บทที่ 2 พี่สาว!
บทที่ 2 พี่สาว!
"นี่มันอะไรกัน..."
ซื่อหวินเบิกตากว้าง
มีวงแหวนแห่งแสง สีแดงและสีเขียวปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ซื่อหวินยื่นมือออกไปเพื่อจะแตะที่วงแหวนแห่งแสง แต่ปรากฏว่ามือของเขากลับทะลุผ่านวงแหวนนั้นไปโดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
"ซื่อฮุ่ย เธอเห็นอะไรอยู่ตรงหน้าพี่ไหม?"
ซื่อหวินถามซื่อฮุ่ย
"พี่หวิน มันไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้าพี่หรอกนะ นี่พี่เป็นอะไรไปน่ะ?"
ซื่อฮุ่ยรีบเอามือมาแตะหน้าผากของซื่อหวินแต่ปรากฎว่าพี่ชายของเธอก็ไม่ได้มีไข้อะไร
ซื่อหวินไม่พูดอะไร
แม้ว่าน้องสาวของเขาจะมองไม่เห็นวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้แต่ซื่อหวินกลับเห็นมันอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าจะมีแต่เขาเท่านั้นที่มองเห็นวงแหวนแห่งแสง
เมื่อซื่อหวินหลับตาลง ในหัวของเขาก็ปรากฏความทรงจำบางอย่างขึ้นมา
เป็นความทรงจำบางอย่างที่เกี่ยวกับวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้
ซื่อหวินค่อยๆเรียบเรียงความทรงจำอย่างช้าๆ
"ฟุ่บ"
ซื่อหวินลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความสามารถของวงแหวนแห่งแสง สองวงนี้แล้ว
สีเขียวคือวงแหวนเร่งความเร็ว
สีแดงคือวงแหวนทะลวงขีดจำกัด
"หากข้าฝึกฝนทักษะใดทักษะหนึ่งจนเชี่ยวชาญมันจะเกิดรอยประทับขึ้น อย่างเช่นท่าวิดพื้นก็จะเกิดรอยประทับท่าวิดพื้น"
ซื่อหวินคิดในใจ
ซื่อหวินเห็นรอยประทับท่าวิดพื้นด้วยอยู่ใต้วงแสงทั้งสอง
ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาธิแล้วทำให้รอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีแดง
"วู้มม"
วงแหวนแห่งแสง สีแดงสั่นเล็กน้อยแล้วดีดรอยประทับท่าวิดพื้นกลับออกมา
วงแหวนแห่งแสง สีแดงนั้นมีไว้สำหรับทะลวงขีดจำกัด
"ท่าวิดพื้นนั้นไม่มีขีดจำกัดอะไรดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทะลวงขีดจำกัด มันจึงรอยประทับท่าวิดพื้นออกมางั้นสินะ?"
"อย่างนั้นวงแหวนแห่งแสง สีเขียวน่าจะมีไว้เพื่อเร่งความเร็ว..ถ้าอย่างนั้นลองดูสักหน่อยดีกว่า"
ซื่อหวินจึงย้ายรอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีเขียว
"วู้มม"
เมื่อรอยประทับท่าวิดพื้นเข้าไปในวงแหวนแห่งแสง สีเขียวทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของซื่อหวิน
มันเหมือนกับว่าเขาฝึกวิดพื้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน... จนถึงสิบวัน
หลังจากนั้นรอยประทับท่าวิดพื้นก็ถูกดีดออกมาซึ่งทำให้ซื่อหวินรู้สึกมึนงง ร่างกายอ่อนแรง ปวดหัวราวกับจะระเบิด เหมือนกับว่าพลังวิญญาณถูกสูบออกไปจนหมด
หลังจากนั้นวงแหวนแห่งแสงสีเขียวก็กลายเป็นสีเทา
ซื่อหวินหลับตาและหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ซื่อหวินจึงเข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของวงแหวนสีเขียวทันที
มันเหมือนกับเป็นการเร่งการฝึกฝนและเมื่อเขาใช้วงแหวนแห่งแสง สีเขียว เขาก็จะเหมือนกับฝึกวิดพื้นมาเป็นเวลาสิบวัน
แต่มันเป็นการฝึกฝนในจิตใจเท่านั้น ร่างกายของเขาจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ซึ่งข้อดีก็คือตอนนี้ซื่อหวินเชี่ยวชาญการวิดพื้นแล้ว นั่นหมายความว่าวงแหวนเร่งความเร็วจะส่งผลต่อจิตใจ ส่วนวงแหวนทะลวงขีดจำกัดนั้นจะส่งผลต่อร่างกาย
แต่ตอนนี้ซื่อหวินยังไม่สามารถทดสอบการทะลวงขีดจำกัดของวงแหวนแห่งแสง สีแดงได้
เพราะรอยประทับท่าวิดพื้นของซื่อหวินไม่มีขีดจำกัดอะไรอยู่แล้ว
ส่วนวงแหวนแห่งแสง สีเขียวถึงแม้ตอนนี้จะกลายเป็นสีเทา แต่เมื่อเวลาผ่านไปวงแหวนแห่งแสง สีเขียวก็จะค่อยๆฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
แต่จะฟื้นฟูกลับมาเมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าวงแหวนแห่งแสงจะเกี่ยวข้องกับพลังจิตวิญญาณ
ซึ่งทุกครั้งที่ใช้วงแหวนแห่งแสง พลังจิตวิญญาณของซื่อหวินจะถูกสูบออกไปจนหมดซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก
ซื่อหวินจึงลองวิดพื้นดูสองสามครั้งและทุกครั้งที่วิดพื้นเขาก็ทำได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นมันจึงช่วยบริหารร่างกายของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ถึงยังไงข้าก็ต้องลองใช้วงแหวนทะลวงขีดจำกัดดูสักครั้ง"
"ถ้าวงแหวนทะลวงขีดจำกัดนี้มีไว้สำหรับทะลวงขีดจำกัดจริงๆบางทีข้าอาจจะลองฝึกวิทยายุทธ์ดูสักตั้ง!"
แววตาของซื่อหวินเริ่มเป็นประกาย
สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือวิทยายุทธ์
เพราะวิทยายุทธ์จะต้องมีขีดจำกัดแน่นอน
นอกจากนี้จากในความทรงจำของซื่อหวิน โลกใบนี้ก็มีผู้ฝึกวิทยายุทธ์อยู่และผู้ฝึกวิทยายุทธ์ยังมีสถานะสูงส่งอีกด้วย!
ถ้าเขาอยากจะลองผลการ "ทะลวงขีดจำกัด" ของวงแหวนแห่งแสงสีแดงเขาก็ควรจะไปฝึกวิทยายุทธ์
และยิ่งในยุคสมัยที่วุ่นวายเช่นนี้ การฝึกวิทยายุทธ์จึงจะทำให้เขามีพลังป้องกันตัวเองและปกป้องคนในตระกูลได้
ในคืนนั้น ซื่อหวินได้ลองวิดพื้นไปหลายครั้ง ซึ่งตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนแอมากดังนั้นเขาจึงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น
เขาออกกำลังกายไปเรื่อยๆทั้งคืนจนแขนอ่อนแรง
หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ไหว ซื่อหวินจึงหยุดพักและนอนหลับสนิทไป…
จนกระทั่งในตอนเช้า ซื่อหวินได้ยินเสียงเลื่อนประตูเบาๆ
"แคร่ก"
ซื่อหวินลืมตาขึ้นทันที
แสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องนั้นทำให้เขาแสบตาไปชั่วขณะ
แต่เมื่อซื่อหวินเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เขาก็เห็นซื่อฮุ่ยกำลังจะเปิดประตูอยู่
หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวร่าง "กำยำ" คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากนอกประตู
ใบหน้าของเธอคล้ายกับซื่อฮุ่ยมากทีเดียว
"พี่สาว กลับมาได้จังหวะพอดีเลย เมื่อวานพี่หวินฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ"
ซื่อฮุ่ยพูดกับเธอคนนั้นเบาๆ ซึ่งเธอคนนั้นก็คือพี่สาวคนโตของซื่อหวินชื่อว่าซื่อเหลียน
ถึงแม้ว่าชื่อของเธอจะดูเป็นหญิงสาวผู้บอบบางแต่ซื่อเหลียนนั้นไม่ได้ดูบอบบางเลย
ร่างกายของเธอดู "กำยำ" มาก นอกจากนี้สายตาของเธอยังดูเฉียบคมเป็นพิเศษ
ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ แต่ทุกคนล้วนคิดว่าเธอเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งทั้งสิ้น
"ซื่อหวิน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้วรึ?!"
สีหน้าของซื่อเหลียนเผยให้เห็นรอยยิ้มและเธอก็รีบเข้ามาที่ข้างๆของซื่อหวินทันที
"พี่เหลียน"
ซื่อหวินยิ้มออกมา พี่สาวคนนี้แม้ว่าจะเหมือนเธอดูจะหยาบกระด้างจากภายนอก
แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเป็นอย่างมากและไม่ใช่คนหยาบคายเลย
นอกจากนี้ซื่อหวินก็ยังรู้ว่าพี่สาวของเขาเสียสละเพื่อตระกูลมากแค่ไหน
ในช่วงที่เขาหมดสติไปหลายวันนี้ เพื่อทำทุกอย่างเพื่อรักษาเขา พี่สาวของเขาถึงกับยอม “ขายตัว” ให้กับตระกูลหวังซึ่งเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งทางตะวันออกของเมือง
ซึ่งการขายตัวในที่นี้คือการขายตัวเองให้กลายเป็นทาส
และเมื่อใครก็ตามที่ได้เป็นทาสในตระกูลนั้นๆก็จะสูญเสียอิสรภาพไปตลอดกาล
ชั่วชีวิตหรือแม้กระทั่งลูกหลานก็ต้องเป็นวัวเป็นม้าและทำงานรับใช้ตระกูลเจ้านาย
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าบ้านยังสามารถทุบตีหรือฆ่าทาสได้ตามอำเภอใจโดยไม่ถูกลงโทษใดๆ
ดังนั้นเมื่อตกเป็นทาสแล้วก็จะถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของบ้านซึ่งสามารถจัดการได้ตามใจชอบ ดังนั้นจึงไม่ว่าใครก็ตามที่จะยอมทำเช่นนี้
ถ้าหากมีทางเลือกอื่น พวกเขาก็จะยอมไปขอทานและไม่ยอมขายตัวเองเป็นทาสโดยเด็ดขาด
แต่ทว่าเพื่อรักษาอาการป่วยของซื่อหวิน ซื่อเหลียนกลับไม่ลังเลที่จะขายตนเองให้กับตระกูลหวังโดยการเป็นสาวใช้เพื่อแลกกับเงินสิบตำลึง
ซึ่งนั่นทำให้ซื่อหวินจึงมีชีวิตรอดมาได้
แน่นอนว่าซื่อหวินรู้ดีแก่ใจว่าถึงแม้ซื่อเหลียนจะยอมขายตัวเองเพื่อรักษาเขา แต่ซื่อหวินคนเดิมได้ตายไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ลดทอนความรู้สึกซาบซึ้งที่เขามีต่อพี่สาวของเขาเลยแม้แต่น้อย
"ดีแล้ว…ดีแล้วล่ะที่ฟื้นขึ้นมาได้น่ะ"
ซื่อเหลียนมองไปที่ขาของซื่อหวินแว่บหนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรถึงขาของซื่อหวินเพราะเธอคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าขาขวาของซื่อหวินนั้นพิการ
"พี่เหลียน หน้าของพี่เป็นอะไรไปน่ะ?"
ซื่อหวินเห็นแก้มขวาของพี่สาวบวมแดงเล็กน้อย แถมยังมีรอยนิ้วมือที่ชัดเจน
นั่นหมายความว่าพี่สาวของเขาต้องไปโดนใครตบมาเป็นแน่!