิทยายุทธของโรงฝึกดัชนีทองที่เป็นวิชาพลังภายนอกก็ยังต้องอาศัยพรสวรรค์"
"ถ้าหากไม่มีพรสวรรค์นี้ ก็ทำได้แค่ฝึกฝนไปชั่วชีวิตและไม่สามารถก้าวเข้าสู่การเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงได้"
เซี่ยเหอพูดพลางกอดอก
เหล่าศิษย์ต่างเงียบลง
การเปลี่ยนแปลง!
พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถพบกับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้หรือไม่?
แต่เมื่อได้ยินศิษย์พี่เซี่ยเหอพูดแบบนี้ พวกเขาจึงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นคงยากลำบาก
"พรสวรรค์..."
ซื่อหวินพึมพำกับตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์หรือไม่
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาตื่นเต้น
จากคำอธิบายของเซี่ยเหอ
การฝึกฝนก็มีคอขวด
คอขวดนี้เป็นอุปสรรคสำหรับศิษย์หลายคน
หากทะลวงคอขวดนี้ไปได้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและก้าวเข้าสู่ขอบเขตผิวหนังหินจนได้กลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง
ถ้าหากทะลวงไม่ได้ ก็จะไม่มีโอกาสเป็นนักศิลปะการต่อสู้และทำได้แค่ฝึกฝนไปตลอดชีวิต
"แค่มีคอขวดก็พอแล้ว..."
ซื่อหวินไม่ได้กังวลเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์
เพราะบางที เขาอาจจะเป็น "ผู้ที่มีพรสวรรค์" หนึ่งในหมื่น
ไม่ใช่แค่ซื่อหวินที่คิดแบบนี้
ศิษย์คนอื่นๆเองต่างก็คิดแบบนี้เช่นกัน
เพราะหากยังไม่เคยสิ้นหวังจริงๆ ใครจะคิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์?
"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ฝึกฝนกันต่อได้แล้ว"
เซี่ยเหอพูดขึ้น
เหล่าศิษย์จึงกลับไปฝึกฝนกันต่อ
ซื่อหวินได้ใช้เทคนิคการหายใจและฝึกฝนกับต้นไม้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
หลังจากนั้น มือของเขาก็เริ่มบวม
เพราะต้นไม้นั้นไม่เหมือนกองทราย
ต้นไม้มันแข็งมาก
และทุกครั้งที่ใช้เทคนิคการหายใจเพื่อดึงพลังทั้งหมดออกมาแล้วใช้นิ้วจิ้มลงไป มันก็เหมือนกับการปะทะกันโดยตรง
การที่นิ้วไม่หักก็ถือว่าดีแล้ว
ส่วนอาการบวมแดงก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถึงตอนนี้ ก็ต้องทายาแล้ว
นอกจากนี้ ซื่อหวินยังพบว่ายาที่ใช้ในขั้นที่สองของการฝึกฝนแตกต่างจากยาที่ใช้ในขั้นแรก
ดูเหมือนว่าแต่ละขั้นตอนของการฝึกยุทธจะใช้ยาที่แตกต่างกัน
"ยา" นี้ คงเป็นกุญแจสำคัญในการฝึกยุทธ
ขณะที่ซื่อหวินกำลังทายา เขาก็เฝ้าสังเกตศิษย์คนอื่นๆ
ศิษย์ที่อยู่ในขั้นที่สองนั้นมีจำนวนมากที่สุด
แต่ซื่อหวินมองไปคร่าวๆ
มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจเทคนิคการหายใจ
พวกเขามีประมาณครึ่งเดียวเท่านั้น
ซื่อหวินรู้สึกว่าเทคนิคการหายใจนั้นไม่ได้ยากมากนัก
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะสามารถเข้าใจได้
แม้ว่าหลายคนจะฝึกฝนมาหนึ่งหรือสองเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจเทคนิคการหายใจได้
ตัวอย่างเช่น จ้าวหง
จ้าวหงเริ่มฝึกเทคนิคการหายใจก่อนซื่อหวิน
เขาเริ่มพยายามฝึกเทคนิคการหายใจไปแล้วประมาณยี่สิบกว่าวัน
แต่ดูเหมือนจะยังขาดอะไรบางอย่างไป
เขายังไม่สามารถเข้าใจเทคนิคการหายใจได้
ยิ่งเห็นซื่อหวินที่เข้าใจเทคนิคการหายใจแล้ว จ้าวหงก็ยิ่งร้อนใจ
"แกร๊ก"
นิ้วของจ้าวหงหักหลังจากจิ้มไปที่ต้นไม้
จ้าวหงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซึ่งนี่แตกต่างจากเหอเหลิ่งเยว่
ถึงแม้ว่าเหอเหลิ่งเยว่จะมีเงินและใช้ยาที่แพงกว่า
แต่เหอเหลิ่งเยว่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถเข้าใจเทคนิคการหายใจได้แล้ว
ซื่อหวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากทายาเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาจ้าวหง
"จ้าวหง"
"เจ้าอย่าพึ่งใจร้อนไป เทคนิคการหายใจนั้นไม่ยากหรอก"
"มา มาฝึกตามข้ามา"
หลังจากนั้น ซื่อหวินจึงเริ่ม "ชี้แนะ" จ้าวหง
นี่ไม่ใช่ว่าซื่อหวินอวดเก่ง
ในสายตาคนอื่น ซื่อหวินดูเหมือนจะเพิ่งเข้าใจเทคนิคการหายใจเท่านั้น
แต่จริงๆแล้วซื่อหวินได้เร่งความเร็วการฝึกจากวงแหวนสีเขียวถึงสิบวัน
ดังนั้นประสิทธิภาพการฝึกของเขาจึงสูงมาก
ราวกับว่าเขาได้ฝึกเทคนิคการหายใจมาแล้วสองถึงสามเดือน
แก่นแท้ของเทคนิคการหายใจ ซื่อหวินเองก็เข้าใจอย่างเชี่ยวชาญแล้ว
ดังนั้น ซื่อหวินจึงเริ่มชี้แนะจ้าวหงอย่างตั้งใจ
เขาแทบจะจับหายใจแทนเลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ จ้าวหงเคยเห็นเซี่ยเหอสาธิตเทคนิคการหายใจให้ดูเพียงครั้งเดียว
แต่กลายเป็นว่าตอนนี้กลับเป็นซื่อหวินที่กำลังสอนจ้าวหงอยู่แทน
ดังนั้น จ้าวหงจึงเริ่มสงบจิตใจลง
ทันใดนั้น นิ้วอีกข้างของจ้าวหงได้จิ้มลงไปบนลำต้นไม้
"บู้มม!"
หลังจากนั้น ได้เกิดเสียงดังขึ้นบนลำต้นของต้นไม้
จ้าวหงถึงกับเบิกตากว้าง
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
"เจ้าซื่อ ข้า... ข้ารู้สึกว่าเข้าเริ่มใจเคล็ดลับของเทคนิคการหายใจแล้ว..."
ซื่อหวินยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
เขาทำเพียงแค่ตบบ่าจ้าวหงแล้วให้เขาฝึกฝนต่อไป
ด้วยการชี้แนะอย่างละเอียดของเขาจนแทบจะหายใจแทนเช่นนี้ ส่วนที่เหลือ ก็ขึ้นอยู่กับจ้าวหงแล้วที่จะต้องค่อยๆทำความคุ้นเคยกับการหายใจของตัวเอง
ฉากที่เกิดขึ้นนี้ ศิษย์คนอื่นๆเองก็ได้เห็นเช่นกัน
ทันใดนั้น สายตาของศิษย์บางคนก็เริ่มมีประกายแวววาว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ที่ยังไม่เข้าใจเทคนิคการหายใจ
เขามองไปที่ซื่อหวินเป็นระยะๆโดยที่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่?