ตอนที่แล้วบทที่ 1 ขาพิการ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ทุ่มหมดหน้าตัก!

บทที่ 2 พี่สาว!


บทที่ 2 พี่สาว!

"นี่มันอะไรกัน..."

ซื่อหวินเบิกตากว้าง

มีวงแหวนแห่งแสง สีแดงและสีเขียวปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

ซื่อหวินยื่นมือออกไปเพื่อจะแตะที่วงแหวนแห่งแสง แต่ปรากฏว่ามือของเขากลับทะลุผ่านวงแหวนนั้นไปโดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

"ซื่อฮุ่ย เธอเห็นอะไรอยู่ตรงหน้าพี่ไหม?"

ซื่อหวินถามซื่อฮุ่ย

"พี่หวิน มันไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้าพี่หรอกนะ นี่พี่เป็นอะไรไปน่ะ?"

ซื่อฮุ่ยรีบเอามือมาแตะหน้าผากของซื่อหวินแต่ปรากฎว่าพี่ชายของเธอก็ไม่ได้มีไข้อะไร

ซื่อหวินไม่พูดอะไร

แม้ว่าน้องสาวของเขาจะมองไม่เห็นวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้แต่ซื่อหวินกลับเห็นมันอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้า

ดูเหมือนว่าจะมีแต่เขาเท่านั้นที่มองเห็นวงแหวนแห่งแสง

เมื่อซื่อหวินหลับตาลง ในหัวของเขาก็ปรากฏความทรงจำบางอย่างขึ้นมา

เป็นความทรงจำบางอย่างที่เกี่ยวกับวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้

ซื่อหวินค่อยๆเรียบเรียงความทรงจำอย่างช้าๆ

"ฟุ่บ"

ซื่อหวินลืมตาขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความสามารถของวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้แล้ว

สีเขียวคือวงแหวนเร่งความเร็ว

สีแดงคือวงแหวนทะลวงขีดจำกัด

"หากข้าฝึกฝนทักษะใดทักษะหนึ่งจนเชี่ยวชาญมันจะเกิดรอยประทับขึ้น อย่างเช่นท่าวิดพื้นก็จะเกิดรอยประทับท่าวิดพื้น"

ซื่อหวินคิดในใจ

ซื่อหวินเห็นรอยประทับท่าวิดพื้นด้วยอยู่ใต้วงแสงทั้งสอง

ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาธิแล้วทำให้รอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีแดง

"วู้มม"

วงแหวนแห่งแสง สีแดงสั่นเล็กน้อยแล้วดีดรอยประทับท่าวิดพื้นกลับออกมา

วงแหวนแห่งแสง สีแดงนั้นมีไว้สำหรับทะลวงขีดจำกัด  

"ท่าวิดพื้นนั้นไม่มีขีดจำกัดอะไรดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทะลวงขีดจำกัด มันจึงรอยประทับท่าวิดพื้นออกมางั้นสินะ?"

"อย่างนั้นวงแหวนแห่งแสง สีเขียวน่าจะมีไว้เพื่อเร่งความเร็ว..ถ้าอย่างนั้นลองดูสักหน่อยดีกว่า"

ซื่อหวินจึงย้ายรอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีเขียว

"วู้มม"

เมื่อรอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีเขียวทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของซื่อหวิน

มันเหมือนกับว่าเขาฝึกวิดพื้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งวัน สองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน... จนถึงสิบวัน

หลังจากนั้นรอยประทับท่าวิดพื้นก็ถูกดีดออกมาซึ่งทำให้ซื่อหวินรู้สึกมึนงง ร่างกายอ่อนแรง ปวดหัวราวกับจะระเบิด เหมือนกับว่าพลังวิญญาณถูกสูบออกไปจนหมด

หลังจากนั้นวงแหวนแห่งแสงสีเขียวก็กลายเป็นสีเทา

ซื่อหวินหลับตาและหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ซื่อหวินจึงเข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของวงแหวนสีเขียวทันที

มันเหมือนกับเป็นการเร่งการฝึกฝนและเมื่อเขาใช้วงแหวนแห่งแสง สีเขียว เขาก็จะเหมือนกับฝึกวิดพื้นมาเป็นเวลาสิบวัน

แต่มันเป็นการฝึกฝนในจิตใจเท่านั้น ร่างกายของเขาจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ซึ่งข้อดีก็คือตอนนี้ซื่อหวินเชี่ยวชาญการวิดพื้นแล้ว นั่นหมายความว่าวงแหวนเร่งความเร็วจะส่งผลต่อจิตใจ ส่วนวงแหวนทะลวงขีดจำกัดนั้นจะส่งผลต่อร่างกาย

แต่ตอนนี้ซื่อหวินยังไม่สามารถทดสอบการทะลวงขีดจำกัดของวงแหวนแห่งแสง สีแดงได้

เพราะรอยประทับท่าวิดพื้นของซื่อหวินไม่มีขีดจำกัดอะไรอยู่แล้ว

ส่วนวงแหวนแห่งแสง สีเขียวถึงแม้ตอนนี้จะกลายเป็นสีเทา แต่เมื่อเวลาผ่านไปวงแหวนแห่งแสง สีเขียวก็จะค่อยๆฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง

แต่จะฟื้นฟูกลับมาเมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด

นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าวงแหวนแห่งแสงจะเกี่ยวข้องกับพลังจิตวิญญาณ

ซึ่งทุกครั้งที่ใช้วงแหวนแห่งแสง พลังจิตวิญญาณของซื่อหวินจะถูกสูบออกไปจนหมดซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก

ซื่อหวินจึงลองวิดพื้นดูสองสามครั้งและทุกครั้งที่วิดพื้นเขาก็ทำได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นมันจึงช่วยบริหารร่างกายของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ถึงยังไงข้าก็ต้องลองใช้วงแหวนทะลวงขีดจำกัดดูสักครั้ง"

"ถ้าวงแหวนทะลวงขีดจำกัดนี้มีไว้สำหรับทะลวงขีดจำกัดจริงๆบางทีข้าอาจจะลองฝึกวิทยายุทธ์ดูสักตั้ง!"

แววตาของซื่อหวินเริ่มเป็นประกาย

สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือวิทยายุทธ์

เพราะวิทยายุทธ์จะต้องมีขีดจำกัดแน่นอน

นอกจากนี้จากในความทรงจำของซื่อหวิน โลกใบนี้ก็มีผู้ฝึกวิทยายุทธ์อยู่และผู้ฝึกวิทยายุทธ์ยังมีสถานะสูงส่งอีกด้วย!

ถ้าเขาอยากจะลองผลการ "ทะลวงขีดจำกัด" ของวงแหวนแห่งแสงสีแดงเขาก็ควรจะไปฝึกวิทยายุทธ์

และยิ่งในยุคสมัยที่วุ่นวายเช่นนี้ การฝึกวิทยายุทธ์จึงจะทำให้เขามีพลังป้องกันตัวเองและปกป้องคนในตระกูลได้

ในคืนนั้น ซื่อหวินได้ลองวิดพื้นไปหลายครั้ง ซึ่งตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนแอมากดังนั้นเขาจึงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น

เขาออกกำลังกายไปเรื่อยๆทั้งคืนจนแขนอ่อนแรง

หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ไหว ซื่อหวินจึงหยุดพักและนอนหลับสนิทไป…

จนกระทั่งในตอนเช้า ซื่อหวินได้ยินเสียงเลื่อนประตูเบาๆ

"แคร่ก"

ซื่อหวินลืมตาขึ้นทันที

แสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องนั้นทำให้เขาแสบตาไปชั่วขณะ

แต่เมื่อซื่อหวินเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เขาก็เห็นซื่อฮุ่ยกำลังจะเปิดประตูอยู่

หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวร่าง "กำยำ" คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากนอกประตู

ใบหน้าของเธอคล้ายกับซื่อฮุ่ยมากทีเดียว

"พี่สาว กลับมาได้จังหวะพอดีเลย เมื่อวานพี่หวินฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ"

ซื่อฮุ่ยพูดกับเธอคนนั้นเบาๆ ซึ่งเธอคนนั้นก็คือพี่สาวคนโตของซื่อหวินชื่อว่าซื่อเหลียน

ถึงแม้ว่าชื่อของเธอจะดูเป็นหญิงสาวผู้บอบบางแต่ซื่อเหลียนนั้นไม่ได้ดูบอบบางเลย

ร่างกายของเธอดู "กำยำ" มาก นอกจากนี้สายตาของเธอยังดูเฉียบคมเป็นพิเศษ  

ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ แต่ทุกคนล้วนคิดว่าเธอเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งทั้งสิ้น

"ซื่อหวิน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้วรึ?!"

สีหน้าของซื่อเหลียนเผยให้เห็นรอยยิ้มและเธอก็รีบเข้ามาที่ข้างๆของซื่อหวินทันที

"พี่เหลียน"

ซื่อหวินยิ้มออกมา พี่สาวคนนี้แม้ว่าจะเหมือนเธอดูจะหยาบกระด้างจากภายนอก

แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเป็นอย่างมากและไม่ใช่คนหยาบคายเลย

นอกจากนี้ซื่อหวินก็ยังรู้ว่าพี่สาวของเขาเสียสละเพื่อตระกูลมากแค่ไหน

ในช่วงที่เขาหมดสติไปหลายวันนี้ เพื่อทำทุกอย่างเพื่อรักษาเขา พี่สาวของเขาถึงกับยอม “ขายตัว” ให้กับตระกูลหวังซึ่งเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งทางตะวันออกของเมือง

ซึ่งการขายตัวในที่นี้คือการขายตัวเองให้กลายเป็นทาส

และเมื่อใครก็ตามที่ได้เป็นทาสในตระกูลนั้นๆก็จะสูญเสียอิสรภาพไปตลอดกาล

ชั่วชีวิตหรือแม้กระทั่งลูกหลานก็ต้องเป็นวัวเป็นม้าและทำงานรับใช้ตระกูลเจ้านาย

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าบ้านยังสามารถทุบตีหรือฆ่าทาสได้ตามอำเภอใจโดยไม่ถูกลงโทษใดๆ

ดังนั้นเมื่อตกเป็นทาสแล้วก็จะถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของบ้านซึ่งสามารถจัดการได้ตามใจชอบ ดังนั้นจึงไม่ว่าใครก็ตามที่จะยอมทำเช่นนี้

ถ้าหากมีทางเลือกอื่น พวกเขาก็จะยอมไปขอทานและไม่ยอมขายตัวเองเป็นทาสโดยเด็ดขาด

แต่ทว่าเพื่อรักษาอาการป่วยของซื่อหวิน ซื่อเหลียนกลับไม่ลังเลที่จะขายตนเองให้กับตระกูลหวังโดยการเป็นสาวใช้เพื่อแลกกับเงินสิบตำลึง

ซึ่งนั่นทำให้ซื่อหวินจึงมีชีวิตรอดมาได้

แน่นอนว่าซื่อหวินรู้ดีแก่ใจว่าถึงแม้ซื่อเหลียนจะยอมขายตัวเองเพื่อรักษาเขา แต่ซื่อหวินคนเดิมได้ตายไปแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ลดทอนความรู้สึกซาบซึ้งที่เขามีต่อพี่สาวของเขาเลยแม้แต่น้อย

"ดีแล้ว…ดีแล้วล่ะที่ฟื้นขึ้นมาได้น่ะ"

ซื่อเหลียนมองไปที่ขาของซื่อหวินแว่บหนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรถึงขาของซื่อหวินเพราะเธอคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าขาขวาของซื่อหวินนั้นพิการ

"พี่เหลียน หน้าของพี่เป็นอะไรไปน่ะ?"

ซื่อหวินเห็นแก้มขวาของพี่สาวบวมแดงเล็กน้อย แถมยังมีรอยนิ้วมือที่ชัดเจน

นั่นหมายความว่าพี่สาวของเขาต้องไปโดนใครตบมาเป็นแน่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด